The Next Coach เพจฟุตบอลที่เปลี่ยนแฟนบอลให้เป็นบอลมากขึ้น

#ChangsuekOutField 

The Next Coach แปลตรงตัวคือ “โค้ชคนถัดไป” ซึ่งคำนี้คือชื่อของเพจฟุตบอลที่นำเสนอคอนเทนต์ได้อย่างแตกต่างในประเทศไทย แถมเป็นข้อมูลเชิงลึกในด้านแทคติกฟุตบอลที่มีความซับซ้อนแต่ถูกนำเสนอให้เข้าใจได้อย่างง่ายดาย โดยเราได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของเพจ The Next Coach อย่าง “อ๊อตโต้” พันธุ์นารายณ์ พันธุ์ศิริ ในวัย 23 ปีเท่านั้น กับเรื่องราวของการทำเพจฟุตบอลที่ทำให้ผู้ติดตามที่เป็นเพียงแค่ “แฟนบอล” สามารถยกระดับตัวเองให้ “เป็นบอล” มากขึ้น 

อะไรที่ทำให้สนใจเรื่องของแทคติกฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย

จริงๆคือเราก็เตะบอลตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเรารู้ลิมิตตัวเองว่าไม่สามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ แล้วผมก็ได้คำแนะนำจากพ่อว่าควรจะคิดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆว่าจะพาตัวเองไปอยู่จุดไหนได้บ้างในวงการฟุตบอล ซึ่งผมเองก็อยากเป็นโค้ชครับ จนได้โอกาสหลายๆอย่างทั้งการอบรม C License ตั้งแต่อายุ 18 ปี ได้ทำงานกับทีมชาติไทยชุด 16 ปี จนถึงตอนนี้เองผมก็เป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ส่วนเรื่องแทคติกเราเห็นเสน่ห์ของมันครับว่าทีมเล็กสามารถสู้กับทีมใหญ่ได้ด้วยแทคติก ผมคิดว่ามันน่าดึงดูด ซึ่งพอผมได้มาดูบอลไทยลีกหรือทีมชาติไทยก็เห็นว่าเรื่องแทคติกมันยังไม่เข้มข้นมากนัก ผมจึงลองศึกษา ลองดูโมเดลจากต่างชาติเพื่อมาขยายความต่อให้คนอื่นๆอีกทีนึงครับ 

ที่มาของชื่อแฟนเพจ “The Next Coach” และแนวทางการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกในแบบง่ายๆ

ตอนนั้นผมกำลังอ่านข่าวใน BBC เวลามีข่าวหรือวิเคราะห์ผู้จัดการทีมคนใหม่ เขาจะใช้คำว่า The Next Coach ผมก็สะดุดกับคำนี้เลย มันรู้สึกขึ้นมาว่าเป็นคำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรารวมถึงหลายๆคนที่อยากเป็นโค้ชฟุตบอลหรืออยากจะดูบอลได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น ผมจึงเลือกใช้คำนี้เพราะผมคิดว่าถ้าคนอ่านได้อ่านคำนี้จะรู้สึกว่าตัวเองก็สามารถเป็นโค้ชได้เหมือนกัน

ส่วนเรื่องการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ผมเป็นคนที่ชอบอ่านข้อมูลวิชาการอยู่แล้วครับ แล้วก็รู้ว่ามันยากมากที่จะอธิบายให้คนทั่วไปได้เข้าใจทั้งหมด แต่ผมเลือกใช้วิธีลำดับเหตุการณ์ อะไรเกิดขึ้นมาก่อน แล้วจะส่งผลอย่างไรกับเหตุการณ์ต่อไป คือเราต้องมีการลำดับภาพให้คนอ่านเกิดภาพในหัว แล้วเขาจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น ดีกว่าที่เราจะมานั่งยกตัวเลขมากมายให้คนอ่านเห็น ซึ่งมันไม่เกิดความเข้าใจ มันไม่เห็นเหตุและผลของตัวเลขที่เรานำเสนอ นอกจากนี้ผมก็ยังเน้นการทำไฮไลต์ฟุตบอลที่คนดูจะได้ประโยชน์จากการนั่งดูไฮไลต์เฉยๆด้วยครับ ถือเป็นหัวใจสำคัญของเราเลยก็ว่าได้ เพราะจะเห็นการวิเคราะห์ที่มาที่ไปผ่านไฮไลต์ได้เลย

สิ่งที่จะได้จากเพจ The Next Coach 

เขาจะเข้าใจบริบทของนักฟุตบอลและการวางแผนของโค้ชมากขึ้น รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมนักฟุตบอลต้องทำในสิ่งนั้นๆ เช่นการตัดฟาลว์ การเจอสถานการณ์ 2 ต่อ 1 ของกองหลังที่ไม่เข้าบอล ผมคิดว่าเมื่อรู้ในเรื่องของแทคติกต่างๆแล้วคนดูจะอินกับฟุตบอลมากขึ้น ยกตัวอย่างเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ต้องรับมือกับผู้เล่นสเปอร์ส 2 คน ซึ่งฟาน ไดจ์ค เลือกที่จะไม่เข้าบอล และยืนบีบให้ผู้เล่นสเปอร์สหาจังหวะยิงยากขึ้นจนสุดท้ายก็ไม่ได้ประตูจากจังหวะดังกล่าว สิ่งเหล่านี้เมื่อเรารู้ว่าเหตุผลของการกระทำคืออะไรคนดูฟุตบอลจะดูอย่างสนุกมากขึ้นครับ

ซึ่งผมก็มุ่งหวังว่าเพจ The Next Coach จะเข้ามามีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงฟุตบอลไทยไปในทางที่ดีขึ้น เพราะผมเชื่อว่าพอเรามีสื่อโซเชียลในมือเราก็สามารถทำสิ่งดีๆได้ เราอยากจะเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายๆคนที่หันมาสนใจฟุตบอลมากขึ้น หรืออยากทำงานในวงการฟุตบอล เราก็อยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาผ่านคอนเทนต์ต่างๆของเรา และเราเองวางจุดมุ่งหมายรวมๆคืออยากจะเป็นฟันเฟืองชิ้นนึงที่ช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทยด้วยครับ

ในแง่แทคติกของฟุตบอลไทยเมื่อเทียบกับเจลีกหรือลีกที่ระดับสูงกว่า มีความต่างกันอย่างไร

จริงๆมีหลายปัจจัยที่เห็นว่าฟุตบอลไทยยังห่างจากลีกชั้นนำต่างๆ ทั้งในเชิงสถิติ และที่เห็นเป็นภาพประจักษ์ แทคติกก็ยังไม่เข้มข้นมากนัก โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่าความ “เคี่ยว” ของโค้ชที่ยังไม่ถึงระดับนานาชาติ ตั้งแต่เจลีกขึ้นไปถึงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือลีกอื่นๆในยุโรป บรรดาทีมงานโค้ชในระดับที่สูงกว่าเราเขาทำงานกันซับซ้อนมาก การวางแผนมามีกว่า 2 แผน ซึ่งมีเรื่องของจิตวิทยาและการเดาใจเข้ามาด้วย ผมเคยได้ยินมาว่าก่อนนัดสำคัญๆ โค้ชนี่แทบจะไม่นอนกันเลย เพราะจะมานั่งวิเคราะห์ถึงแผนทีมตรงข้ามว่าจะเป็นอย่างไร จะแก้ทางอย่างไร ที่เห็นชัดเลยคือตัวอย่างจากมาร์เซโล่ บิเอลซ่า โค้ชของลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ถึงขั้นส่งคนไปแอบถ่ายคู่แข่ง และเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ของบิเอลซ่าที่เอามาแถลงข่าวนั้นวางกองเป็นตั้ง มันแสดงให้เห็นว่าเรื่องของแทคติกและการวิเคราะห์นั้นละเอียดและซับซ้อนอย่างยิ่ง ผมจึงมองว่าหลักๆที่ฟุตบอลไทยยังห่างคือเรื่องของรายละเอียดในแทคติกและความเคี่ยวของโค้ชครับ

ความต่างของ “คนดูบอล” กับ “คนดูบอลเป็น” 

คนที่ดูบอลเป็น จะมีหลักการและเหตุผล ไม่มีโวยวายมั่วซั่ว ส่วนใหญ่คนดูบอลทั่วไปที่เราเห็นชัดๆเลยคือจังหวะที่ผู้ตัดสินตัดสินได้ไม่ถูกใจเขา เขาจะโวยวายขึ้นมาก่อน ว่าโกงหรือเปล่า ทำไมตัดสินแบบนี้ แต่ถ้าคุณคือคนที่ดูบอลเป็นก็จะมีเหตุผลว่าทำไมผู้ตัดสินถึงตัดสินออกมาแบบนั้น จังหวะแฮนด์บอล แฮนด์บอลจริงหรือเปล่า หรือในแง่แทคติกก็จะวิเคราะห์ได้ว่าทำไมโค้ชถึงเลือกจัดตัวผู้เล่นแบบนี้ทั้งที่อาจจะขัดใจแฟนบอลไปบ้าง หรือทำไมต้องเล่นเกมรับทั้งที่สู้ได้ เรื่องพวกนี้เราได้นำเสนออย่างต่อเนื่องในเพจ The Next Coach ด้วยครับ ถ้าจะบอกความต่างของคนดูบอลเป็นกับไม่เป็นคงต้องดูที่การแสดงออกของเขา ถ้าโวยวายไร้เหตุผลก็ชัดเจนเลยครับว่าเป็นเพียง "คนดูบอล"

แทคติกของทีมชาติไทยยุคนี้ แตกต่างอย่างไรกับอดีต

สปีดบอลครับที่มีความพัฒนามากขึ้น รวมถึงจังหวะเกมที่เร็วขึ้น เพราะว่าด้วยความที่เป็นเทรนด์ของฟุตบอลในยุคนี้ด้วย สมัยก่อนอาจจะเล่นช้าได้เพราะอะไร เพราะคู่แข่งก็เล่นช้าเช่นกัน เราจึงไม่จำเป็นต้องเร่งเกมตาม แต่พอเป็นยุคนี้คู่แข่งเล่นเร็วเราก็ต้องเล่นเร็วทั้งกดดันให้เร็วและบุกเร็วด้วย

แต่ที่ผมเห็นต่างจากรูปแบบแทคติกในตอนนี้ของทีมชาติไทยคือเรายังไม่ได้มีโครงสร้างที่แข็งแรงขนาดที่จะสร้างนักฟุตบอลให้ติดทีมชาติได้เยอะ ผมจึงมองว่าเราควรมีแผนการเล่นในรูปแบบของทีมรองบ้าง เพราะตอนนี้เท่าที่ดูทีมชาติไทยจะเล่นได้อย่างเอนเตอร์เทน เล่นสวยงาม เล่นสนุก เอาใจแฟนบอล ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบางทีเราอาจไปได้ไม่ไกล เพราะด้วยศักยภาพผู้เล่นที่เรามี เราไม่สามารถเปิดหน้าแลกกับทีมอื่นๆได้ตลอด ผมเลยคิดว่าเราน่าจะมีแผนการเล่นที่เน้นความรัดกุมด้วย เวลาเจอกับทีมที่ใหญ่กว่าหรือเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตรงนี้เองเวียดนามคือชาติที่ทำได้ดี ทั้งที่ความสามารถเฉพาะตัวเป็นรองนักเตะไทย แต่เขาใช้แทคติกที่รัดกุม หวังผล ซึ่งก็ทำให้เขามีผลงานดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตามผมไม่ได้มองว่าเขาเหนือกว่าไทย เพียงแต่คิดว่าหากไทยมีแผนการเล่นที่รัดกุมมากขึ้น เราจะแซงเวียดนามได้และต่อกรกับชาติอื่นๆที่เหนือกว่าเราได้ดีกว่านี้

เรียนรู้อะไรจากการทำเพจ The Next Coach 

ตอนนี้ก็มีทั้งแฟนบอลทีดูเฉยๆจริงๆกับแฟนบอลที่มีความรู้ความเข้าใจในฟุตบอล ผมจึงกล้าที่จะนำเสนอในสิ่งที่หลายๆคนมองว่าเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครๆก็รู้ ซึ่งผมก็เชื่อว่าสิ่งที่ง่ายๆที่ผมสื่อออกไปก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ เช่นการล้ำหน้า เมื่อเกิดประเด็นขึ้นเราก็จะเอามาพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะหลายๆคนก็เริ่มจากศูนย์เหมือนกันและมีคนที่กำลังเริ่มต้นอีกเยอะ ผมจึงคิดว่าในการทำเพจของเราเราจะให้ทุกอย่างเท่าที่ให้ได้จริงๆ ทั้งในเรื่องที่ง่ายๆไปจนถึงเรื่องเชิงลึกเข้าใจยาก เราต้องการนำเสนอให้กับแฟนเพจในทุกกลุ่มครับ