stadium

วิเคราะห์ก่อนเกม "ทีมชาติไทย VS ไทยลีก ออล สตาร์"

6 พฤศจิกายน 2563

วิเคราะห์ก่อนเกม "ทีมชาติไทย VS ไทยลีก ออล สตาร์"

บททดสอบสุดหินของทัพ "ช้างศึก" สายเลือดใหม่

#แบกเป้ดูบอลไทย

 

ทันทีที่ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้ออกมาประกาศรายชื่อ 23 ขุนพลทัพ “ช้างศึก” ออกมาเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเตรียมลงเล่นในฟุตบอลนัดกระชับมิตร "THE WARRIORS ARE HERE" พบกับทีมไทยลีก ออล สตาร์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ก็มีกระแสจากทั้งสื่อกีฬาบ้านเรา รวมถึงจากแฟนบอลถาโถมเข้ามามากมาย โดยเฉพาะลิสต์ 5 นักเตะหน้าใหม่ ที่ได้รับโอกาสติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ประกอบด้วย ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม, สิทธิโชค ภาโส, ธณชัย หนูราช, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ และเกียรติศักดิ์ เจียมอุดม ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

 

ด้วยเงื่อนไขการตัดสินใจไม่เรียกผู้เล่นที่มีโปรแกรมคาบเกี่ยวกับฟีฟ่า เดย์​ ซึ่งมีหลายทีมต้องเล่นนัดตกค้างและมีโปรแกรมแข่งขันก่อนเดิมทางไปเล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในวันที่ 10, 11 และ 18 พฤศจิกายนนี้ ประมาณ 5 สโมสร รวมถึงพลพรรคแกงค์เจลีก ทำให้หลายคนมองว่า บาลานซ์ของทีมชาติไทยชุดนี้ย่อมขาดหายไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ถ้าเรามองในแง่ดี นี่คือโอกาสในห้วงเวลาวิกฤตที่จะทำให้เราได้ผลิตวัตถุดิบใหม่เพื่อป้อนสู่เวทีทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งไม่มีโอกาสไหนที่จะเหมาะไปมากกว่าเกมนัดนี้อีกแล้ว นั่นจึงเป็นที่มาส่วนหนึ่งของการตัดสินใจดึง 5 แข้งหน้าใหม่ดังกล่าวเข้าสู่แคมป์ทีมชาติ

 

วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ทีมชาติไทยชุดนี้กันว่า จะสามารถต่อกรกับ ไทยลีก ออล สตาร์ ภายใต้การนำของ มาโน่ โพลกิ้ง ได้อย่างสนุกสูสีมากน้อยแค่ไหน ถ้าพร้อมแล้ว ลุย !!!

 

#เมื่อแดนกลางช้างศึกยังคงแน่นปึ้ก

 

จริงอยู่ที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล สองแข้งตัวหลักระดับพระกาฬของทีมชาติไทยยุคปัจจุบัน จะไม่มีชื่อในทีมชุดนี้ หากแต่ขุมกำลังในแดนกลางของทัพ “ช้างศึก” ในเกมนี้ยังคงอุดมไปด้วยมิดฟิลด์ระดับท็อปของไทยลีกไม่มีเปลี่ยน นำโดย สารัช อยู่เย็น กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่กำลังอยู่ในฟอร์มสดกับต้นสังกัดอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์บนสีเสื้อทีมชาติรวมกันกว่า 78 นัด รวมถึงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการนำทัพ “ช้างศึก” พิชิตความสำเร็จมาเฉียดๆ ทศวรรษ น่าจะเพียงพอต่อการตอบคำถามว่าพวกเขาดีพอกับทีมชาติไทยหรือไม่ และเชื่อว่าทั้งสองคือคำตอบสุดท้ายที่ทำให้แฟนบอลบ้านเรายังรู้สึกอุ่นใจกับแดนกลางทีมชุดนี้

 

ขณะที่สองคู่หูจาก สมุทรปราการ ซิตี้ อย่าง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ก็ผ่านการพิสูจน์ในเวทีลีกสูงสุดได้อย่างเนียนตา ด้วยการเล่นที่เต็มไปด้วยมันสมอง และความเร็ว ทำให้ทีมชาติไทยชุดนี้มีมิติในเกมรุกมากยิ่งขึ้น

 

นี่ยังไม่รวม อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ วันเดอร์คิดจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สามารถขยับขึ้นไปเล่นตัวบนได้อย่างเนียนตา หรือแม้แต่ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร และ “เจ้าดิว” ภานุพงศ์ พลซา ที่พร้อมทำงานตามใบสั่งแทคติกของกุนซือแดนปลาดิบด้วยความอดทน แต่ทรงไปด้วยประสิทธิภาพ เชื่อว่าแมตช์นี้ อากิระ นิชิโนะ มีตัวเลือกในแดนกลางที่มากพอจะต่อกรกับ ออลสตาร์ ไทยลีก ได้อย่างสนุก และสูสีชนิดไม่เป็นรองอย่างแน่นอน

 

#ณัฐวุฒิสุขสุ่ม #กฤษดากาแมน #ดูโอโกลเด้นบอยที่พร้อมฉายแสงในเกมนี้

 

ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม คือศูนย์หน้าสายเลือดไทยที่วงการลูกหนังบ้านเราตามหามานาน ด้วยอายุที่กำลังจะครบ 23 ปีในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ บวกกับสไตล์การเล่นที่ครบเครื่องทั้งความเร็ว การจบสกอร์ที่เด็ดขาดจนทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวของ “แข้งเทพ” อยู่ ณ ขณะนี้ รวมถึง “ลูกกลางอากาศ” ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะมีส่วนถึงไม่ถึง 180 เซนติเมตรก็ตาม บวกกับประสบการณ์จากการไปชุบตัวในแดนอาทิตย์อุทัยกับ เอฟซี โตเกียว U23 มาแรมปี ทำให้ชื่อของ “เบียว” กระฉ่อนขึ้นมาจนกระทั่งเข้าตา อากิระ นิชิโนะ และทีมงานในท้ายที่สุด

 

ยิ่งในวันที่เราไม่มี ธีรศิลป์ แดงดา ในแดนหน้า เชื่อได้ว่า ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม คือหนึ่งในแข้งที่หลายๆ คนลุ้นให้เป็น “ตัวตายตัวแทน” ของ “เทพมุ้ย” และไม่แน่ว่าเกมอุ่นเครื่องกับ ไทยลีก ออลสตาร์ ครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นปฐมบทของ “เจ้าเบียว” ในสีเสื้อทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่พร้อมจะลากยาวไปอีกนานร่วมทศวรรษเฉกเช่น ธีรศิลป์ ก็เป็นได้

 

ขณะที่ กฤษดา กาแมน ที่แม้ว่าจะมีอายุเพียงแค่ 21 ปี หากแต่ความสามารถในการบัญชาการแดนกลางของทัพ “ฉลามชล” ได้อย่างเนียนตา ทำให้เจ้าตัวสามารถผงาดขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม จนหลายๆ คนต่างมองว่า เขาหาใช่ดาวรุ่งธรรมดาๆ ของสโมสรอีกต่อไป หากแต่เป็น “คีย์แมน” ที่ทำให้ ชลบุรี เอฟซี ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล และมีลุ้นคั่วตั๋วไปลุยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างเต็มตัวในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจบไทยลีก 1 เลกแรกนี้

 

การอ่านเกมที่เด็ดขาด การตัดเกมที่ไว้ใจได้ รวมถึงลูกฟรีคิกที่พร้อมเปลี่ยนผลการแข่งขันของทีม คือจุดเด่นที่มีอยู่ในแข้งรายนี้ และแน่นอนว่า อากิระ นิชิโนะ ก็พร้อมจะมอบโอกาสอันล้ำค่าให้ กฤษดา ลงไปยืนปักหลักในแดนกลางแมตช์นี้ เพื่อหยุดยั้งแข้ง “ไทยลีก ออลสตาร์” โดยไม่สนใจว่าเจ้าตัวอาจจะมีประสบการณ์ในระดับทีมชาติที่น้อยกว่าใคร เพราะ “ถ้าคุณเก่งพอ” คุณก็แก่พอ”

 

ไม่มีใครปฏิเสธว่าทั้งคู่คืออนาคตที่สดใสของวงการฟุตบอลไทย และในเกมนี้ ทั้งคู่มีโอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนคำว่า อนาคต ให้พ่วงคำว่า “ปัจจุบัน” เพิ่มเข้าไปด้วย หากแต่จะทำได้หรือไม่ “ออลสตาร์ ไทยลีก” จะเป็นผู้ให้คำตอบ

 

#คาดขุมกำลังออลสตาร์ #ฝันร้ายแนวรับทีมชาติไทย ?

 

ลองจินตนาการดูว่าแนวรับทีมชาติไทยจะปั่นป่วนมากแค่ไหนหาก มาโน่ โพลกิ้ง วางสามประสานออลสตาร์ในแดนหน้าอย่าง เลอันโดร อัสซัมเซา, วิลเลี่ยม เอ็นริเก้ และแฮร์ริสัน ไคออน ไว้เผาด้วยความเร็วกับความแข็งแกร่ง โดยมี จอห์น บาจโจ้, สตีเว่น ลองจิล, ฮาจิเมะ โฮโซไก ยืนซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง ขณะที่ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ กับอาริส ซาริโฟวิช ที่ปักหลักเป็นยักษ์วัดแจ้งก็พร้อมเติมเกมขึ้นไปโขกพังประตูจากลูกตั้งเตะ นี่ยังไม่รวมชื่อของ เอลิอันโดร หรือมุสตาฟา อาซัดซอย ที่อาจจะมีชื่อติดทีมชุดนี้มา ทุกคนล้วนแต่มีคาแรกเตอร์ในการเล่นเกมรุกที่ชัดเจนทุกคนสอดคล้องกับฟุตบอลสไตล์ของ มาโน่ โพลกิ้ง ที่แทบไม่สนใจหลังบ้าน อีกทั้งแต่ละคนก็กำลังเฉิดฉายฟอร์มให้กับต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยม นี่คือมาตรฐานที่แข็งโป้ก และเชื่อว่า หนทางเดียวที่ทีมชาติไทยชุดนี้จะเอาชนะเกมนัดสำคัญเหนือ ออล สตาร์ ไทยลีก ให้ได้ก็คือ พวกคุณต้องลงไปเล่นด้วยมาตรฐานที่ “สูงกว่า” ทั้งเกมรุก และรับให้ได้สถานเดียว นี่คือโจทย์หินที่ อากิระ นิชิโนะ ต้องปลุกเร้าทุกคนในทีมให้มีแพสชั่นที่ตรงกันก็คือ นี่ไม่ใช่เกมอุ่นเครื่องนัดธรรมดา หากแต่เปรียบได้ดั่งแมตช์ตัดตัวว่า คุณดีพอต่อการสวมใส่ยูนิฟอร์มทีมชาติไทยชุดใหญ่เพื่อลงไปในสนามในฐนะตัวแทนคน 70 ล้านคนได้หรือยัง

 

จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ทัพ “ช้างศึก” ไม่มีโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ในปีนี้ ทำให้โปรแกรมแมตช์นัดพิเศษ “THE WARRIORS ARE HERE" รอบนี้ จึงถือเป็นการเก็บตัวครั้งสุดท้ายของปี ฉะนั้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งนัดที่เราจะได้พิสูจน์การบริหารจัดการทีมภายใต้เงื่อนไข และข้อจำกัดหลายๆ อย่างว่า อากิระ นิชิโนะ จะสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีแค่ไหน และนี่เป็นอีกครั้งที่เราอาจจะพูดได้เต็มปากว่า เกมนัดนี้ จะเป็นการทดสอบจำลองสถานการณ์ยามที่เราต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า หรือในยามที่เราต้องขาดนักเตะตัวหลักไปค่อนทีม ถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายความสามารถ และประสบการณ์ของอดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้เป็นอย่างยิ่ง

 

ฉะนั้น “THE WARRIORS ARE HERE" จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการช่วยให้เรามองเห็นอนาคตของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ตลอดจนการพิสูจน์ตัวเองของนักเตะทุกๆ คนในชุดนี้ว่า ประตูสู่รั้วทีมชาติยังเปิดกว้างสำหรับนักเตะในลีกทุกๆ คน และถ้าคุณทำได้ดี คุณก็ดีพอที่จะยึดตำแหน่งในสีเสื้อทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้เช่นกัน !!!

 

สำหรับ ทีมชาติไทย จะทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 และเดินทางไปเก็บตัวเข้าแคมป์ในวันที่ 11-15 พฤศจิกายน 2563  ณ สนามซ้อม วินด์มิลล์ ฟุตบอลคลับ ต่อไป

 

ทั้งนี้ แมตช์อุ่นเครื่องนัดพิเศษ “THE WARRIORS ARE HERE" ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ไทยลีก ออลสตาร์ จะเตรียมลงฟาดแข้งกันในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เริ่มคิกออฟ 16.00 น. เป็นต้นไป

 

จำหน่ายบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์

http://bit.ly/THAVSALLSTARS

 

สำหรับผู้ถือบัตร CHANGSUEK MEMBER รับส่วนลด 5% ทั้งระบบออนไลน์ และเคาท์เตอร์

 

(บัตรเดบิตออมสิน อินสแตนท์ ลายบัตร E-Sports , บัตรเดบิตออมสิน อินสแตนท์ ลายบัตร Thai League , บัตรเดบิตออมสิน อินสแตนท์ ลายบัตรช้างศึก รับส่วนลด 5% เช่นกัน แต่เฉพาะที่หน้าเคาท์เตอร์เท่านั้นพร้อม) แมตช์นี้ คอบอลไทยตัวจริง ห้ามพลาด !!!


stadium

author

เก้น นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล - ฟุตซอล ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนัง

La Vie en Rose