27 พฤศจิกายน 2563
Changsuek x Play Now
ฟุตบอลนักเรียน รากฐานความเข้มแข็งของฟุตบอลไทย
โดย เจดา
ฟุตบอลลีกไทยในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างสูง สโมสรที่เข้าร่วมแข่งขันมีการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ และต่างมีอะคาเดมีของตนเองเพื่อคัดตัวเยาวชนฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีม ทว่าหากย้อนกลับไปหลายปีก่อน สมัยที่การแข่งขันฟุตบอลลีกบ้านเรายังไม่เป็นระบบอาชีพเต็มรูปแบบ และอะคาเดมีฟุตบอลยังไม่เกิดขึ้นมากมายเช่นทุกวันนี้ แหล่งปลูกฝังศาสตร์ลูกหนังให้กับเด็กๆ ที่มุ่งมั่นอยากจะไต่เต้าสู่อาชีพนักฟุตบอลอย่างจริงจัง เห็นจะได้แก่บรรดาโรงเรียนต่างๆ ที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาฟุตบอลมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา โรงเรียนปทุมคงคา โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนอื่นๆ ตามจังหวัดต่างๆ
แฟนบอลอาจเคยได้ยินชื่อของ “โครงการช้างเผือก” ที่หลายโรงเรียนจัดทำขึ้นเพื่อเฟ้นหาและคัดตัวเยาวชนฝีเท้าดีเข้ามาเป็น “นักฟุตบอลช้างเผือก” ของโรงเรียน โดยสนับสนุนทุนค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษา มีทั้งรูปแบบนักเรียนไป-กลับ หรือเข้ามาเป็นนักเรียนกิน-นอน มีที่พักและอาหารให้ด้วย ตัวอย่างของโรงเรียนที่ดำเนินโครงการช้างเผือกอย่างต่อเนื่องยาวนานมาถึงปัจจุบัน และประสบความสำเร็จก็คือ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ซึ่งแต่ละปีจะส่งทีมงานลงพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน และใต้ เพื่อจัดงานคัดตัวเยาวชนฝีเท้าดีตามท้องถิ่นเข้ามาเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน
รายชื่อนักเตะที่เคยผ่านการคัดตัวในโครงการช้างเผือกเข้ามาฝึกฝนทักษะฟุตบอลที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี แล้วพัฒนาฝีเท้าและความแข็งแกร่งกระทั่งก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ รวมทั้งเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทย ได้แก่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา, “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน, “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
นอกจากเทพฟุตบอลไทยทั้ง 3 รายข้างต้น ยังมีนักเตะโด่งดังอีกหลายคนที่มาถึงวันนี้ได้เพราะผ่านโครงการช้างเผือก อย่างเช่น “ตี๋” สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, พิภพ อ่อนโม้, สุรีย์-สุรัตน์ สุขะ ที่เริ่มจากโครงการช้างเผือกของโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา หรือ พรรษา เหมวิบูลย์ จากโครงการช้างเผือกโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน รวมทั้งนักเตะคนอื่นที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง
โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา คือโรงเรียนหนึ่งในจังหวัดชลบุรีที่เปรียบเสมือนเป็นอะคาเดมีของ “ฉลามชล” เพราะมีบทบาทป้อนนักเตะให้สโมสรชลบุรี เอฟซี อย่างไม่ขาดสาย และถือเป็นโมเดลอะคาเดมี ที่ประสบความสำเร็จช่วงแรกๆ ของไทย โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา เคยได้รับฉายาในอดีตว่าเป็น “เจ้ายุทธจักรลูกหนังขาสั้นภูธร” จากการมีทีมฟุตบอลโรงเรียนที่แข็งแกร่ง เป็นที่ครั่นคร้ามของโรงเรียนอื่น กล่าวได้ว่าขุมกำลังนักเตะของฉลามชลส่วนใหญ่ในอดีต ล้วนเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ที่ค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าจนก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรได้ และเป็นตัวหลักแทบทั้งหมด
นอกจากสถานศึกษาหรือโรงเรียนที่เป็นแหล่งบ่มเพาะนักเตะเยาวชนไทยแล้ว การแข่งขันฟุตบอลเด็กหรือฟุตบอลนักเรียนรายการต่างๆ ที่จัดกันมานับแต่อดีต ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลเยาวชน เพราะเป็นเวทีที่สร้างแรงจูงใจให้เด็กๆ ได้มาแข่งขัน ได้พัฒนาฝีเท้าจากการขับเคี่ยวกับทีมคู่แข่งต่างโรงเรียน ตัวอย่างเช่น การแข่งฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี, 7HD แชมเปียน คัพ,ฟุตบอลโค้ก คัพ, ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. ฯลฯ
รายการฟุตบอลนักเรียนที่มีความคลาสสิกและจัดกันมายาวนานกว่า 40 ปี เห็นจะได้แก่ การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา หรือที่มักเรียกกันว่า “ฟุตบอลกรมพละ” ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายรุ่น จำกัดอายุมากสุดไม่เกิน 18 ปี แม้ว่าเป็นฟุตบอลระดับเยาวชน แต่หากใครเคยเข้าชมคงรับรู้ถึงบรรยากาศที่คึกคักเข้มข้น ทั้งจากเสียงเชียร์ของแต่ละโรงเรียน และในสนามแข่งขันที่ทีมคู่แข่งใส่กันเต็มที่ นักเตะชื่อดังที่เคยผ่านเวทีนี้มาแล้วอย่างเช่น ชนาธิป สรงกระสินธ์, อาทิตย์ สุนทรพิธ, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ ชิติพัทธ์ แทนกลาง
ฟุตบอลนักเรียนอีกรายการหนึ่งที่เก่าแก่และยังคงความสำคัญก็คือ ฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ซึ่งถือได้ว่าเป็นเวทีแห่งศักดิ์ศรีของทั้งสี่โรงเรียนอย่าง โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนสวนกุหลาบ และโรงเรียนเทพศิรินทร์
โดยล่าสุดในการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 29 ในรอบชิงชนะเลิศ จัดที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2562 ทีมโรงเรียนเทพศิรินทร์สามารถเอาชนะทีมโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนไปได้ 2-0 คว้าแชมป์ไปครอง ซึ่งนับเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 20 ปี ของเทพศิรินทร์อีกด้วย
รวมถึงยังปฏิเสธไม่ได้ว่านักฟุตบอลทีมชาติไทยหลายคนล้วนเป็นผลผลิตของสี่โรงเรียนนี้ และผ่านประสบการณ์ฟาดแข้งในเวทีฟุตบอลจตุรมิตรฯ กันมาแล้ว ไม่ว่า “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย, ปกเกล้า อนันต์, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, อดิศร พรหมรักษ์, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ฯลฯ
แม้วงการฟุตบอลวันนี้แต่ละสโมสรชั้นนำในไทยล้วนมีอะคาเดมีเป็นของตัวเองแล้ว แต่รายการฟุตบอลนักเรียนขาสั้นทั้งหลายยังคงมีความสำคัญ และปัจจุบันหลายโรงเรียนก็ยังคงเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลที่มีคุณภาพ รวมถึงบางโรงเรียนก็ผันตัวเองไปเป็นอะคาเดมีให้กับสโมสรฟุตบอลอาชีพ ดังเช่นที่โรงเรียนปทุมคงคา จับมือเป็นพันธมิตรกับทีมการท่าเรือ เอฟซี เพื่อพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชน โดยส่งทีมในนาม ปทุมคงคา การท่าเรือ เอฟซี เข้าแข่งขันในรายการต่างๆ
ดังนั้นแม้ว่าวงการฟุตบอลไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เห็นได้ชัดว่าการพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชนยังคงมีความสำคัญเสมอ เพื่อบ่มเพาะให้เด็กๆ นักบอลรุ่นจิ๋วค่อยๆ เติบโตไปเป็นนักเตะอาชีพที่มีคุณภาพทั้งความสามารถเฉพาะตัว ความเข้าใจในเกมฟุตบอล ความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมไปเป็นกำลังหลักทั้งในระดับสโมสรและในทีมชาติไทยนั่นเอง
TAG ที่เกี่ยวข้อง