stadium

5 สิ่งที่ยังมีอยู่ แม้ ช้างศึก ยู-23 ตกรอบน็อกเอาท์

23 มกราคม 2563

สิ้นสุดการเดินทางแบบเจ็บหัวใจไม่ใช่น้อย หลังการตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ของทีมชาติไทย

ประตูชัยจากลูกจุดโทษช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายของทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ได้กระชากความฝันแห่ง “โตเกียว เกมส์ 2020” ของเหล่าพลพรรคช้างศึก ออกไปชนิดมลายสิ้น

 

ผ่านมา 4 วันเต็ม
ความเสียดาย เริ่มจางหาย
ความเสียใจ เริ่มถูกลบเลือน
ความทรงจำที่ไม่อยากจำ เริ่มตกตะกอนอยู่ที่ก้น
และคราบน้ำตาที่เคยมี ก็เริ่มจางแล้ว

แม้จะสิ้นสุดฝันตะลุยฟุตบอลชาย มหกรรมกีฬา โอลิมปิก เกมส์ 2020 แต่ผลงานของทีมชาติไทย ทั้งสี่เกมในทัวร์นาเมนต์ระดับเอเชีย ที่ประเทศไทย ครั้งนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เหล่าแฟนบอลช้างศึก “สิ้นหวัง” แต่อย่างใด

เพราะพวกเราเชื่อว่า ทีมชาติไทยจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และมีโอกาสที่จะเป็น 1 ในทีมที่ได้ไปลุยศึกลูกหนังในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ในครั้งหน้าได้ เนื่องจากเราไม่ได้ตกรอบ โดยไม่เหลือมรดกในการต่อยอดไว้เลย

และนี่คือ 5 สิ่งที่พวกเรายังมีอยู่ ที่พร้อมจะต่อยอดให้เราเดินหน้าต่อไป

 

#อาจารย์นิชิโนะและทีมสต๊าฟฟ์ของเขา

กลายเป็นที่รัก ชนิดที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมไปซะแล้ว สำหรับ อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชขวัญใจแฟนบอลไทยในขณะนี้ ที่พาทีมชาติไทย สร้างสถิติมากมายให้เกิดขึ้นได้ในรายการ ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ทั้งเก็บชนะครั้งแรก ทั้งยิงเกินสองประตูครั้งแรก ทั้งขึ้นนำครั้งแรก ทั้งเข้ารอบน็อกเอาท์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และสู้ได้อย่างสูสี ในเกมที่แพ้ทั้งสองนัด กับทีมระดับเอเชีย ที่เคยไปฟุตบอลโลกมาแล้วอย่าง ออสเตรเลีย และ ซาอุดิอาระเบีย

ด้วยกึ๋นระดับอาจารย์ ด้วยแทคติกที่ปราดเปรื่อง ด้วยจิตวิทยาที่สุดยอด ด้วยวินัยที่ดีเช่นคนญี่ปุ่น ด้วยการวางตัวที่น่าเคารพ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง …

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ อากิระ นิชิโนะ ควรจะอยู่กับทีมชาติไทยต่อไป ทั้งชุดใหญ่ และชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ต้องวางแผนระยะยาว เพื่อ โอลิมปิก เกมส์ 2024 และฟุตบอลโลก 2026 ในอีก 4-6 ปีข้างหน้า

 

#นักเตะที่ยังหลงเหลือ

ต้องขอบคุณ อากิระ นิชิโนะ อย่างมาก ที่ทำให้เห็นว่า นักเตะไทยชุดนี้ มีศักยภาพในระดับเอเชียแค่ไหน ซึ่งเขามักจะเน้นย้ำอยู่เสมอว่า นักเตะไทย มีทักษะที่ดี และความเข้าใจในเกมสูงพอสมควร แต่ที่ขาดก็คือ “ประสบการณ์”

แม้เราจะไม่เป็นหมูในระดับเอเชียให้ใครเชือด หรือถล่มง่ายๆ แล้ว ทว่าการขาดประสบการณ์บางอย่าง ก็ทำให้เราต้องเสียผลการแข่งขันที่ต้องการได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเกม

ฉะนั้น นิชิโนะ รู้แล้วว่า ใครเป็นอย่างไร เล่นได้แค่ไหน พัฒนาได้ไหม และต้องเพิ่มเติมตรงไหนบ้าง ซึ่งนักเตะทุกคนก็ต้องกลับไปพัฒนาตัวเองต่อที่สโมสรต้นสังกัด และกลับมาเป็นตัวเลือกของทีมชาติในชุดใหญ่ หรือชุดเยาวชนต่อไป

นักเตะชุดนี้นี่แหละครับ ไม่มากก็น้อย ที่จะกลายเป็นตัวหลักของทีมชาติไทย ในอนาคต พวกเขาจะเติบโตขึ้น และตามนักเตะอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ที่ปรากฎกายบนสีเสื้อช้างศึกชุดใหญ่ไปแล้ว ได้ทันอย่างแน่นอนในอนาคต

 

#ศุภณัฏฐ์เหมือนตา

นี่คือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของทีมชุดนี้ สำหรับ “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา สุดยอดวันเดอร์คิด วัย 17 ปี กำลังเดินหน้าทำลายสถิติบนถนนลูกหนังไปเรื่อยๆ และกลายเป็นความหวังใหม่ในยุคต่อไปของทีมชาติไทย ชุดใหญ่

และแน่นอน ด้วยวัยปัจจุบันที่อายุเพียง 17 ปี ทำให้อีกสี่ปีข้างหน้า เขาจะอายุแค่ 21 ปีเศษๆ เท่านั้น ซึ่งก็น่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิม คมมากกว่าเดิม เก่งมากกว่าเดิม เร็วมากกว่าเดิม ประสบการณ์เปี่ยมล้นมากกว่าเดิม และพร้อมจะกลับมาเป็นผู้นำของทีมแบบเต็มตัว ในศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่มีโควตาตั๋วลุยศึกฟุตบอลชาย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

#ส่วนผสมที่ลงตัวของฟุตบอล

จากที่ผู้เขียนสังเกต หลังจากที่ทีมชาติไทย ในชุดใหญ่ และชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ได้ทำการเลือก อากิระ นิชิโนะ ซามูไรลูกหนังเข้ามาดูแล เขาก็เริ่มปรับแต่งรูปแบบการเล่น และเชฟการยืนของทีมชาติไทย ได้ลงตัวขึ้นเรื่อยๆ และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งสองชุด

หากเราไม่ทิ้งระบบการเล่น และรูปแบบการเล่นที่กำลังสร้าง “ไทยแลนด์ สไตล์” ขึ้นมาจากการทำงานของ อากิระ นิชิโนะ และทีมสต๊าฟฟ์ แล้วหล่ะก็

เชื่อว่า หากให้เวลากับ นิชิโนะ วันหนึ่งทุกอย่างมันจะลงตัวมากขึ้น จากมันสมองของเชฟชั้นเยี่ยมจากดินแดนปลาดิบรายนี้ ที่พร้อมจะปรุงรสชาติเพลงแข้งของทีมชาติไทย ให้อร่อยกว่าเก่า และไปได้ไกลมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

 

#ศรัทธาแฟนบอล

การสร้างสถิติผู้ชมสูงสุดต่อเกม และสร้างสถิติจำนวนผู้ชมเกินหลักสองหมื่นคนในเกมเดียวเป็นครั้งแรกของศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย รวมถึงจำนวนผู้เข้าชมรวมถึง 59,728 คน ที่เข้าไปเป็นพลังใจของกองเชียร์ช้างศึก คอยยืนหยัดเคียงข้างนักกีฬาที่พวกเขารัก ตลอดทั้งสี่นัดที่ลงสนามในรอบแรกจนถึงรอบน็อกเอาท์ 8 ทีมสุดท้าย

แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ศรัทธาแฟนบอล” ของเหล่าช้างศึก ยังไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้น

มันยังอยู่ และไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าช้างศึกจะประสบความสำเร็จ หรือไม่ก็ตาม
และไม่ว่าจะต้องล้มกี่ครั้ง ต้องลุกสักกี่ที
ก็จะมีพวกเขาเหล่านี้ คอยอยู่เคียงข้าง
คอยยื่นมือให้กำลังใจ ช่วยให้ช้างศึกลุกขึ้นอย่างมีรอยยิ้ม
แม้จะมีรอยแผลบ้างในบางที

ศรัทธาแฟนบอล คือ สิ่งที่ดีที่สุด ที่ยังอยู่ ไม่หายไปไหน
และพร้อมที่จะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ในวันที่ “ช้างศึก” ไม่ว่าชุดใดก็ตาม ต้องลงสนาม และต้องการชัยชนะ...


stadium

author

จอน

Changsuek Content Creator

โฆษณา