24 มกราคม 2564
ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทุกคนในอุตสาหกรรมฟุตบอลบ้านเรา หลังตัวแทนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด นำโดย กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกัน และยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)
ในการประชุมดังกล่าว ตัวแทนจากไทยลีก ได้นำเสนอมาตรการแข่งขันแบบปิด ในรูปแบบเหย้า-เยือน ซึ่งในที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินการเริ่มแข่งขันได้อย่างเต็มรูปแบบในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด (แดงเข้ม)
นั่นเท่ากับว่า นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เรากำลังเข้าสู่การนับถอยหลังคิกออฟฟุตบอลไทย “อย่างเต็มตัว” อีกครั้ง แน่นอนว่าทีมที่หลายๆ คนจับตามองว่าพวกเขากำลังอยู่ในเส้นทางที่ “โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ” หลังจากนำโด่งในตารางคะแนนศึกฟุตบอล M-150 แชมเปี้ยนชิพ 2020/2021 ด้วยการมีแต้มทิ้งห่างรองจ่าฝูงมากถึง 8 คะแนน
ใช่ครับ พวกเขาคือ “หนองบัว พิชญ เอฟซี”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทัพ “พญาไก่ชน” ภายใต้การนำของ “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับการวาดฝันคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ศึกไทยลีก 1 ด้วยความแข็งแกร่งของตัวผู้เล่น บวกกับความพร้อมทั้งใน และนอกสนาม อีกทั้งยังมีการเนรมิตรังเหย้าใหม่อย่าง “พิชญ สเตเดี้ยม” ฟุตบอล สเตเดี้ยม ของจริงที่การันตีด้วยค่าไฟส่องสว่างระดับ 1,800 ลักซ์ เป็นรองเพียงแค่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และระยอง เอฟซี เท่านั้น ตอกย้ำให้เห็นถึงการ “เอาจริง” ของผู้บริหารในการพยายามปักหมุดให้ จ.หนองบัวลำภู ขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่แฟนบอลไทยต้องมาเยือนให้ได้
ชัยชนะ 13 จาก 18 เกมในลีกที่ผ่านมา บวกกับสถิติไร้พ่าย พร้อมกับเกมรุกที่ดีที่สุดเป็นอันดับสามในลีก (35 ประตู) และเกมรับดีที่สุดในศึกไทยลีก 2 (เสียแค่ 8 ประตูเท่านั้น) ส่งให้พวกเขายึดครองบัลลังก์จ่าฝูงต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันนับตั้งแต่แมตช์ที่ 10 ของฤดูกาล (ซีซั่นนี้ หนองบัว พิชญ เอฟซี เป็นจ่าฝูงมาแล้ว 13 แมตช์เดย์)
ความคงเส้นคงวาดังกล่าวทำให้ทัพ “พญาไก่ชน” ไม่เคยหล่นจากพื้นที่ Top 3 ของตารางเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลมา และนี่คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้หลายๆ คนต่างยกให้พวกเขาเป็นทีมที่มีโอกาสพิชิตตั๋วเลื่อนชั้นสู่ศึกไทยลีก 1 มากที่สุดเหนือใคร
จุดเด่นของทีมชุดนี้อย่างแรกก็คือ “ขุมกำลัง” ที่มีขนาดใหญ่ และมีฝีเท้าในระดับที่ใกล้เคียงกันมากๆ ทั้ง 11 ผู้เล่นตัวจริงในสนาม และบนม้านั่งสำรอง ทำให้ทุกคนสามารถลงไปทดแทนช่องว่างที่ขาดหายไปจากการบาดเจ็บ หรือโทษแบนแบบไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน
เหลือบไปดูรายชื่อแข้งของจ่าฝูงไทยลีก 2 แล้ว แน่นอนว่าประสบการณ์ของแข้งระดับ ยุทธพงษ์ ศรีละคร, เลอสันต์ เทียมราช, กิตติคุณ แจ่มสุวรรณ ล้วนแต่ได้รับการยอมรับในระดับไทยลีก เมื่อมาบวกกับแข้งรายอื่นๆ ทั้ง วัลโดมิโร่ ซัวเรส (วัลโด้), อานิสงส์ เจริญธรรม, รักษ์พงศ์ ชูเมือง, เจษฎากร ขาวงาม พวกเขาล้วนแต่น่าเกรงขามยามที่ต้องเผชิญกับคู่แข่งร่วมลีกเสมอ
ในเมื่อฟันเฟืองชิ้นไหนก็สามารถทดแทนการสึกหรอของชิ้นก่อนหน้านี้ได้ เครื่องจักรฟุตบอลที่มีนามว่า “หนองบัว พิชญ เอฟซี” ก็ยังสามารถขับเคลื่อน และเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร้ปัญหา ไร้ความกังวลใดๆ
ประเด็นคำถามที่หลายๆ คนพูดถึงว่า ในเมื่อทุกอย่างกำลังลงตัว แล้วเหตุไฉนพวกเขาถึงตัดสินในปรับเปลี่ยนในแผงนักเตะต่างชาติ ทั้ง ติอาโก้ ชูลาป้า หรือ เอ็นจีว่า หากแต่ถ้าเรามาวิเคราะห์ในมุมของฟุตบอล ตัวที่เข้ามาทดแทนทั้ง เกร็ก ฮูล่า, ปาร์ค แต ฮยอง ล้วนแต่มาจากลีกสูงสุดทั้งสิ้น ขณะที่ ดักลาส เองก็มีจุดเด่นในเรื่องลูกกลางอากาศ น่าจะตอบโจทย์กับสไตล์การเล่นหัวหอกตัวเป้าในแบบของ ชูลาป้า ที่เป็นทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า และผู้สร้างสรรค์โอกาสให้กับทีม นี่ยังไม่นับ นันทวัฒน์ สวนแก้ว กับ วรุตม์ สัพโส ที่พร้อมเข้ามาเป็นทางเลือกในแผงเกมรุก ถึงตรงนี้แน่นอนว่า หนองบัว พิชญ เอฟซี ยังคงดูแกร่งไม่จากไปจากศึกไทยลีก 2 เลกแรกเลยด้วยซ้ำ
อีกหนึ่งจุดที่พวกเขาทำได้ดีก็คือ การเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ “คับขัน” แม้ว่าวันนั้นพวกเขาจะพบกับความยากลำบากจากคู่แข่งมากแค่ไหน แต่สุดท้าย หนองบัว พิชญ เอฟซี ก็ยังสามารถเอาตัวรอดจากวันนั้นๆ ได้เสมอ พร้อมกับมีแต้มติดมือ โดยเฉพาะวันที่พวกเขาโกงความตายเอาชนะ แพร่ ยูไนเต็ด จากประตูชัยในวินาทีสุดท้ายของเกม นั่นคือคาแรกเตอร์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับทัพ “พญาไก่ชน” ที่พร้อมลุยจนถึงวินาทีสุดท้ายของเกม
ว่ากันว่าคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในโลกก็คือ “ตัวเราเอง” ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแข้ง “พญาไก่ชน” แล้วว่า จะอาศัยความได้เปรียบในการทิ้งห่างทีมในหัวตารางมากถึง 8 คะแนน มาต่อยอดให้ทีมสามารถพิชิตความกดดัน เพื่อปิดจ็อบของตัวเองได้ตั้งแต่ไก่โห่รึเปล่า นี่คือความท้าทายที่พวกเขาจะต้องฝ่าฝันไปให้ได้ และไม่ให้ซ้ำรอยกับฤดูกาล 2018 ที่พวกเขาเคยเป็นจ่าฝูงถึง 11 สัปดาห์
ซีซั่น 2020/2021 จึงไม่ต่างอะไรไปจากโอกาสที่ดีที่สุดพิชิตตั๋วไทยลีกของ “หนองบัว พิชญ เอฟซี” และนี่คือภารกิจที่พวกเขาต้องทำให้ได้ เพื่อลบความผิดหวังในอดีตทิ้งไป และตอกย้ำความเป็นอีกหนึ่งทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดจากแดนอีสานด้วยการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดให้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันครับ !!!
TAG ที่เกี่ยวข้อง