COVID-19 จะทำเจ้าบ้าน ‘เจ๊ง’ หรือไม่?

18 กันยายน 2563

จากการที่สถานการณ์ COVID-19 ทำให้กีฬาทั่วโลกต้องหยุดชะงักไปช่วงเวลาหนึ่ง การกลับมาแข่งแบบ ‘NEW NORMAL’ ที่ไม่มีแฟนในสนาม หรือจำกัดจำนวนให้น้อยลง ก็ส่งผลให้ความได้เปรียบจากการเป็นเจ้าบ้านลดตามลงไปเช่นกัน

ประโยชน์สูงสุดจากการได้เป็นเจ้าบ้าน ไม่ใช่การได้เล่นท่ามกลางกองเชียร์ของตัวเอง ได้ยินแต่เสียงเชียร์ของตัวเอง หรือได้เล่นในสนามที่คุ้นเคย แต่มันคือการนำสิ่งเหล่านั้นมาส่งเสริมการเล่นเพื่อให้ได้เดินออกจากสนามเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดในฐานะผู้ชนะ

เกริ่นนำมาขนาดนี้ หลายคนน่าจะเกิดคำถามในใจว่าแล้ว ‘กีฬาอะไรที่เจ้าบ้านได้เปรียบมากที่สุด?’

คำตอบก็คือฟุตบอลนั่นเอง นอกจากจะเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในโลก ฟุตบอลยังเป็นกีฬาที่ทีมเจ้าบ้านสามารถคว้าชัยมากที่สุดเมื่อเอามาเปรียบกับกีฬาดังๆทั่วโลก

ตัวเลขจาก ‘quora.com’ บอกว่าทีมที่เล่นในบ้าน ชนะเกือบ 50% ของทุกครั้งที่ลงสนาม และแพ้แค่ 29% เท่านั้น ส่วน % ที่เหลือคือผลที่ออกเสมอ

เมื่อตัวเลขออกมาเป็นเช่นนี้ ก็น่าเอาไปคิดเหลิอเกินว่าทำไมกีฬาฟุตบอลจึงเป็นกีฬาที่เจ้าบ้านได้เปรียบมากที่สุด มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผลการแข่งขันของเกมลูกหนังออกมาเข้าทางทีมที่เล่นในบ้าน

ปัจจัยแรกที่ทำให้เจ้าบ้านได้เปรียบคือเรื่องจำนวนแฟนบอลที่เข้าไปส่งเสียงเชียร์ให้กับทีมรัก มีการทำวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนคนดูในสนามกับ PERFORMANCE ของทีมเจ้าบ้าน

ผลออกมาว่า ทีมที่เล่นในบ้าน ยิ่งมีคนดูเข้ามาส่งเสียงเชียร์เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีผลงานในสนามที่ดีขึ้นเท่านั้น ถ้าให้คิดออกมาเป็น % ทีมที่อยู่ในบ้านก็จะสามารถทำผลงานดีกว่าทีมที่มาเยือนถึง 12% เลยทีเดียว

ถ้าเรามาดูกันที่สโมสรที่มักทำผลงานได้ดีในการเล่นในบ้านช่วงปีหลังๆ ก็เป็นใครไม่ได้นอกจาก ราชบุรี มิตรผล ที่ไม่ได้แค่มีสนามแบบ FOOTBALL STADIUM ที่สวยและใหม่ที่สุดในเมืองไทยอย่างเดียว แต่ผลงานของการเล่นในบ้านปีนี้ก็สวยหรูเหมือนรังเหย้าราคา 300 ล้านบาทอย่าง มิตรผล สเตเดี้ยม เนื่องจาก ทีมราชันมังกร มีสถิติชนะรวดทุกนัดและขึ้นไปอยู่หัวตารางของไทยลีกได้สำเร็จ

ถ้าไม่รวมทีม BIG 6 ของไทยลีก (บุรีรัมย์, เมืองทอง, ชลบุรี, แบงค็อก, ท่าเรือ, เชียงราย) ซึ่งยากที่จะไปเบียดชนะถึงรังเหย้า ราชบุรีเป็นทีมที่ทำผลงานในบ้านได้ดีที่สุดในปี 2019 โดยเก็บได้ 25 แต้มในบ้าน และเมื่อนำมาคิดเป็น % ของแต้มรวมเมื่อจบฤดูกาล การทำแต้มในบ้านอยู่ที่ 65% ตัวเลขนี้ถือว่าสูงกว่า 12% ที่เป็นค่าเฉลี่ยของผลงาน ในบ้าน vs นอกบ้าน ในฟุตบอล

ปีที่ราชันมังกรทำผลงานในบ้านได้ดีที่สุดก็คือปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่ ราชบุรี ได้เล่นที่สนามมิตรผลแบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก โดยเก็บได้ถึง 36 แต้ม

**2017 ไทยลีกมี 18 ทีม

เมื่อกลับมามองภาพรวมแล้ว การได้เสียงเชียร์ของแฟนๆ ที่มายืนแหกปากกันตลอด 90 นาทียังส่งผลต่ออีกปัจจัยที่ช่วยให้เจ้าบ้านได้เปรียบ ก็คือการทำหน้าที่ของกรรมการนั่นเอง

ในหลายเกมสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นใน UEFA CHAMPIONS LEAGUE หรือ ลีกในโซนเอเชีย เรามักจะเห็นการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่มีความลำเอียงไปทางฝ่ายเจ้าบ้าน โดยการวิจัยของ UNIVERSITY OF BATH ประเทศอังกฤษแสดงให้เห็นว่าผู้ตัดสินสามารถรับรู้ถึงความกดดันที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองกำลังทำหน้าที่อยู่ได้เหมือนกับเป็นนักเตะคนหนึ่งในสนาม

ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกถ้าคุณเคยเห็นกรรมการเป่าตามเสียงกดดันที่มาจากแฟนๆหลักหมื่นในสนามดังๆของลีกทั่วโลก

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็คือสถิติที่เกิดขึ้นก่อนที่ COVID-19 จะมาทำให้วงการกีฬาต้องหยุดไปอย่างกะทันหัน เพราะตั้งแต่การกลับมาฟาดแข้งกันช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ความได้เปรียบในการเล่นเป็นเจ้าบ้านก็หายไปทันที

ลีกชั้นนำทั่วโลกในโซนยุโรปต่างยังไม่ให้แฟนบอลกลับเข้ามาชมเกมแบบเต็มความจุ ยิ่งแย่ไปกว่านั้น บางประเทศยังไม่ได้เปิดให้แฟนๆ เข้ามาชมเกมในสนามด้วยซ้ำ เห็นได้จากฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นต้น

เมื่อลองมาเปิดสถิติจาก ‘insider.com’ ดูแล้ว ทีมที่เล่นเป็นเจ้าบ้านมี % การชนะที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดถึง 13% เลยทีเดียว นอกจากนั้นโอกาสการเข้าไปยิงประตูก็ยังลดลงถึง 8% ทั้งสองตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการที่ความได้เปรียบของการเล่นในบ้านลดลง แล้วยังโชว์ถึงความมันส์ที่หายไปจากโอกาสการเข้าทำที่หายไปอย่างชัดเจน

ฟุตบอลเป็นกีฬาเมเจอร์ที่กลับมาเร็วที่สุดทำให้มีสถิติการดร็อปของตัวเลขที่เห็นได้ชัดที่สุด แต่เมื่อมองถึงกีฬาอื่นๆที่เพิ่งกลับมาไม่นานอย่างเช่น NBA, NFL หรือ MLB ก็เริ่มเห็นการเล่นและผลที่ออกมาบ่งบอกถึงการที่ทีมเจ้าบ้านเสียเปรียบจากบรรยากาศที่ไร้แฟนๆ