stadium

ศึกสยามดาร์บี้กับ 90 นาทีแห่งการตามหาจุดรีบาวด์

16 กันยายน 2563

ศึกสยามดาร์บี้กับ 90 นาทีแห่งการตามหาจุดรีบาวด์

#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย

 

เย็นวันนี้ที่ญี่ปุ่นราวห้าโมงครึ่งตามเวลาในบ้านเรามีอีกหนึ่งแมตช์ที่น่าสนใจและชวนให้แฟนบอลชาวไทยได้ติดตาม เพราะมันเป็นการเผชิญหน้ากันของสองทีมที่มีนักเตะไทยค้าแข้งอยู่ในนั้น!  

 

โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ทีมของเจ้าอุ้มมีคิวเปิดรังนิสสัน สเตเดี่ยมรับมือชิมิสึ เอส-พัลส์ของเจ้ามุ้ย และถึงแม้จะมีคนบอกว่าไม่มีจะมีอะไรให้น่าตื่นเต้นเพราะสยามดาร์บี้บนเวทีเจลีกฤดูกาลนี้ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ แถมในหลายๆครั้งก็เหมือนหนังคนละม้วนที่ทำให้เราต้อง “ผิดหวัง” (โปรโมตกันเสียดิบดีแต่เอาเข้าจริงๆโค้ชกลับไม่ส่งแข้งไทยลงสนามเสียอย่างงั้น)

 

“ผมไม่เถียงนะ” เพราะผมเองก็รู้สึกแบบท่านอยู่เหมือนกัน(ในบางนัด) แต่สำหรับแมตช์นี้มันมีโอกาสที่ทำให้เราเชื่อได้ว่าสองแข้งไทยจะได้เจอกันในสนามค่อนข้างแน่(ถ้าไม่เจ็บก่อนนะ)

 

กับสถานการณ์ของทีมที่มันเป็นอยู่ ที่ต่างฟอร์มบู่มาพอๆกัน (มารินอสเองไม่ชนะใครในเกมลีกมาแล้วติดต่อกันถึง 4 นัด ในขณะที่เอส-พัลส์ของเจ้ามุ้ยนี่ก็ปาเข้าไปตั้ง 7 เกมไปแล้วในเจลีกที่ทีมของเจ้าตัวยังสะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็น) ดังนั้นการเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีมนี้จึงไม่ต่างจากศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ว่าด้วยการตามหาจุดรีบาวด์

 

และด้วยฟอร์มในแมตช์ล่าสุดที่เจ้ามุ้ยใช้เวลาแค่ไม่ถึงสามนาทีก็สามารถเบิกสกอร์ให้ทีมตีไข่แตกได้ในแมตช์เจอกวางเขาเหล็ก บางทีนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ดีพอจะให้โค้ชปีเตอร์ ชคลามอฟสกี้กาชื่อเจ้าตัวออกสตาร์ทเป็นหนึ่งใน 11 ตัวจริงซักที  

 

เอาจริงนะ! ไม่ใช่แค่เรื่องราวในผลงานของทั้งสองสโมสรที่ต้องโคจรมาพบกันในช่วงเวลาที่กำลัง “เมาหมัด” มาด้วยกันทั้งคู่แบบนี้ ผมยังมองว่าบางทีนี่ก็อาจเป็นอีกแมตช์ในความรู้สึกกดดันที่ทั้งสองคนเองก็ต่างกำลังมองหาจุดรีบาวด์ให้ตัวเองด้วยเหมือนกัน

 

อุ้มเองอาจดูดีกว่ามุ้ยอยู่นิดหน่อยเพราะถือเป็นตัวหลักของทีมไปแล้วในปัจจุบัน แต่ด้วยผลการแข่งขันที่ทีมแพ้มาติดต่อกันถึงสามนัดแถมยังเสียมากถึงเจ็ดประตู เราคงต้องยอมรับกันโดยดุษณีว่าการเสียประตูติดต่อกันทุกนัดในสิบเกมย้อนหลัง(แบบนับรวมทุกรายการเฉลี่ยนัดละเกือบสองลูก)นั้นมันคือความรับผิดชอบของแผงหลังอย่างปฎิเสธได้ยาก

 

ในขณะที่ในรายของมุ้ย..14 เกมที่ได้ลงเล่นให้ต้นสังกัดในเวลารวมกันในสนาม 506 นาทีกับสองประตูบวกหนึ่งแอสซิสต์ที่เจ้าตัวทำได้(เฉลี่ย 253 นาทีต่อ 1 ประตู) มองอีท่าไหนมันก็น้อยเกินไปสำหรับการได้มาซึ่งความเชื่อใจในฐานะ “มือ1เพชรฆาต”

 

ดังนั้นเกมระหว่างมารินอส กับ เอส-พัลส์ที่จะเตะกันเย็นนี้ มองผิวเผินอาจเป็นแค่เรื่องของการควานหาจุดกลับตัวเพื่อเข้าสู่เส้นทางของทั้งสองทีมเท่านั้น แต่ถ้าจะมองให้ลึกลงไปกว่านั้นกับสถานการ์ณที่ทั้งมุ้ยและอุ้มต้องเผชิญ บางทีแมตช์ๆนี้ก็อาจกำลังเล่นเกมจิตวิทยาที่ว่าด้วยเรื่องการเรียกคืนศรัทธาและการได้มาซึ่งการยอมรับ

 

คนหนึ่งกำลังตามหา “คลีนชีต” แรกให้ทีมอีกครั้งหลังจากที่มันห่างหายไปนานมากถึงสิบนัด ในขณะที่อีกคนกำลังอดทนทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสและการยอมรับในฐานะ “มือ 1 เพชรฆาต”

 

โยโกฮาม่า เอฟ มารินอสปะทะชิมิสึ เอส-พัลส์ และธีราทร บุญมาทันดวลธีรศิลป์ แดงดา กับบริบทที่แต่ละคนจำเป็นต้องเผชิญ ใครล่ะจะเป็นผู้ได้มาซึ่งจุดรีบาวด์ที่ต้องการ? ไม่ต้องรอกันนาน..เดี๋ยวเย็นนี้รู้เลย!


stadium

author

“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย

La Vie en Rose