stadium

สิ่งที่น่าติดตามใน HSBC BWF World Tour Finals

25 มกราคม 2564

ผ่านไป 2 ศึกใหญ่ ที่ใส่กันหูดับตับไหม้ มาถึงรายการสุดท้าย ซึ่งนับเป็นการรูดม่านปิดฉากฤดูกาล 2020 ของกีฬาแบดมินตัน นั่นก็คือ HSBC BWF World Tour Finals ที่จะคัดเอา 8 สุดยอดมือดีในแต่ละประเภท มาดวลกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง  

 

การจะเข้าแข่งรายการ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ได้นั้น แค่ฝีมือยังไม่เพียงพอ แต่ต้องมีผลงานดีสม่ำเสมอจนทำอันดับติด 1 ใน 8 ได้สำเร็จ

 

นอกจากเป็นรายการใหญ่ที่มีเงินรางวัลให้แชมป์ประเภทเดี่ยวถึง 3.6 ล้านบาท และแชมป์ประเภทคู่ถึงเกือบ 3.8 ล้านบาทแล้ว ยังมีแต้มให้สะสมเป็นรองเพียงรายการแบดมินตันชิงแชมป์โลกและโอลิมปิก เกมส์ เท่านั้น

 

ขณะเดียวกัน HSBC BWF World Tour Finals ยังมีอะไรน่าสนใจอีกมากมาย ติดตามได้ที่นี่  

 

 

 

บาส ป้อ ... ขอลุ้นคว้าทริปเปิลแชมป์

 

ผลงานร้อนแรงเกินต้าน สำหรับคู่ผสมสุดฮอตของไทย บาส เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ที่จัดให้แฟนแบดมินตันชาวไทยได้แฮปปี้กันถ้วนหน้า กับการคว้าแชมป์ 2 รายการติดภายใน 2 สัปดาห์ ทั้ง โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น และ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น และมาจากการเอาชนะอีก 2 คู่ตัวเต็งทั้ง ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดวา อ๊อกตาวิอานติ คู่มือ  4 ของโลกจากอินโดนีเซียในรายการแรก และซอ ซึง แจ กับ แช ยู จุง คู่มือ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ในรายการหลัง ดังนั้นจึงมีโอกาสไม่น้อยที่เราจะได้เห็นบาส-ป้อคว้าแชมป์ 3 รายการติดภายใน 3 สัปดาห์ เหมือนที่ เมย์ รัชนก อินทนนท์ เคยทำได้ในปี 2016

 

 

แอ็กเซลเซ่น กับเส้นทางสู่ ดับเบิล ทริปเปิลแชมป์

 

เรียกว่าพอออกสตาร์ทก็นอนสต็อปสำหรับ วิกเตอร์ แอ็กเซลเซ่น ทั้งที่ก่อนเดินทางมาบ้านเรา แชมป์โลกปี 2017 ชาวเดนมาร์ก ไม่ได้ลงแข่งยาวนานถึง 10 เดือน เนื่องจากตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการเจ็บที่ข้อเท้า รวมทั้งต้องหยุดพักเพราะโควิด แต่เมื่อได้ลงบู๊แมตช์แรกฟอร์มของเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากตอนคว้าแชมป์ออลอิงแลนด์เมื่อปีที่แล้ว และยิ่งไม่มี เคนโตะ โมโมตะ ขวางทาง ก็ไม่มีใครหยุดแอ็กเซลเซ่นได้ แอ็กเซลเซ่นคว้าแชมป์ 2 รายการติดแบบเสียแค่เกมเดียว และกับรายการ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ที่เขาทำผลงานน่าผิดหวังเมื่อครั้งที่แล้วในปี 2019 เจ้าตัวย่อมอยากจะแก้มือและคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ ซึ่งหากทำได้สำเร็จนอกจากจะเป็นการคว้า 3 แชมป์ใน 3 สัปดาห์ติดต่อกัน บวกกับคว้าแชมป์ได้ 5 รายการติดแล้ว ยังเป็นการคว้าแชมป์ไฟนัลส์หนที่ 3 ในอาชีพ ต่อจากรายการ เวิลด์ ซูเปอร์ซีรี่ส์ ไฟนัลส์ เมื่อปี 2016 และ 2017 อีกด้วย

 

 

มาริน ความฮอตต่อเนื่อง

 

ปี 2021 คือฟ้าหลังฝนของ กาโรลิน่า มาริน ยอดนักแบดมินตันชาวสเปนอย่างแท้จริง โดยในปี 2019 เธอต้องพักรักษาอาการเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกนานถึง 8 เดือน ก่อนจะกลับมาแข่งและคว้าแชมป์ได้ 3 รายการ แต่ในปี 2020 กลับเป็นปีที่ว่างเปล่า ถึงแม้จะเข้าชิง 3 รายการ แต่ก็ได้เพียงแค่รองแชมป์ และเมื่อบวกกับการเสียชีวิตของพ่อในเดือนกรกฎาคมทำให้หลายคนคิดว่า มารินอาจจะไม่สามารถกลับมายืนแถวหน้าในวงการได้อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม แค่เปิดมาเดือนแรกในปี 2021 มารินก็แสดงให้เห็นว่า ดีกรีแชมป์โลก 3 สมัย และเหรียญทองโอลิมปิกปี 2016 ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หลังคว้าแชมป์ 2 รายการที่ผ่านมาแบบไม่เคยต้องเล่นเกม 3 ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามต้องดูว่ากับรายการที่มารินไม่ถูกโฉลกอย่างศึกไฟนัลส์ เธอจะยังรักษาความร้อนแรงนี้เอาไว้ได้หรือไม่

 

 

อาซาน / เซเตียวาน กับอุปสรรคที่ชื่อว่าสังขาร

 

ด้วยดีกรีชายคู่มือ 2 ของโลก รวมถึงคว้าแชมป์รายการใหญ่มากมายทั้งแชมป์โลก 3 สมัย, เหรียญทองเอเชียน เกมส์ 1 สมัย, แชมป์ไฟนัลส์ 3 ครั้ง รวมถึงหนล่าสุดในปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่ทั้งคู่ฟอร์มร้อนแรง เข้ารอบชิงฯ 11 รายการ ดังนั้นเมื่อถึงการแข่งขัน 3 รายการในบ้านเรา ทั้งคู่จึงถูกจับตามองในฐานะเต็ง 1 เนื่องจากคู่รุ่นน้องร่วมชาติอย่าง เควิน ซานจายา ซูกามุลโจ และ มาร์คัส เฟอร์นาลดี้ กีเดียน ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม อาซาน ที่อายุ 33 ปี กับ เซเตียวาน ที่อายุ 36 ปี กลับทำผลงานน่าผิดหวังไปถึงแค่รอบก่อนรองฯ ในรายการแรก และตกรอบรองชนะเลิศในรายการต่อมา โดยแพ้ต่อคู่ที่อายุน้อยกว่าหลายปีทั้ง 2 รายการคือแพ้ ชเว โซลกยู กับ ซอ ซึง แจ ในโยเน็กซ์ฯ และแพ้ ลี หยาง กับ หวัง จื่อ หลิน ในโตโยต้าฯ ดังนั้นหากยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งเอาชนะสังขารของตัวเองในรายการเวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว

 

คิม-คอง สูตรผสมแหวกขนบเกาหลีใต้

 

คงได้เห็นกันไปแล้วว่า ฝีมือของคู่ต่างวัยอย่าง คิม โซ ยัง กับ คอง ฮี ยอง จากเกาหลีใต้ ผสมผสานกันลงตัวมากขนาดไหน ทั้งที่เพิ่งจับคู่กันอย่างเต็มตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งเบื้องหลังการตัดสินใจนี้มาจากการที่โค้ชของเกาหลีใต้อยากลองสูตรใหม่ในการจับคู่ จากเดิมคือให้คนเก่งเกมรุกจับคู่กับคนที่เก่งเกมรับ มาเป็นเอา คิม โซ ยัง ที่เด่นเรื่องสกิลบุกอันหลากหลาย มาคู่กับ คอง ฮี ยอง ที่อายุอ่อนกว่า 4 และเป็นสายกำลังล้วน ๆ และผลลัพธ์ที่ได้คือการเข้าชิง 8 รายการ คว้าแชมป์ 5 รายการ รวมถึงการบุกไปชนะ มายุ มัตสึโมโตะ และวาคานะ นางาฮาระ คู่แชมป์โลก 2 สมัยจากญี่ปุ่นได้ถึงถิ่นในรายการ เจแปน โอเพ่น ซึ่งการคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ด้วยการเอาชนะทั้ง จงกลพรรณ กิติธรากุล และ รวินดา ประจงใจ ในรอบก่อนรองฯ รวมทั้งล้มคู่เพื่อนร่วมชาติที่อันดับโลกสูงกว่าอย่าง อี โซ ฮี และ ชิน ซึง ชาน ในรอบชิงฯ แสดงให้เห็นแล้วว่าคู่ คิม-คอง คือของจริง

 

 

เมย์ หมิว วิว กิ๊ฟ โอกาสพิสูจน์ตัวเองในรายการสุดท้าย

 

ผ่านไปแล้วสองรายการ เรื่องผลงานคู่บาส-ป้อ คงไม่ต้องพูดถึงเมื่อกวาดแชมป์ไปครองทั้งหมด แต่สำหรับ เมย์ รัชนก อินทนนท์ แล้ว เรียกว่าน่าเสียดายเพราะมีโอกาสทำได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะในรายการหลังที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศและได้ถึง 4 แมตช์พอยต์จาก ไถ้ ซื่อ หยิง แต่ปิดเกมไม่ลงจนโดนพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จ ทั้งที่จากฟอร์มของเธอนั้นไปถึงแชมป์ได้เลยทีเดียว ขณะที่ หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ถึงแม้จะตกรอบ 2 ในรายการแรก และรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการถัดมา แต่ก็มาจากฝีมือของคู่แข่งที่เป็นมือชั้นนำทั้ง กาโรลิน่า มาริน และ อัน เซ ยัง ดังนั้นเมื่อมาถึง เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ที่ได้แข่งแน่นอน 3 แมตช์ก็มีโอกาสที่หมิวจะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เช่นกัน ส่วนคู่ กิ๊ฟ-วิว จงกลพรรณ กิติธรากุล และ รวินดา ประจงใจ นั้น เป้าหมายแรกแน่นอนว่าต้องพยายามผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งหากไม่ถูกจับไปอยู่ในกลุ่มแข็ง และเล่นได้ด้วยความมั่นใจ ก็มีลุ้นเข้าไปถึงรอบลึก ๆ หรือเข้าชิงฯ อย่างรายการแรกได้เช่นกัน    

 

 

มาเลเซีย หรือชื่อนี้จะเป็นแค่ไม้ประดับ

 

หลังจาก ลี ชอง เหว่ย แขวนแร็กเก็ต มาเลเซีย ก็หลุดจากสารบบลุ้นแชมป์รายการใหญ่ ๆ เนื่องจากขาดนักกีฬาหน้าใหม่ที่เข้ามาทดแทน และเมื่อมองไปที่อันดับโลกตอนนี้ มาเลเซีย ติด 1 ใน 10 ของโลกเพียง 3 ประเภท และเป็นประเภทละหนึ่งตำแหน่งคือ ลี ซื่อ เจี๋ย มือ 10 ในประเภทชายเดี่ยว,  อารอน เจี๋ย / ซู่ เหว่ย ยี่ ชายคู่มือ 9 ของโลก และ ชาน เปง ซุน / โก๊ะ หลิว หยิง คู่ผสมมือ 7 ของโลก ซึ่งแม้ใน เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ มาเลเซีย จะได้สิทธิ์รวมถึง 6 ตำแหน่งคือ ชายเดี่ยว 1, ชายคู่ 2, หญิงคู่ 2 และคู่ผสม 1 เรียกได้ว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับชาติอื่น ๆ และน่าจะทำให้มีโอกาสลุ้นมากขึ้น แต่ดูแล้วฝีมือยังเป็นรองคู่แข่ง และเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะกลับบ้านมือเปล่าอีกด้วย

 

ไต้หวันกับการเก็งข้อสอบโอลิมปิก

 

ไต้หวัน หรือ ไชนีส ไทเป คือชาติที่พัฒนาฝีมือแบดมินตันขึ้นมาอย่างมากในช่วงหลัง ณ ตอนนี้ พวกเขามี ไถ้ ซื่อ หยิง เป็นมือ 1 ของโลกในประเภทหญิงเดี่ยว มี โจว เทียน เฉิน เป็นมือ 2 ของโลกประเภทชายเดี่ยว ตามด้วย หวัง ซื่อ เหว่ย ในอันดับ 12 และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ลี หยาง และ หวัง จื่อ หลิน ชายคู่มือ 7 ของโลกที่เหมาแชมป์ 2 รายการแรกในบ้านเรา รวมทั้งมีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ 3 รายการรวด ขณะที่ ไถ้ ซื่อ หยิง ก็เข้าถึงรอบชิงฯ ทั้ง 2 รายการ ส่วน โจว เทียน เฉิน ไปถึงรอบรองชนะเลิศทั้งหมด ดังนั้นแม้จะไม่มีชาติอย่างจีนกับญี่ปุ่นในการมาลงแข่งที่ไทย รวมทั้งรายการใหญ่ปิดท้ายอย่าง เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ แต่ก็ถือได้ว่าไต้หวันเปิดตัวเป็นหนึ่งในชาติลุ้นเหรียญโอลิมปิกในปีนี้ได้อย่างน่าดูชมเลยทีเดียว

 

 

3 วัน 6 เกม บทพิสูจน์ความฟิต เอลลิส / สมิธ

 

หลังจากปล่อยให้คู่สามีภรรยาแอดค็อกคือ คริส และกาเบรียล ก้าวขึ้นมาสร้างชื่อในวงการแบดมินตันหลายปี คราวนี้ถึงเวลาที่คู่ มาร์คัส เอลลิส และ ลอเรน สมิธ จะก้าวขึ้นมาเฉิดฉายบ้าง และที่ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังแยกกันไปทำผลงานได้น่าดูชมในประเภทชายคู่และหญิงคู่ โดย เอลลิส จับคู่ คริส แลงริดจ์ ส่วน สมิธ จับคู่กับ โคลอี้ เบิร์ช ซึ่งแม้จะไปไม่ถึงรอบลึกจาก 2 รายการแรกในบ้านเรา แต่แต้มบุญที่สะสมเอาไว้ของคู่รักคู่นี้ ก็เพียงพอที่จะได้เข้าไปลุยศึก เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ในฐานะมือ 1 ของคู่ผสม รวมทั้งได้สิทธิ์ในประเภทชายคู่ และหญิงคู่อีกด้วย นั่นหมายความว่า เอลลิส - สมิธ ต้องลงแข่ง 3 วัน วันละ 2 แมตช์อย่างแน่นอน และแม้ฝีมือของคู่นี้จะไม่ได้ถึงขั้นเต็งแชมป์ แต่ทั้งคู่ก็จะได้ประสบการณ์รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าเตรียมความฟิตร่างกายตัวเองได้ดีเพียงใด

 

 

อันดับโลกที่จะเปลี่ยนแปลงหลังจบศึกเวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์

 

ด้วยการที่เชื้อไวรัสแพร่ระบาด ทำให้ต้องยกเลิกการแข่งหลายรายการ สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) จึงประกาศแช่แข็งอันดับโลกนับตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมปีที่แล้ว ก่อนที่จะอัพเดตในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า จะเริ่มกลับมาประกาศอันดับโลกอีกครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ หรือหลังจบศึก เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ โดยจะนับรวมคะแนนจากรายการที่เกิดขึ้นหลังจากแช่แข็งอันดับโลกเข้าไปด้วย นั่นหมายความว่าอันดับโลกมีโอกาสเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจาก 3 รายการในบ้านเรามีคะแนนให้แชมป์ถึงรายการละ 12,000 แต้ม ซึ่งบอกได้เลยตรงนี้ว่าสี่มหัศจรรย์ที่เบิ้ลแชมป์ 2 รายการ โกยไปแล้ว 24,000 คะแนน ได้ขยับอันดับโลกกันพรวดพราดแน่นอน และยิ่งถ้าทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ คู่บาส-ป้อ และวิกเตอร์ แอ็กเซลเซ่น มีลุ้นขึ้นมือ 1 ของโลกเลยทีเดียว


stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose