stadium

กฤษดา วงษ์แก้ว : จากนักปิงปองตัวจังหวัด สู่ผู้นำทัพฟุตซอลทีมชาติไทย

1 กุมภาพันธ์ 2564

กฤษดา วงษ์แก้ว : จากนักปิงปองตัวจังหวัด สู่ผู้นำทัพโต๊ะเล็กฟุตซอลทีมชาติไทย

#ChangsuekFutsalCorner

 

ลงเล่นฟุตซอลอาชีพด้วยวัยเพียง 18 ปี คว้าแชมป์ไทยลีก 10 สมัย เถลิงแชมป์สโมสรเอเชียอีก 2 สมัย สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติไทย ได้ลุย "ฟีฟ่า เวิลด์คัพ" 2 สมัย และเตรียมติดยศ ร.ต.ต. นี่คือกราฟชีวิตของชายที่ชื่อว่า "กฤษดา วงษ์แก้ว "

 

แน่นอนว่าในปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จัก "กัปตันช้าง" กฤษดา วงษ์แก้ว ดาวเตะหน้าหนวดขวัญใจกองเชียร์ชาวไทย ที่เป็นแบบอย่างของนักเตะรุ่นหลัง ทั้งใน และนอกสนาม ด้วยเป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นง่าย ชอบช่วยเหลือสังคม ทำให้ "กัปตันช้าง" เป็นที่รักของใครหลายๆ คน  

 

แต่ก่อนที่ ดาวเตะจากจังหวัดราชบุรี จะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของทีมฟุตซอลไทย จะมีใครรู้บ้างว่าสมัยวัยเด็ก ด.ช.กฤษดา วงษ์แก้ว มีพรสวรรค์เริ่มเล่นกีฬาปิงปอง ก่อนฉายฟอร์มเก่งในระดับเยาวชน เป็นตัวแทนโรงเรียนเทศบาล 2 วัดบ้านโป่ง คว้าถ้วยแชมป์มาครองหลายรายการ และเป็นตัวแทนจังหวัดราชบุรี ลงแข่งขันรายการต่างๆ มาแล้วในสมัยเรียนชั้นประถมศึกษา

 

ถ้าหาก "กัปตันช้าง" เอาดีกับกีฬาปิงปอง ไม่แน่เจ้าตัวอาจพัฒนาฝีมือจนก้าวไปติดทีมชาติไทย ก็เป็นได้ใครจะไปรู้ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของ กฤษดา วงษ์แก้ว คือต้องย้ายมาเรียนต่อมัธยมที่ โรงเรียนสามัคคีคุณูปถัมภ์ ซึ่งไม่มีโต๊ะปิงปอง และไม่มีโค้ชที่สอนปิงปอง  

 

ทำให้ "ช้าง" ที่มีใจรักกีฬาอยู่แล้ว หันไปเอาดีกับกีฬาฟุตบอล จนก้าวขึ้นไปเป็นตัวแทนโรงเรียนลงแข่งขันรายการต่างๆ ภายในจังหวัดราชบุรี พร้อมเดินสายหารายได้ช่วยเหลือครอบครัวได้ตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี ก่อนฟอร์มไปเข้าตา โรงเรียนโพธาวัฒนาเสนี ให้ไปคัดตัวในโควต้านักกีฬาฟุตซอล แม้จะเริ่มจากไม่รู้อะไรเลยแต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ สุดท้ายเจ้าตัวก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของโรงเรียน และจังหวัดราชบุรี ได้สำเร็จ  

 

พร้อมประสานงานกับเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า "อาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง พาจังหวัดราชบุรี สร้างชื่อในระดับประเทศ จนสุดท้ายทั้งคู่ได้โอกาสสำคัญของชีวิตเข้าไปร่วมฝึกซ้อมกับสโมสร ชลบุรี บลูเวฟ ยอดทีมแกร่งของเมืองไทย ก่อนสร้างประวัติศาสตร์มากมายให้กับตัวเอง และสโมสร  

 

ไล่ตั้งแต่เป็นแชมป์ "ฟุตซอล ไทยลีก" 10 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 5 สมัย, แชมป์สโมสรเอเชีย 2 สมัย, แชมป์สโมสรอาเซียน 1 สมัย พร้อมติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุ 21 ปี ลงแข่งขัน เอเชียน อินดอร์เกมส์ 2009 ที่ประเทศเวียดนาม ยาวมาจนถึงปัจจุบัน และได้ลุยฟุตซอลโลก มาแล้วถึง 2 สมัย

 

ก่อนที่ กฤษดา วงษ์แก้ว ที่ในวัยรุ่นเจ้าตัวมีนิสัยขี้เล่น ชอบแกล้งเพื่อนๆ อยู่เป็นประจำ จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต ต้องรับช่วงต่อก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมชาติไทย หลัง สุรพงษ์ ทมพา นายทวารกัปตันทีมวัย 33 ปี(ในตอนนั้น) ประกาศลาทีมชาติไทย หลังจบเกมพ่าย สเปน 1-7 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ

 

ทำให้ วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ เฮดโค้ชทัพช้างศึกโต๊ะเล็กไทย ณ เวลานั้น ต้องหากัปตันทีมชาติไทย คนใหม่ ซึ่งตอนแรกทุกคนต่างมุ่งเป้าไปที่ "เทพอาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่มีความเป็นผู้นำ และเคยสวมปลอกแขนกัปตันมาหลายครั้ง แต่ "เจ้าอาร์ม" เกิดนึกสนุกรวมหัวกับเพื่อนร่วมทีมแกล้งเพื่อนซี้จากจังหวัดราชบุรี เสนอชื่อให้ "ช้าง" รับหน้าที่เป็นกัปตันฟุตซอลไทย  

 

จนสุดท้าย  “ช้าง” กฤษดา วงษ์แก้ว ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติไทย รับบทผู้นำในวัยเพียง 24 ปี มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้เจ้าตัวใช้จุดนี้เป็นแรงผลักดัน ทำให้ตัวเองมีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมั่นมากขึ้น เป็นคนที่คอยสื่อสาร กระตุ้นเพื่อนร่วมทีม และแสดงความรับผิดชอบ ความเป็นมืออาชีพออกมาเพื่อเป็นแบบอย่างแก่เพื่อนร่วมทีม และรุ่นน้องในทีม

 

ปัจจุบัน กัปตันทีมชาติไทย กำลังทำอีกหนึ่งความฝันของตัวเอง และครอบครอบ ปัจจุบันเข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (หลักสูตร กอส.) รุ่นที่ 46 เพื่อประดับยศ ร้อยตำรวจตรี  

 

แม้วัยจะเข้าสู่วัย 32 ปี แต่ “กัปตันช้าง” กฤษดา วงษ์แก้ว ยังคงรักษาสภาพร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นแกนหลักให้กับสโมสรพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี และทีมชาติไทย ซึ่งเจ้าตัวก็เคยประกาศไว้แล้วหากพาทีมชาติไทย ได้แชมป์เอเชีย สำเร็จ หรือลุยฟุตซอลโลก อีกสักสมัย ก็พร้อมประกาศอำลาทัพช้างศึก เปิดทางให้นักเตะรุ่งใหม่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของทัพช้างศึก ในรุ่นต่อไป.


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

Futsal Addict

Changsuek Content Creator

La Vie en Rose