12 กุมภาพันธ์ 2564
ก่อนลงสนาม...วิ่งเสริมสุขภาพ (หัวใจ)
ช้างศึก x Play Now Thailand
การวิ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่เรียบง่ายที่สุด อาศัยอุปกรณ์น้อยที่สุด แค่มีรองเท้าวิ่ง ถุงเท้า เสื้อ และกางเกงเหมาะๆ ก็ออกวิ่งได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมทีมหรือคู่แข่งขัน การวิ่งทำได้ทุกวี่ทุกวันตามแต่ใจปรารถนา
การวิ่งยังเป็นพื้นฐานและส่วนประกอบหนึ่งของกีฬาแทบทุกชนิด ไม่ว่าฟุตบอล บาสเกตบอล เบสบอล เทนนิส แบดมินตัน มวย ยิมนาสติก เทควันโด ฯลฯ ล้วนมีการวิ่งเป็นส่วนหนึ่ง บ่อยครั้งที่เราได้ยินนักบันทึกสถิติรายงานตัวเลขที่น่าทึ่งว่านักฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีกของอังกฤษวิ่งตลอดการแข่งขันนัดหนึ่ง 90 นาที เป็นระยะทางมากกว่า 11-12 กิโลเมตร ฤดูกาลหนึ่งมี 38 นัด นักเตะจอมขยันหลายๆ คนวิ่งเป็นระยะทางรวมกันทั้งซีซันมากกว่า 300 กิโลเมตร ยกตัวอย่าง เจมส์ วอร์ด-พราวส์ มิดฟิลด์ตัวรับของเซาแธมป์ตันได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่วิ่งเยอะที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/2020 วิ่งทั้งฤดูกาลระยะทางมากถึง 334.58 กิโลเมตร
ในไทยลีกเองแม้จะยังไม่มีการเก็บสถิติเป็นตัวเลขที่ชัดเจน แต่ก็คาดว่านักเตะคนหนึ่งวิ่งนัดหนึ่งไม่น้อยหน้านักฟุตบอลต่างชาติ กีฬาประเภทอื่นๆ เช่น แบดมินตัน เทนนิส แม้ระยะทางวิ่งจะไม่มากเท่าฟุตบอลที่สนามมีพื้นที่กว้างกว่า แต่การวิ่งของนักแบดมินตันก็จริงจังและหนักหน่วงไม่น้อยหน้า แถมยังมีทั้งจังหวะวิ่งเบาวิ่งหนักจนเหงื่อโชก
การวิ่งเป็นพื้นฐานของกีฬาหลายหลาก แต่สำหรับการวิ่งระยะไกล หมายถึงระยะทางตั้งแต่หลายร้อยเมตรขึ้นไปจนถึงหลายกิโลเมตร ที่ผู้วิ่งต้องใช้ความเร็วสม่ำเสมอ วิ่งต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ยังมีข้อเด่นเรื่องบริหารหัวใจ
ในทางวิทยาศาสตร์การกีฬา การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic) แปลตรงตัวว่า “ใช้อากาศ” หมายถึง การออกกำลังกายที่ร่างกายต้องใช้ออกซิเจน เน้นความสำคัญของการหายใจเข้าออก เพื่อให้หัวใจและหลอดเลือดสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ระหว่างการออกกำลังกายแบบแอโรบิกอัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ที่ประมาณ 60-80 เปอร์เซนต์ ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ร่างกายใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและไขมันสะสม โดยอาศัยออกซิเจนช่วยแปรสภาพไขมันเป็นพลังงาน ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน การออกกำลังกายหรือกิจกรรมในกลุ่มแอโรบิกจะไม่รุนแรงหรือโหมหนัก แต่จะเน้นความต่อเนื่องยาวนาน เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน กระโดดเชือก ปีนเขา เต้นแอโรบิก
ส่วนการออกกำลังกายอีกประเภทหนึ่งคือแอนแอโรบิก (Anaerobic) แปลตรงตัวว่า “ไม่ใช้อากาศ” หมายถึง การออกกำลังกายที่ร่างกายไม่ใช้ออกซิเจนในชั่วขณะ อัตราการเต้นของหัวใจสูงถึงประมาณ 80-92 เปอร์เซ็นต์จากอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด พลังงานที่ร่างกายใช้ระหว่างออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิกเป็นพลังงานสะสมที่ร่างกายเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อ
ส่วนใหญ่เป็นการออกกำลังกายในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องโหมกำลังสุดตัว หรือเร่งความเร็วสุดฝีเท้า เช่น วิ่ง 100 เมตร ปั่นจักรยานทำความเร็ว เล่นเวท (weight training) สังเกตได้ว่าระหว่างลงแข่งขันผู้เล่นจะไม่สามารถหายใจได้สะดวก หรือไม่ได้หายใจเลยด้วยซ้ำ
หนังสือ วิ่งสู่ชีวิตใหม่ สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน เขียนโดย นพ. อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ซึ่งค้นพบวิธีฟื้นฟูดูแลสุขภาพหัวใจด้วยการวิ่ง เปรียบเทียบการออกกำลังกายด้วยการวิ่งกับกีฬาชนิดอื่นว่า ตามหลักเวชศาสตร์กีฬา แพทย์ไม่ถือว่ากีฬาอย่าเทนนิส แบดมินตัน เป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับบริหารหัวใจ เพราะเป็นการออกกำลังหัวใจแบบเปิดๆ ปิดๆ
คุณหมอยกตัวอย่างสถานการณ์บนคอร์ดเทนนิส ขณะผู้เล่นฝ่ายหนึ่งยืนรอลูกเสิร์ฟ หัวใจจะอยู่ในภาวะพัก ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เสิร์ฟลูกข้ามตาข่ายมาอย่างรุนแรง ต้องถลันวิ่งออกไปสุดกำลัง จังหวะนั้นร่างกายได้เปลี่ยนจากภาวะพักเป็นภาวะทำงานหนักในฉับพลันทันที เมื่อตีลูกโต้ข้ามไปได้สำเร็จก็ได้หยุดพักอีก เมื่อลูกถูกตีโต้กลับมาและโยกไปอีกด้านของสนาม ก็ต้องวิ่งตามไปด้วยความเร็ว พฤติกรรมของร่างกายในสภาวะเช่นนี้ หากนำมาพล็อตกราฟการทำงานของหัวใจ จะได้เส้นกราฟสูงๆ ต่ำๆ เหมือนเครื่องยนต์เดี๋ยวหยุดเดี๋ยวเร่ง หากเป็นคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วอาจจะยิ่งพังเร็วเข้าไปใหญ่
ต่างจากการวิ่งหรือจ็อกกิ้งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ กราฟการทำงานของหัวใจจะมีลักษณะราบเรียบ ต่อเนื่อง โดยกล้ามเนื้อหัวใจได้ออกกำลังเพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง จึงช่วยบริหารหัวใจได้ดีกว่า
ลักษณะการวิ่งที่ช่วยบริหารหัวใจเป็นการวิ่งช้าๆ ผู้วิ่งถือสิทธิ์เป็นผู้ควบคุมความเร็วด้วยตัวเองให้วิ่งได้ระยะทางไกลๆ หรือได้ระยะเวลานานๆ จึงเป็นการวิ่งเพื่อเสริมสุขภาพหัวใจ
การวิ่งเป็นประจำนอกจากจะช่วยพัฒนาความแข็งและความทนทานของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แล้วยังช่วยบริหารหัวใจ ก่อนที่นักกีฬาประเภทต่างๆ รวมทั้งนักเตะจะลงสนามไปวิ่งล่าตาข่ายตามแบบฉบับของฟุตบอลนั่นเอง
TAG ที่เกี่ยวข้อง