18 มกราคม 2564
ควันไฟจากศึกดวลแบดสุดดุเดือดใน YONEX Thailand Open ยังไม่ทันจาง TOYOTA Thailand Open ก็เข้ามาจ่อเป็นรายการที่ 2 แบบได้พักหายใจหายคอกันแค่หนึ่งวัน บางคนอาจสงสัยว่า ก็รายการระดับ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 เหมือนกัน จัดในสนามเดียวกัน นักกีฬาที่แข่งก็หน้าเดิม คงไม่มีอะไรน่าสนใจมากไปกว่ารายการที่แล้วเท่าไหร่ บอกได้เลยว่า คุณกำลังคิด ผิดครับ!!!
ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น ไปติดตามได้กับ 10 สิ่งที่น่าสนใจใน TOYOTA Thailand Open
ฟอร์มของเมย์ จะกลับมาเฮได้หรือยัง
ก่อนอื่นเลยต้องชื่นชมน้องเมย์ว่าดูแลตัวเองได้ดีมาก ๆ แม้จะร้างขอบสนามไปนานถึง 9 เดือนแต่เธอกลับฟิตซ้อมทำสภาพร่างกายให้ดูดีขึ้นมาก ส่วนฟอร์มการเล่นตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ แม้จะมีเสียงวิจารณ์ออกว่าเธอเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในเกมที่แพ้ให้กับ อัน เซยอง ซึ่งเรื่องนี้มุมหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับดาวรุ่งจากเกาหลีใต้ด้วยว่าเขาเตรียมตัวมาดีและมีพัฒนาการขึ้นแบบเห็นได้ชัด
กลับมาฟอร์มโดยรวมของ เมย์ ว่ากันตามตรงทั้งชั้นเชิงการเล่น ฟุตเวิร์ค และเทคนิคต่าง ๆ ยังจัดว่าอยู่ในมาตรฐานระดับสูง แต่ยังมีข้อผิดพลาดง่าย ๆ ให้เห็น โดยเฉพาะช็อต unforced error ที่มีค่อนข้างเยอะและเป็นสิ่งที่ทำให้เธอจอดป้ายไวกว่าที่ควร ก็เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกันไป แต่ก็ยังเชื่อว่าถ้าหากลดข้อผิดพลาดส่วนตัวลงได้ น้องเมย์ ก็มีโอกาสได้เฮแน่นอน
"บาส ป้อ ... โอกาสคว้าแชมป์ต่อเนื่อง"
ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวกับฟอร์มการเล่นของดูโอ้คู่นี้ ผ่านเข้าชิงรายการเวิลด์ทัวร์ 1000 ได้ 2 รายการติด คว้าได้ 1 แชมป์ กลับมารอบแข่งรอบนี้นอกเหนือจากฟอร์มร้อนแรงจนติดลมบนแล้ว เรายังได้เห็นความเป็นผู้ชนะในตัวของ บาส-ปอป้อ อีกด้วย
จะไม่ชื่นเรื่องหัวใจนักสู้ก็ไม่ได้ เพราะตลอดการแข่งขัน 5 แมตช์ในโยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น พวกเขาต้องเล่นถึงเกมตัดสินทั้ง 4 รอบ 3 ใน 4 นั้นเป็นการพลาดท่าไปก่อนในเกมแรก โดยเฉพาะในรอบรองชนะเลิศเจียนอยู่เจียนไป เสีย 2 แมตช์พ้อยท์ ก่อนจะกด 4 แต้มรวดแซงเข้าวิน
บาส โดดเด่นมากเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่รอบแรก ส่วนปอป้อเกมหน้าตาข่ายในรอบชิงฯ ก็สุดยอด เมื่อดูจากสายการแข่งขันแล้ว ถ้ายังรักษาความกระหายชัยชนะและฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้ต่อ เชื่อว่าคงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นอย่างน้อย และมีโอกาสสูงที่จะได้ชิงดำกับคู่อินโดนีเซียหรือเกาหลีใต้
มาตรการป้องกันโควิด ยังฟิตปั๋ง
ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่หนักขึ้นทุกวันในประเทศไทย แต่ภายในบับเบิล มาตรการณ์กักตัวแบบป้องกันโควิดที่รัฐบาลไทยใช้ป้องกันให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการแข่งขันปลอดภัยตลอดเดือนมกราคมยังคงปลอดภัยไว้ใจได้ และได้รับเสียงตอบรับเป็นไปในทิศทางบวกจากบรรดานักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกราย เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของฝ่ายจัดการแข่งขัน ชนิดที่คนใหญ่คนโตระดับ โธมัส ลุนด์ เลขาธิการทั่วไปของสหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ BWF อดไม่ได้ถึงกับกล่าวชื่นชมประเทศไทย สำหรับการทำงานหนักเพื่อให้การแข่งขันนี้เกิดขึ้นได้
กิ๊ฟ- วิว ขอล้างตาคว้าแชมป์ 1000 แรกให้ได้
ลบคำสบประมาทว่าอยู่ในสายไม่แข็ง เจอแต่รุ่นน้องในทีมชาติออกไปได้ทันทีที่โค่น คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มือ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ในเกมตัดสินและเข้าชิงชนะเลิศ เกมนั้น “กิ๊ฟ—วิว” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ รวินดา ประจงใจ อดีตคู่มือ 6 ของโลกแสดงให้เห็นถึงคุณภาพ ในวันที่ท็อปฟอร์มพวกเธอสามารถก็เอาชนะใครก็ได้เช่นกัน
ขณะเดียวกันความผิดหวังในรอบชิงไม่ใช่ความพ่ายแพ้ที่จะต้องเก็บเอามาคิดมาก ในฐานะมือรองกว่าไม่มีอะไรต้องกดดัน มิหนำซ้ำยังทำให้เราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดนำกลับมาแก้ไข และการการเปิดหัวปีด้วยการผ่านเข้าถึงรอบชิงฯได้ในรายการใหญ่สุดแบบนี้ก็ช่วยเรียกความมั่นใจและเพิ่มความกระหายที่อยากจะคว้าแชมป์ในบ้านได้มากโขเลย
ใครจะหยุด วิกเตอร์ แอ็กเซลเซ่น - กาโรลิน่า มาริน ???
ฟอร์มหุงขึ้นหม้อสุด ๆ สำหรับสองนักตบลูกขนไก่จากทวีปยุโรป และยิ่งไม่มีญี่ปุ่นขวางทางยิ่งฉายแสงกลบคู่แข่งคนอื่น ๆ แบบเทียบไม่ติด โดย แอ็กเซลเซ่น คว้าแชมป์ชายเดี่ยว โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น แบบที่เสียเพียงเกมเดียวต่อ แอนโธนี่ กินติ้ง ในรอบรอง ขณะเดียวกัน ยังผ่าน โจนาทาน คริสตี้ มือดีของอินโดนีเซียในรอบก่อนรองฯแบบกดคู่แข่งจนได้เพียง 5 แต้มในเกมที่ 2 อีกด้วย ส่วนรอบชิงก็ชนะ อึ้ง กา หลง แองกัส แบบไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก ดูจากฟอร์มแล้วมีเพียงกินติ้งที่พอจะมาทำให้แอ็กเซลเซ่นต้องเหนื่อยหนักได้ หรือหาก อันเดอร์ส อันทอนเซ่น มือ 3 เพื่อนร่วมชาติเดนมาร์กคืนฟอร์มเก่งก็น่าลุ้นเช่นกัน เพราะรู้ทางกันเป็นอย่างดี
ขณะที่มารินฟอร์มดุกว่าแอ็กเซลเซ่นเข้าไปอีก เมื่อคว้าแชมป์แบบไม่เสียเกม และปล่อยให้คู่แข่งทำแต้มในเกมมากที่สุดคือ 18 คะแนนเท่านั้น พร้อมกับคว่ำมือดัง ๆ แบบเหนือชั้น ทั้ง พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์, อัน เซ-ยัง และไถ้ ซื่อ หยิง ในรอบชิง ซึ่งคนที่จะมาหยุดความร้อนแรงของแชมป์โลก 3 สมัย และแชมป์โอลิมปิกอย่างมารินได้ ต้องลุ้นให้ ไถ้ ซื่อ หยิง กลับมาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับ รัชนก อินทนนท์ ที่มักจะทำได้ดีในการเจอมาริน รวมทั้งมีสถิติกีกว่านักแบดชาวสเปนอีกด้วย
โอกาสแก้มือของ โจว เทียน เฉิน - ไถ้ ซื่อ หยิง
เรียกว่าเกือบจะดี แต่ยังดีไม่สุดสำหรับ 2 นักแบดประเภทเดี่ยวจากไต้หวัน และเป็นมืออันดับโลกสูงสุดในการแข่งที่ไทย โดย โจว เทียน เฉิน มือ 2 ของโลก ตกรอบรองทั้งที่ได้เกมแรกจาก อึ้ง กา หลง แองกัส ไปก่อน ส่วนการแข่งขันในรอบแรกก็ต้องออกแรงถึง 3 เกม กว่าจะเอาชนะ ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุขของไทยไปได้ มารายการ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ต้องดวลรอบแรกกับ สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ และมีโอกาสได้แก้มือกับ แองกัส ในรอบก่อนรองฯ แต่จะไปถึงแชมป์ได้หรือไม่นั้นอาจต้องรอถาม วิกเตอร์ แอ็กเซลเซ่น แชมป์ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น ที่อยู่สายเดียวกันในรอบรองชนะเลิศ
ส่วน ไถ้ ซื่อ หยิง มือ 1 ของโลกฝ่ายหญิง ถ้าดูผลงานถึงแค่รอบรองชนะเลิศ ก็พอมีข้อสังเกตให้เห็นแล้วว่าการร้างสนามไปนานทำให้ฝีมือขึ้นสนิมอยู่บ้าง เพราะแม้จะไม่ถึงขั้นเสียเกม แต่ก็โดนคู่แข่งลากให้ถึงดิวซ์ไป 2 หน ทั้งการเจอเบญญาภา เอี่ยมสอาด ในรอบแรก และเมีย บลิชเฟลด์ท ในรอบรองฯ ซึ่งแมตช์หลังนี้ถูกคู่แข่งจากเดนมาร์กขึ้นนำ 19-16 ก่อนจะฮึดไล่แซงมาชนะ 23-21 ส่วนในรอบชิงฯ ไม่ต้องพูดถึง เพราะถูก กาโรลิน่า มาริน ต้อนเอาชนะไปแบบขาดกระจุย 9-21 และ 16-21 ซึ่งแม้เกม 2 จะทำคะแนนได้มากขึ้น แต่ตกเป็นฝ่ายตามตลอดนับตั้งแต่มารินได้คะแนนแรกจนจบเกม อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือ ไถ้ ซื่อ หยิง เปิดเผยว่า เธอรู้สึกไม่สบายในรอบชิง ทำให้เล่นไม่ออก ก่อนจะโพสต์เพิ่มเติมในภายหลังว่า เธอเป็นภูมิแพ้ทำให้หายใจลำบาก แต่รู้แล้วว่าต้นเหตุคืออะไร ดังนั้นหากเธอแก้ปัญหานี้ได้ ก็มีสิทธิ์แก้มือได้เช่นกัน
หญิงคู่อินโดนีเซียดวงถูกโฉลกไทยแลนด์โอเพ่นอีกไหม
แน่นอนว่าการจะมาคว้าแชมป์รายการเดียวกัน ในประเทศเดียวกัน ได้ถึง 3 ครั้ง 3 หน อาจจะมีอะไรที่มากกว่าแค่เรื่องฝีมือ โดยเฉพาะในรายของ เกรย์เซีย โพลี ถ้านับสมัยที่จับคู่ นิตยา คริชินดา มาเฮสวารี แล้ว เธอคว้าแชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ได้ถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น โพลี มีแรงผลักดันให้มุ่งมั่นมากกว่าเดิม หลังเพิ่งสูญเสียพี่ชายคนโตที่เธอนับถือเหมือนพ่อไปเมื่อเดือนธันวาคม (พ่อแท้ ๆ เสียชีวิตตั้งแต่โพลี 2 ขวบ) ซึ่งเขาเป็นคนที่คอยสนับสนุนเส้นทางนักแบดของเธอมาตลอด ดังนั้นการคว้าแชมป์ให้มากที่สุดคือสิ่งเดียวที่เธอตอบแทนได้ในตอนนี้ และเมื่อ อพริยานี ราฮายู ที่อายุน้อยกว่าถึง 11 ปี เห็นรุ่นพี่ไฟลุกโชนขนาดนั้น จึงไม่แปลกอะไรที่ตัวเองจะมุ่งมั่นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันการแบ่งสายก็ออกมาเป็นใจให้ทั้งคู่ แม้จะต้องเจอ เอิร์ธ พุธิตา สุภจิรกุล กับ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในรอบแรก แต่ก็เคยผ่านคู่นี้มาแล้วในรอบที่ 2 ของ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น ซึ่งหากย้ำแค้นได้อีกครั้ง ก็มีสิทธิ์ทะลุยาวไปถึงรอบชิงเพราะคู่แข่งที่เหลือไม่แข็งมากนัก และเป็นไปได้ที่อาจจะรีแมตช์กับ กิ๊ฟ จงกลพรรณ กิติธรากุล และ วิว รวินดา ประจงใจ อีกครั้ง
ผลงานของนักแบดหนุ่มไทย (จะยกระดับการเล่นได้ไหม?)
ในขณะที่ฝั่งนักแบดหญิงไทยผลงานดูคึกคักผ่านเข้ารอบลึกๆได้ทุกประเภท แต่อีกฝั่งฝ่ายชายของเรากลับเงียบเหงา ไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์อะไรออกมาให้แฟนๆรู้สึกตื่นเต้นไปกับผลการแข่งขัน ไปได้ไกลสุดพียงแค่รอบ 2 เท่านั้น แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าผลการจับสลากประกบคู่ไม่ค่อนเป็นใจเจอง่ายหนักกันทุกคน
แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องน่าประทับใจเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยเราได้เห็นทิศทางการพัฒนาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเกมหน้าเน็ตของ กันตภภณ หวังเจริญ ที่ดูดีขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด หลังไปฝึกปรือกับ บุญศักดิ์ พลสนะ มานานนับปี ส่วน กุลวุฒิ วิฑิตศานต์ เจ้าของแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยติด ก็คงรู้ซึ้งกระดูกของเขายังคงเล็กไปต้องเพิ่มแคลเซียมให้มากกว่านี้
รายการต่อ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ก็จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่หนุ่ม ๆ ของเราจะได้โชว์ของกันอีกครั้ง และต้องพยายามยกระดับการเล่นออกมาให้ดีกว่านี้ เพราะไม่รู้ว่าจบจากเอเชียนเลกที่ไทยไปแล้วจะได้กลับมาแข่งขันกันอีกเมื่อไหร่
การคัมแบ็คของเกาหลีใต้
ก่อนที่รายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น จะเริ่มต้นขึ้น เรียกได้ว่า เกาหลีใต้ คือชาติที่ถูกมองเป็นตัวเต็งในเกือบทุกประเภท เพราะไม่มีจีนกับญี่ปุ่น 2 ชาติมหาอำนาจเข้าร่วมการแข่งขัน ขณะที่แดนโสมขาวเต็มไปด้วยมือชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นหญิงเดี่ยวที่มี อัน เซ-ยัง ชายคู่ที่มี ชเว ยู-จุง กับ ซอ ซึง-แจ และคู่เก๋าอย่าง คิม กี-จุง / อี ยอง-แด หญิงคู่ที่มีทั้ง อี โซ-ฮี / ชิน ซึง-ชาน, คิม โซ-ยัง / คอง ฮี ยอง, ชาง เย-นา / คิม ฮเย-ริน และ แบค ฮา-นา / จอง คยอง-อึน คู่ผสมที่มี ซอ ซึง-แจ / แช ยู-จุง แต่กลับไม่มีใครผ่านเข้าถึงรอบชิงแม้แต่คนเดียว ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเค้นฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ในศึก โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น เพราะไม่เช่นนั้นการมาไทยหนนี้ อาจกลายเป็นว่าเกาหลีใต้ตีตั๋วเปล่าแบบไม่มีของฝากกลับบ้านเกิดกันเลยทีเดียว
ศึกสุดท้ายเพื่อชิง 8 เก้าอี้ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์
แน่นอนว่าความน่าสนใจของรายการ โตโยตา ไทยแลนด์ โอเพ่น ไม่ใช่แค่การลุ้นว่าใครจะเป็นแชมป์ ใครจะคว้าเงินรางวัลหลักล้านบาท หรือใครจะเก็บแต้มทำอันดับโลกขึ้นไปได้มากที่สุด แต่ยังหมายถึงการคว้าโควต้า 8 ที่นั่งสุดท้าย เข้าร่วมศึก เอชเอสบีซี ดับบลิวบีเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นรายการใหญ่ปิดท้ายฤดูกาล 2020 เพราะกว่าจะได้มาแข่งทั้งทีคงไม่มีใครอยากเล่นแค่ 2 รายการ และด้วยความที่แชมป์โตโยตาฯ จะเก็บได้ถึง 12,000 แต้ม จึงรับรองได้เลยว่า ใส่กันไฟแลบแน่นอน
แทบทุกประเภทสถานการณ์คล้ายคลึงกันคือ มีเพียงจ่าฝูงปัจจุบันเท่านั้น ที่การันตีโควต้าไฟนัลส์เรียบร้อยแล้ว ทั้ง วิกเตอร์ แอ็กเซลเซ่น (ชายเดี่ยว), กาโรลิน่า มาริน (หญิงเดี่ยว), ลี หยาง / หวัง จื่อ หลิน (ชายคู่), เกรย์เซีย โพลี / อพริยานี ราฮายู (หญิงคู่) และ มาร์คัส เอลลิส / ลอเรน สมิธ (คู่ผสม) ซึ่งในอันดับที่เหลือนอกจากจะเป็นการแก่งแย่งกันของนักแบดคนละชาติ ยังมีศึกภายในให้ได้ลุ้นเพราะกำหนดโควต้าเข้าแข่งแต่ละประเภทได้เพียงชาติละ 2 ที่นั่งเท่านั้น
ดังนั้นต้องช่วยกันลุ้นนักแบดไทยให้เค้นฟอร์มทะลุเข้ารอบลึก ๆ เก็บแต้มให้มากที่สุดเพื่อโควตาศึกไฟนัลส์ ไม่ว่าจะเป็น กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ในประเภทชายเดี่ยว, รัชนก อินทนนท์, พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ และบุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ในประเภทหญิงเดี่ยว, จงกลพรรณ กิติธรากุล / รวินดา ประจงใจ และ พุธิตา สุภจิรกุล / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในประเภทหญิงคู่ รวมทั้ง เดชาพล พัววรานุเคราะห์ / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในประเภทคู่ผสม
TAG ที่เกี่ยวข้อง