stadium

จับตา "ศรีสะเกษ เอฟซี" โฉมใหม่ กับภารกิจหนีตายในเลกสอง

17 มกราคม 2564

จับตา "ศรีสะเกษ เอฟซี" โฉมใหม่

กับภารกิจหนีตายในเลกสอง

#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์

 

หากจะนึกถึงทีมที่มีขุมกำลังผู้เล่นที่ 12 ที่แข็งแกร่ง น่าเกรงขาม และสร้างแรงกดดันให้กับทีมคู่แข่งมากที่สุดของบ้านเรา แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ “ศรีสะเกษ เอฟซี” โผล่ขึ้นมาอย่างแน่นอน

 

ก่อนหน้านี้ราวๆ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ผมเคยมอบคำนิยามถึง “กูปรีอันตราย” ในเพจช้างศึก (คอลัมน์แบกเป้ดูบอลไทย) เอาไว้ว่า “พวกเขาเชียร์ฟุตบอลราวกับว่า ศรีสะเกษ เอฟซี เปรียบดั่งคำสอนที่ซึมเข้าไปในเส้นเลือดของพวกเขา ทุกอณูหัวใจ ทุกลมหายใจที่สูดเข้าไป และพ่นมันออกมา ล้วนแต่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณความเป็น ศรีสะเกษ อย่างแท้จริง”

 

“พลังงานของแฟนบอล “กูปรีอันตราย” ที่ถูกปลดปล่อยออกมาในแต่ละเกมมันจึงมีความหมายมากกว่าเสียงเชียร์ หรือเสียงตะโกนธรรมดาๆ นั่นคงเป็นเพราะเสียงเหล่านั้นคือเสียงที่พุ่งผ่านออกมาจากการสูบฉีดเลือดจากหัวใจทั้งสี่ห้อง มันคือเสียงที่เต็มไปด้วย “อารมณ์” และความต้องการที่จะผลักดันทีมอย่างแท้จริง”

 

นั่นจึงเป็นที่มาของ “พลัง” ที่ทำให้นักเตะของ ศรีสะเกษ วิ่งลืมตายจนสร้างบทนิยายที่น่าจับตามองที่สุดครั้งหนึ่งในเส้นทางการลุ้นเลื่อนชั้นจากลีกพระรองสู่ลีกสูงสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่สุดท้ายด้วยอุปสรรคหลายๆ อย่างโดยเฉพาะ “การถูกตัดแต้ม” ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในการกลับคืนสู่เวทีไทยลีก 1 อีกครั้ง

 

แม้พวกเขาจะโกยได้ถึง 7 คะแนนจากการออกสตาร์ทสามนัดแรก พร้อมกับทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตาราง หากแต่การสูญเสียนักเตะตัวหลักค่อนทีม การเปลี่ยนเฮดโค้ชเป็นว่าเล่น ปัญหาทางด้านการเงิน รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้การลงต่อสู้ในเวทีลีกพระรองฤดูกาลนี้ของ ศรีสะเกษ เอฟซี นั้นดรอปลงมาอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งพวกเขาตกลงมาอยู่ในพื้นที่สีแดง และมีคะแนนห่างจากโซนปลอดภัยอยู่ 2 คะแนนด้วยกัน

 

แน่นอนว่าชัยชนะเพียงแค่ 4 จาก 18 เกม อาจจะไม่ใช่ผลงานที่เหล่าสาวก “กูปรีอันตราย” ถวิลหา แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นชีวิตจริง ไม่มีใครที่จะโชคร้าย หรือจมทุกข์ไปตลอดกาล และวันที่แสงสว่างเริ่มจะสาดส่องมาที่รังศรีนครลำดวน ก็เดินทางมาถึง…

 

ใช่ครับ ศรีสะเกษ เอฟซี เดินหน้าเสริมทัพสุดกำลัง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ตราบใดที่เสียงนกหวีดสุดท้ายของฤดูกาลยังไม่ดังขึ้น “กูปรีอันตราย” ทีมนี้จะไม่มีวันยอมยกธงขาวยอมแพ้ก่อนเป็นอันขาด

 

การเข้ามาของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ บวกกับลูกศิษย์ในคาถาหลายๆ คน ทำให้ทัพ “กูปรีอันตราย” ดูน่าเกรงขามขึ้นสมกับดีกรีอดีตกุนซือผู้เคยพิชิตเหรียญทองซีเกมส์มาแล้ว และแม้ว่าเหล่าบรรดาแข้งหน้าใหม่หลายๆ คนอาจจะมีดีกรีที่เป็นเพียงแข้งดาวรุ่ง หากแต่ขึนชื่อว่าการเป็นนักเตะที่ “โค้ชโย่ง” เลือกมากับมือ เชื่อได้ว่านักเตะเหล่านี้ล้วนแต่การันตีได้ถึง “คุณภาพ” ที่ดีพอที่จะพา ศรีสะเกษ เอฟซี หลุดพ้นจากพื้นที่สีแดงได้เป็นแน่

 

ชื่อของ "บี" ธนากร แดงทอง ศูนย์หน้าดาวยิงชาวไทย โผล่ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งตัวความหวังของทัพ “กูปรีอันตราย” รวมถึง “อุ้ม" วิศรุต ไวงาน ที่ผ่านการค้าแข้งกับหลายสโมสรมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น พีที ประจวบ เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี ,นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, อุบล ยูไนเต็ด รวมทั้งเคยร่วมงานกับศรีสะเกษ เอฟซี มาแล้ว เมื่อปี 2017 โดยเลกแรกปีนี้ "อุ้ม" ค้าแข้งกับ อุทัยธานี เอฟซี มาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปของทีม

 

เช่นเดียวกับ "ธาม" พงศ์รวิช จันทวงษ์ วันเดอร์คิดวัย 20 ปี ที่เติบโตจากอะคาเดมี่ ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และได้โอกาสย้ายไปร่วมทัพ เซเรโซ่ โอซาก้า ชุดยู-23 ในศึกเจลีก 3 เมื่อฤดูกาล 2019 บวกกับ เรืองยศ จันชัยชิต - เดชา มูฮัมหมัด และจิรัฐติกาล วาพิลัย มิดฟิลด์ตัวรุก จากโครงการฟ็อกซ์ ฮันท์ เช่นเดียวกับ เยฟเกนี่ กาบาเยฟ ศูนย์หน้าชาวรัสเซีย จาก ไทยยูเนี่ยน สมุทรสาคร ที่มาผนึกกำลังร่วมกับ ศิวะ พรหมมาศ รวมถึง “น็อต” อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุมภ์ ห้องเครื่องจอมเทคนิค ตลอดจนสองแข้งบิ๊กเนมทั้ง บาโบ้ มาร์ก แลนดรี้ และกิตติไกร จันทะรักษา ที่เปรียบได้ดั่งจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายช่วยให้ทีมขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

 

แน่นอนว่านี่คือความท้าทายที่แข้งทุกคนจะได้สัมผัสในสีเสื้อของ ศรีสะเกษ เอฟซี ว่าพวกเขานั้นดีพอที่จะก้าวขึ้นมายกระดับทำให้ยอดทีมจากแดนอีสานทีมนี้กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้งในฤดูกาลนี้

 

ยังมีเวลาอีกครึ่งฤดูกาลที่ ศรีสะเกษ เอฟซี ภายใต้การนำของ “โค้ชโย่ง” จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง แน่นอนว่านี่คือบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ที่ทัพ “กูปรีอันตราย” จะตอบแทนความไว้วางใจจากแฟนๆ ด้วยการกอบโกยสามคะแนนสำคัญในทุกๆ นัดที่เหลือ เพื่อตอกย้ำคำว่า “กูปรีทีมนี้” ยังคง “อันตราย” เสมอไม่มีเปลี่ยน

 

แล้วเรามาจับตากันดูว่า "ศรีสะเกษ เอฟซี" โฉมใหม่นี่จะสามารพพิชิตภารกิจหนีตายในศึกไทยลีกสอง ฤดูกาล 2020/2021 เลกที่สองนี้ได้หรือไม่ และสำหรับผม บอกได้คำเดียวว่า ศรีสะเกษ เอฟซี พร้อมแล้วที่จะพิชิตเป้าหมายใหญ่ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ด้วยขุมกำลังที่ไม่เป็นสองรองใคร และแพสชั่นที่ยิ่งใหญ่ของแฟนบอล “ศรีสะเกษ” อย่างแน่นอน !!!


stadium

author

เก้น นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล - ฟุตซอล ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนัง

La Vie en Rose