สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ - “ผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น”

สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ - “ผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น”

#ช้างศึก x Play Now Thailand
#ChangsuekAttitude

ในนาทีที่ 65 ของการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกคู่ระหว่าง สุโขทัย เอฟซีเปิดบ้านพบกับตราด เอฟซี เมื่อ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ กองกลางทีมเยือนทำประตูแรกของตนเองในเกมนี้ หลังจากนั้นเขาผละจากเพื่อนร่วมทีมที่เข้ามารุมล้อมยินดี วิ่งไปริมสนามด้านหนึ่ง พนมมือแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า คงเป็นภาพที่สร้างความตื้นตันประทับใจให้กับแฟนบอลหลายๆ คนที่รับรู้เรื่องราว เพราะ “คนบนฟ้า” ที่สรรเสริญส่งใจไปถึงว่า “ผมทำได้แล้วนะ” ก็คือพ่อของเขาที่เพิ่งเสียชีวิตก่อนการแข่งขันนัดนี้เพียงหนึ่งวัน...
 

“พ่อคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟุตบอลของผม” สรรเสริญ หรือ “โก้” กล่าวถึงคุณพ่อ สเกน ลิ้มวัฒนะ ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนให้ตัวเขาและพี่ชายอีกสองคน คือ ปกเกล้า และ บารมี ได้เล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง

“เขามีส่วนทุกอย่างเลยครับ พ่อสอนฟุตบอลให้ตั้งแต่เรายังเด็ก เป็นคนพาผมไปซ้อมทุกวัน เขาเป็นโค้ชคนแรกของผมก็ว่าได้”

จากจุดเริ่มต้นที่พ่อปูพื้นฐานฟุตบอลให้เขาตั้งแต่วัยเยาว์ บวกพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัว สรรเสริญจึงพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างโดดเด่น ราว 5-6 ปีก่อนเขาถูกจับตามองในฐานะกองกลางดาวรุ่งที่ครบเครื่องทั้งทักษะ การคุมจังหวะเกม การจ่ายบอลสั้น-ยาวที่แม่นยำ แถมยังมีลูกยิงไกลเป็นทีเด็ด

สรรเสริญติดทีมชาติเยาวชนมาแล้วทุกชุด แต่ทัวร์นาเมนต์ที่เขาคิดว่าตัวเองทำผลงานได้ดีและภูมิใจที่สุด คือเมื่อครั้งที่สวมเสื้อเบอร์ 10 ของทีมชาติไทยชุด U19 ลงแข่งในรายการชิงแชมป์อาเซียน หรือ AFF 2015 กระทั่งทีมชุดนั้นคว้าแชมป์มาครองจากนัดชิงฯ ที่ชนะทีมชาติเวียดนามไปอย่างสะใจกองเชียร์ถึง 6-0 ประตู
 

รวมทั้ง สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ก็ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นกองกลางคนสำคัญของทีมชาติไทยชุดใหญ่ในอนาคต
 

“น่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ผมไม่เคยลืม เพราะเป็นช่วงที่ดีที่สุด กับทีมที่ดีที่สุดในชีวิตการเล่นบอลของผม แต่ว่ามันก็มีสองด้านนะ พอหลังจากนั้นผมก็เละเทะ”

คำกล่าวข้างต้นของสรรเสริญ เราอาจตามร่องรอยได้จากเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลอาชีพของเขาที่ทำท่าว่าจะดี เมื่อสโมสรใหญ่อย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดติดใจฝีเท้าจนดึงตัวไปร่วมทีม ต่อมายังได้ย้ายไปแบงค็อก ยูไนเต็ด
 

ทว่าช่วงเวลาในทีมใหญ่เขาไม่สามารถเบียดตำแหน่งตัวจริงมาอย่างถาวร จากนั้นถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้ทีมต่างๆ หลายรอบ จนกลายเป็นจอมพเนจร อะไรเป็นสาเหตุให้มิดฟิลด์อนาคตไกลเกิดอาการสะดุด

“คงเป็นเพราะเราดังเร็วเกินไปมั้งพี่” สรรเสริญเผย ก่อนที่เขาจะยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า “เรียกว่าเรามีอีโก้ ติดเที่ยว พูดง่ายๆ ช่วงนั้นเอาทุกอย่างครับ เสเพล ไปเที่ยว ติดกินเหล้า ไปซ้อมไม่ไหว บางทีเมาไปซ้อม เราหลงระเริงไง ตอนนั้นคิดว่าไม่เป็นไร แต่คนอื่นเขาเห็น ผู้ใหญ่เห็น ก็คงไม่มีใครชอบ”

ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นไล่ๆ กับเขาอย่าง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ หรือ ศุภชัย ใจเด็ด กับอีกหลายคนกำลังทำผลงานไต่ระดับในลีกสูงสุด ทว่าชื่อเสียงของ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ดูจะค่อยๆ เลือนไปจากการรับรู้ของแฟนบอลไทย

แม้ว่าต่อมาเขาจะย้ายมาอยู่ในสังกัดการท่าเรือ เอฟซี แต่ก็มีข่าวว่าเป็นการแถมมาในแพ็กเกจที่ทีมซื้อตัว สุมัญญา ปุริสาย
 

จุดเปลี่ยนที่สำคัญของสรรเสริญเกิดขึ้นในช่วงนี้ เมื่อได้ทราบว่าพ่อสเกนป่วยด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง “คือมันรู้สึกท้อ ว่าทำไมที่ผ่านมาผมถูกให้ยืมตัวไปทีมนั้น ถูกขายไปทีมนี้ เราไม่ดีตรงไหน เราก็กลับมามองตัวเองว่าเราทำอะไรมาบ้าง พอดีพ่อผมเริ่มป่วยด้วย ก็เลยตัดสินใจว่า ลองอีกสักตั้ง เอาให้สุด เพราะพ่อหวังกับผมมากเรื่องฟุตบอล เขาสร้างผมมา เราอยากให้แบบว่า...ก่อนเขาจะไป ผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น อยากให้เขาภูมิใจในตัวเรา”

“ผมเลิกกินเหล้า ลดการเที่ยว มันก็ทำให้ร่างกายเราใช้งานได้มากขึ้น รู้สึกว่าฟิตขึ้น แล้วเราก็โฟกัสกับฟุตบอล ตั้งใจซ้อมมากขึ้น อีโก้ก็ต้องลดลงอยู่แล้ว เพราะเราตั้งใจอยากเล่นฟุตบอล ก็ต้องสนใจทุกอย่างที่โค้ชสอน ผมพยายามทำให้ดีที่สุด”

ด้วยความที่การท่าเรือมีนักเตะซูเปอร์สตาร์ล้นทีม สรรเสริญไม่วายถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้งไปที่ตราด เอฟซี แต่ข้อดีคือเปิดโอกาสให้เขาได้ลงเล่นสม่ำเสมอ และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะกลับมาสู่เส้นทางฟุตบอล สื่อมวลชนบางรายเคยเขียนชื่นชมเจ้าโก้ว่าโชว์ฟอร์มได้ดีกับทีมใหม่ ช่วยเพิ่มมิติในเกมรุกของทีมตราด จากศักยภาพการผ่านบอลที่แม่นยำหลากหลายของเขา และที่สำคัญคือความทุ่มเทในเกมรับ การวิ่งไล่แย่งบอลจากคู่แข่ง

กระทั่งวันที่ 16 ก.พ. 64 ทีมตราด เอฟซี เดินทางมาพักที่จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นมีกำหนดไปลงสนามแข่งกับสุโขทัย เอฟซี ข่าวการจากไปของพ่อก็เดินทางมาสู่การรับรู้ของสรรเสริญ

สิ่งที่เขาเลือกอาจทำให้บางคนแปลกใจ สรรเสริญตัดสินใจบอกกับสตาฟฟ์โค้ชของทีมว่า ขออยู่ช่วยทีมลงแข่งก่อนจะกลับไปร่วมงานศพของพ่อ

“จริงๆ ผมทำใจไว้บ้างแล้ว เพราะอาการของพ่อไม่ดีมาตั้งหลายเดือนแล้วครับ แล้วเราก็รู้นิสัยพ่อด้วยว่า ถ้าพ่อยังอยู่ พ่อต้องบอกว่าให้ไปเล่นฟุตบอลก่อน เรารู้ไงว่าพ่อเป็นคนแบบนี้ เลยตัดสินใจว่าไปลงแข่งก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยกลับไป พ่อน่าจะดีใจมากกว่า”

สรรเสริญยังบอกอีกว่า “แล้วอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้ผลงานของทีมตราดไม่ค่อยดี การแข่งขันจึงมีความสำคัญทุกนัด ต้องเล่นเต็มร้อยเพื่อให้มีแต้ม ซึ่งเราก็ต้องเคลียร์ตัวเองให้ลงเล่นโดยไม่พะวง”

การแข่งขันวันนั้นคงเป็นเกมแห่งความทรงจำของสรรเสริญ โดยเฉพาะในนาทีที่ 65 ที่เขาทำประตูแรกของตัวเองให้พ่อได้รับรู้

“ผมไม่รู้ว่าแรงผลักดันมาจากไหน แต่ว่าเราอยากทำให้ดีที่สุด อาจเป็นเพราะโชคด้วย จังหวะในการเล่นด้วย แต่ว่าก่อนลงสนาม ผมนึกถึงพ่อ ขอให้เขามาช่วย แล้วความรู้สึกของเราเหมือนเขามาจริงๆ ไม่ใช่แค่ผมทำได้คนเดียว แต่เหมือนพ่อมาช่วยผมด้วย”

การแข่งขันจบลงโดยสรรเสริญใช้เวลาห่างกัน 13 นาที ยิงคู่แข่งไป 3 ประตู ในนาทีที่ 65, 75 และ 79 สร้างสถิติเป็นผู้เล่นไทยคนแรกในรอบ 3 ปีที่ทำแฮตทริกได้ในไทยลีก

“พอยิงลูกแรกได้ ผมรู้สึกว่าโอเค เราทำได้แล้ว แต่พอลูกที่สอง ลูกที่สามตามมา ความรู้สึกมันสุดๆ นะ แล้วใจผมคิดว่า ครั้งนี้พ่อช่วยทุกอย่างแล้ว เขามาช่วยผมเป็นครั้งสุดท้าย เหมือนอยากให้ผมมีจุดเปลี่ยนที่จะกลับมาสู่เส้นทางนักฟุตบอล”

คงเป็นอย่างที่สรรเสริญบอกไว้ว่า พ่อมีความหมายเป็นทุกอย่างในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเขา ลองคิดดูจึงไม่แปลกที่เขาเลือกที่จะไม่กลับไปร่วมงานศพในทันที ในเมื่อสายสัมพันธ์เหนียวแน่นของพ่อลูกก็คือฟุตบอล อะไรจะดีไปกว่าการลงสนามแข่งเพื่อเตะฟุตบอล และพิสูจน์ผลงานให้พ่อได้รับรู้และภาคภูมิใจในตัวเขา

สรรเสริญบอกไว้ว่าเขาไม่คาดหวังกับอนาคตข้างหน้า เพียงแต่จะพยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทให้กับฟุตบอลอย่างเต็มร้อย ซึ่งเป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับพ่อผู้ล่วงลับ

เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนคงเอาใจช่วยให้โก้ข้ามพ้นอดีตที่เป็นบทเรียน แล้วกลับมาสู่เส้นทางแห่งการทุ่มเทเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายที่นักเตะอย่างเขาควรไปให้ถึง บางทีประตูแห่งโอกาสของทีมชาติไทยอาจเปิดต้อนรับ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ อีกก็เป็นได้