stadium

Boot Room l เพจที่จะทำให้คุณรักลิเวอร์พูลมากยิ่งกว่าเดิม

11 กันยายน 2563

หลังการเข้ามาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งพาลิเวอร์พูลทำผลงานติดลมบนมาโดยตลอด และนั่นทำให้เนื้อหาของหงส์แดง เป็นที่จับจ้อง และ มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการปรากตัวขึ้นของ คอนเทนต์ ครีเอเตอร์สายกีฬาที่หันมาทำเพจ หรือ บล็อก ของตัวเอง ไม่ว่าจะในระดับ Mass ที่เน้นภาพรวมของวงการฟุตบอล หรือ แบบเฉพาะกลุ่มซึ่งเน้นการนำเสนอเรื่องราวเฉพาะทีม … และถ้าจะให้พูดถึงเพจที่เปรียบเสมือนตัวแทนการนำเสนอเรื่องราวทั้งในและรอบแห่งถิ่นแอนฟิลด์ ชื่อของ BootRoom – บู๊ทรูม ต้องเป็น 1 ในนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งเราก็มีโอกาสดีที่ได้พูดคุยกับ เดอะ ค็อป รุ่นใหม่ "ฮอส" ธีรศานต์ คงทอง แอดมินเพจที่สร้างเรื่องราวและเนื้อหาขึ้นมาด้วยเลือดหงส์แดง 120% ... 

 

ในขณะที่ Benz ซึ่งทำหน้าที่สัมภาษณ์ ต้องตั้งคำถาม คิด ฟัง และสำคัญที่สุดคือ "อดทน" เพราะ Benz คือแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และธีมการพูดคุยวันนี้เป็นแบบหมัดต่อหมัด หรือ คำถามต่อคำถาม นั่นเอง

 

Benz: ช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นตอนสร้างเพจนิดนึงว่าคิดอะไร และ วางเป้าหมายเอาไว้ยังไงบ้าง

 

Hoss: เอาจริงๆ ตอนแรกก็ลองผิดลองถูกเคยตั้งเพจเกี่ยวกับบอลมาแล้ว 2 ครั้ง แต่สร้างได้สัก 2-3 วันก็ลบทิ้ง เพราะไม่ชอบ ฮ่าๆๆ ... 2 เพจที่ว่านั้นคืออันแรกเกี่ยวกับ ข่าวอัพเดทกีฬาฟุตบอลทั่วไป ... ส่วนเพจที่ 2 สร้างไว้เพื่อเอาศัพท์ฟุตบอลมาอธิบายให้คนอื่นได้ทราบ ทว่าพอคิดไปคิดมาแล้วมันไม่เวิร์คเลยลบมันทิ้งไปเลย ส่วน "Boot Room – บู๊ท รูม" นี่มาสร้างตอนหลังได้แชมป์ยุโรปสมัย 6 (1 มิถุนายน) 2 วัน ซึ่งมันก็เว้นช่วงจากที่ลบ 2 เพจนั้นไปหลายเดือนอยู่

 

ไปหน้าเพจ "Boot Room – บู๊ท รูม" คลิกเลย 

 

 

ส่วนเหตุผลที่ทำเพจนี้คือ ด้วยการที่เราเสพข้อมูลของ ลิเวอร์พูล มามาก โดยเฉพาะเรื่องเชิงลึกของสโมสร กอปรเป็นคนที่ชอบเขียนอยู่แล้ว เลยอยากเอาเนื้อหาเหล่านั้นมาแชร์ให้แฟนๆ ได้อ่านได้รับความรู้มากขึ้น แต่ก็ต้องเป็นคนที่ชอบอ่านจริงๆ นะ เพราะแต่ละชิ้นมันยาวมาก แต่หากได้อ่านแล้วรับรองว่าคุณจะไม่เบื่อแน่นอน เพราะกว่าที่จะกลั่นกรองแล้วแชร์นั้น มันผ่านกระบวนการหลายอย่างมาก ทั้ง แปล, เรียบเรียง, อ่านซ้ำอีกรอบพยายามไม่ให้มีคำผิดและอ่านง่ายมากที่สุด

 

Benz:  เท่าที่ได้ติดตามเพจจะมีความแตกต่างโดยเน้นเล่าเรื่องที่หลากหลายว่าการอัพเดทข่าวสาร ผลการแข่งขัน หรือตลาดซื้อขายนักเตะ … จุดยืนของ บู๊ทรูม คืออะไร และ คิดว่าเป็นข้อแตกต่างจากเพจอื่นๆยังไง

 

Hoss:  จุดยืนของ Boot Room – บู๊ท รูม ก็อย่างที่กล่าวไปข้อที่แล้วล่ะครับ ไม่เน้นหวือหวา ไม่ตามกระแส ไม่มีผลการแข่งขันมาอัพเดท ไม่มีขายข่าวใดๆ แต่จะมีข้อมูลเชิงลึกที่คุณหาที่ไหนไม่ได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นคุณสามารถหาได้จากที่นี่ โดยคอนเซปต์ของ Boot Room – บู๊ท รูม คือ รู้ลึก ไม่ครึกโครม อ่านง่าย สบายตา (คิดสดๆ เลย) แต่อย่างที่บอกไปครับว่าคนที่ติดตาม Boot Room – บู๊ท รูม แบบจริงจังคือต้องรักการอ่านสุดๆ และมีความหลงใหลใน ลิเวอร์พูล เต็มหัวใจ

 

 

Benz: ตอนที่ ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี รู้สึกยังไงบ้าง ในฐานะกองเชียร์ที่เหมือนปลดล็อคการกดขี่เพราะเราทราบมาว่าคุณเชียร์ลิเวอร์พูลมาตั้งแต่เด็ก

 

Hoss: จากใจเลยนะ วินาทีที่ได้แชมป์แบบเป็นทางการ (หลัง เชลซี ชนะ แมนฯ ซิตี้) ความรู้สึกก็ไม่ได้ดีใจอะไรเท่าไหร่คงเป็นเพราะรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วแหละว่ายังไงก็ได้แชมป์! แต่วันที่ชูถ้วยนี่น่ะสิ ความรู้สึกมันเอ่อล้นจนน้ำตาไหลออกมาตอนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เอาถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกขึ้นเหนือหัวนี่แบบ....ร้องไห้ออกมาจริงๆ 

 

ถามว่าเริ่มเชียร์ตอนไหน? จุดเริ่มต้นจากตอนดูรายการ ‘เจาะสนาม’ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนนั้นน่าจะประมาณ ป. 2 ช่วงหนึ่งของรายการเป็นสกู๊ปไปถ่ายที่บ้าน ไมเคิล โอเว่น ซึ่งตอนนั้นคือโคตรดาวรุ่ง(เบบี้ โกล) ที่กำลังก้าวขึ้นมานั่นคือจุดที่ทำให้ผมรู้จักฟุตบอลจริงๆ จังๆ แต่... ทีมแรกที่ปันใจให้น่ะ ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล หรอกนะ ฮ่าๆๆ เป็น อาร์เซน่อลต่างหากเพราะตอนนั้น อาร์เซน่อล มันได้ดับเบิ้ล แชมป์ ไง(1997/98) แล้วอีกอย่างเสื้อบอลตัวแรกที่มีก็คือ อาร์เซน่อลยุค JVC แต่ก็เชียร์ได้ไม่นานหรอก เพราะเจ้าโอเว่นมันมาระเบิดฟอร์มตอนฟุตบอลโลก ฟร้องซ์ 98 ซึ่งหลังจากนั้นก็เป็น เดอะ ค็อป เต็มตัว

 

 

Benz: ถ้าให้เปรียบเทียบความเป็นตัวของคุณ หรือ เพจบู๊ทรูม กับโค้ชสักคนนึงของลิเวอร์พูล ตั้งแต่คุณดูฟุตบอลมาคิดว่าใกล้เคียงกับใครมากที่สุด เพราะอะไร

 

Hoss: ยากเลยคำถามนี้ เอ่อ... ถ้าให้เลือกขอเป็นการผสมกันระหว่าง ราฟา เบนิเตซ กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ละกันครับคือชอบบุคลิกของ ราฟา เวลาคุมทีม นิ่งๆ ไม่พูดเยอะ จริงจัง แต่ข้อเสียของ ราฟา เนี่ยคือไม่ค่อยโอ๋ผู้เล่นคนไหนเป็นพิเศษ ประมาณว่ามีแต่ความเป็น เจ้านาย กับ ลูกน้อง อย่างเดียว งานคืองาน ไม่มีความสนิทสนมกันเลยระหว่าง ผู้จัดการทีมกับผู้เล่น ซึ่งจุดนี้จะต่างจาก คล็อปป์ เพราะ คล็อปป์ เนี่ยให้ความสำคัญกับนักเตะมากๆ ยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่กับผู้เล่นนะ สตาฟฟ์และทีมงานของเขาเองก็เช่นกัน เขาไม่ยึดว่าตัวเองเก่งที่สุด ทุกๆ คนมีความสำคัญเท่ากัน ซึ่ง คล็อปป์ ก็พร้อมรับฟังความเห็นของคนอื่นๆ และพร้อมแก้ไข นี่แหละคือจุดเด่นของ คล็อปป์ ที่ผมชื่นชอบมาก

 

Benz: จากการที่ตัวคุณเสพเนื้อหากีฬามาตั้งแต่ยุค นสพ.โด่งดัง จนกระทั่งก้าวเข้ามาสู่ ยุคคอนเทนต์ในโลกโซเชียลช่วยเล่าถึงความรู้สึกของการเปลี่ยนผ่าน … จุดร่วม และ จุดที่แตกต่าง ของการจะเป็นนักสร้างสรรค์เนื้อหาสายกีฬาที่ดีเพราะเชื่อว่าคงมีคนมองคุณเป็นไอดอล อย่างน้อยตอนนี้ก้อ 16k+ ฟอลโลเออร์ แล้ว

 

Hoss: ยุคเปลี่ยนผ่านจากหมึกพิมพ์กลายเป็นตัวอักษรทางหน้าจอ มันเป็นอะไรที่รวดเร็วเหลือเกิน จนแทบไม่ได้รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่ามันเปลี่ยนไป รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่า หนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องไกลตัวไปแล้ว หันไปทางไหนน้อยคนที่จะยังหนีบหนังสือพิมพ์ไว้ข้างตัว ... เมื่อก่อนเป็นอะไรที่เท่มาก เวลาไปโรงเรียนแล้วถือ สตาร์ ซอคเกอร์ คู่กระเป๋านักเรียน หรือตอนไปเที่ยวแล้วหนีบมันไว้ตรงกระเป๋ากางเกงด้านหลัง 

 

เสียดายเหมือนกันนะ ที่ภาพเหล่านั้นมันกลายเป็นของแปลกสำหรับคนยุคนี้ไปแล้ว..

 

โลกยุคปัจจุบันเราสามารถตามข่าวสารได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอเหมือนสมัยก่อนที่ต้องรออ่านจากหนังสือพิมพ์ ดังนั้นการที่จะเสพข่าวอะไร อย่างแรกเลยคือเราต้องกรองข้อมูล อ่านแล้วต้องวิเคราะห์อีกทีว่าน่าเชื่อถือได้มากขนาดไหนเพราะเดี๋ยวนี้หลายที่มักเน้นไวและรวดเร็วเป็นหลัก ซึ่งว่ากันตามตรงก็เหมือนเป็นการผลักภาระไปให้ผู้บริโภคนะว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อข่าวๆ นั้นได้มากขนาดไหน 

 

แต่ที่กล่าวก็ไม่ใช่ว่ามีแต่เรื่องลบนะ โลกก็ต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย นอกเหนือจากสำนักข่าวที่ตัวเองประจำการแล้วนักข่าวกีฬาเมืองนอกหลายคนมักอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ และสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังได้ ซึ่งมันก็ต้องมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งเช่นกัน

 

ผมติดตามข่าวกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ อ่านหนังสือพิมพ์ฟุตบอลทุกวัน แน่นอนล่ะว่าความฝันว่าสักวันหนึ่งเราก็อยากทำงานในจุดนั้น ซึ่งผมก็โชคดีที่ได้เข้ามาทำงานใน สยามสปอร์ต ซึ่งเป็นเหมือนโรงเรียนที่เราได้ฝึกฝีมือในการเขียนข่าว และได้โอกาสรวดเร็วในการเขียนคอลัมน์ในสไตล์ที่เราอยากทำ 

 

แต่กว่าที่ผมจะได้เข้ามาทำงานในสายงานนี้ก็ตอนอายุ 26 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งหากเทียบประสบการณ์กับคนรุ่นอายุไล่ๆกันที่ทำงานที่นี่มาก่อน ต้องบอกว่าเรายังอ่อนประสบการณ์พอสมควร สิ่งที่เราทำได้คือต้องเรียนรู้จากคนเหล่านั้นรวมถึงพี่ๆ รุ่นใหญ่ คอยศึกษาจุดเด่นของพวกเขา เอามาพัฒนาตัวเรา จุดไหนที่เรายังทำได้ไม่ดีก็ต้องทำให้มันดีขึ้น 

 

สิ่งที่ผมยึดมาตลอดตอนทำงานคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนอ่านเชื่อมั่นในข้อมูลที่เราเขียนลงไปโดยต้องมีความน่าเชื่อถือ และอ่านแล้วเข้าใจง่ายไม่วกวน 

 

ที่สำคัญคือต้องไม่ลอกเนื้อหาจากที่อื่นแล้วมาเนียนเขียนเป็นของเรา ที่พูดมานี่คือโดนมากับตัว งานของผมโดนเอาไปใช้แบบไม่ให้เครดิตอยู่เป็นประจำ ช่วงแรกที่รู้ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟแทบอยากไปหาเรื่องกับคนพวกนั้น แต่มาตอนนี้เหมือนเรานิ่งขึ้น พอเห็นแบบนั้นก็คิดเสียว่าถ้างานของเราไม่ดี เขาก็คงไม่เอาของเราไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีละกัน.. เพราะสุดท้ายเราโมโห เราก็เดือดอยู่ฝ่ายเดียว เครียดเองเปล่าๆ ฉะนั้นจึงเฉยๆ ไว้ซะ และตั้งใจกับสิ่งที่เราทำต่อไป และสำหรับแฟนเพจทุกคน พวกคุณคือกำลังใจชั้นดีที่ทำให้มีแรงเดินหน้าต่อ รวมถึงครอบครัว และคนรอบข้างด้วยครับ

 

Benz: ประสบการณ์ที่ดีที่สุด , ประสบการณ์ที่ยากจะลืม (เลวร้ายที่สุด) , ในฐานะ กองเชียร์ลิเวอร์พูล

 

Hoss: ประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่ตรึงใจคือเกมนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 ที่ อิสตันบูล นั่นคือ แชมป์ที่เราเริ่มเข้าถึงความเป็น ลิเวอร์พูล มากที่สุด แต่ก่อนหน้านั้นตอนปี 2001 ที่ได้ เทรบเบิล แชมป์ บอลถ้วย ก็ดีใจนะ ทว่ามันยังเด็กอยู่ไงประมาณ ป.6 เลยยังไม่ได้อินเท่าตอนปี 2005 ที่อยู่ชั้น ม.3 

 

 

ส่วนที่ยากจะลืม ขอใช้ว่าเสียดายมากกว่า คือช่วงระหว่างปี 2008-2010 ในตอนที่ผลงานทีมไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ โดยที่เราไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรเลย เพราะช่วงนั้นติดเที่ยว, สังสรรค์ มากจนแทบไม่ได้ติดตามข่าวสารของทีมและไม่มีความรู้สึกว่าสโมสรตกต่ำเพียงใด มาถึงวันนี้ก็ยังเสียดายอยู่นะ เพราะความทรงจำช่วง 2-3 ปีนั้น เราแทบจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมบ้าง แต่พอหลุดจากช่วงนั้นมาเราก็กลับมาเชียร์แบบคนบ้าบอลเหมือนเดิมจนถึงปัจจุบัน

 

Benz: อยากให้ลองเล่าให้ฟังว่า ในฐานะที่ตามเชียร์ลิเวอร์พูล … ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสโมสรแห่งนี้สอนอะไรให้กับตัวคุณบ้าง 

 

Hoss: ผมโตมากับ ลิเวอร์พูล ในช่วงที่สโมสรไม่ได้มีลุ้นแชมป์บอลลีกเลย แต่ก็พอทราบเรื่องราวความสำเร็จในอดีตของทีมทีมนี้มาโดยการอ่านข้อมูลเก่าๆ การรอคอย 30 ปีนับว่านานมากนะครับ มันเท่ากับช่วงชีวิตของคนหนึ่งคนเลยทีเดียว บางคนเห็น ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ครั้งสุดท้ายตอนอายุ 10 ผ่านไป 30 ปี ก็มีครอบครัวแล้ว ... บางคนเห็นตอนอายุ 20 ปี ผ่านไป 30 ปี ก็อายุ 50, บางคน เห็นตอนอายุ 50 ปีมาเห็นอีกทีก็ 80 ปี หรือบางรายก็ไม่มีโอกาสได้เห็นเลยเพราะเสียชีวิตกันไปก่อน

 

ด้วยความเป็น ลิเวอร์พูล สโมสรที่มีรากเหง้าของความสำเร็จ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มี บิล แชงค์ลี่ย์ คนที่เข้ามาเปลี่ยนสโมสรทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทั้งหมดของทีมจนส่งไม้ต่อให้กับ บ็อบ เพรสลี่ย์ ต่อยอดก้าวขึ้นไปถึงแชมป์ระดับทวีปยุโรป ช่วงยุค 70-80s คือยุคเกรียงไกร่ของ ลิเวอร์พูล ก็ว่าได้ แต่พอเข้าสู่ยุค 90s ไม่รู้ว่าด้วยอาถรรพ์หรืออะไรก็ตามแต่ จากทีมที่เป็นหัวแถวของเกาะอังกฤษ กลายเป็นทีมที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลุ้นแชมป์ และมันก็เป็นอย่างนั้นมาร่วมๆ 20 กว่าจนมาได้เจอกับคนที่ใช่นั่นก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ 

 

คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล เป็นเหมือนความลงตัวที่เข้ากันได้ดีแต่ตั้งที่เจอกัน เขาเข้ามาสร้างทีมใหม่เหมือนที่ แชงค์ลี่ย์เคยทำ ใส่ใจทุกอย่างตั้งแต่ทีมชุดเด็กจนถึงทีมชุดใหญ่ เขาไม่ได้มองแค่ปัจจุบันแต่ยังมองถึงอนาคตว่า สโมสรจะไปได้ไกลแค่ไหน 

 

 

"ผมเชื่อว่า ไม่มีแฟน ลิเวอร์พูล ที่เลิกเชียร์ทีมทีมนี้เพราะสโมสรตกต่ำหรอกครับ เพราะทีมนี้มีประวัติศาสตร์ มีเบื้องหลังที่คุณค่า เป็นความน่าภูมิใจที่เกิดมาได้เชียร์ลิเวอร์พูล"

 

สำหรับการรอคอย ก็เช่นกัน ดังคำกล่าวที่ว่า ‘การรอคอยมักจะหอมหวานเสมอ’ เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้เจอมันเมื่อไหร่แต่ตอนนี้ เดอะ ค็อป ทุกคนได้เจอสิ่งนั้นและก็มีความสุขกับมันแล้ว

 

Benz: เอ้อ เราทราบมาว่า คุณไม่ได้บ้าแค่กีฬาเดียวด้วย คุณยังติดตามกีฬาอื่นๆแบบจริงจังพอสมควรเลยใช่ไหม ?ขายของได้เลย (โดยเฉพาะ NBA นะ จะเข้าคำถามต่อไป)

 

Hoss: อีกหนึ่งกีฬาที่คลั่งมากๆ คือ บาสเกตบอล ดูหมดทั้ง NBA, บาสไทย ทีมที่เชียร์คือ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส แต่มาดูจริงๆ จังๆ ตอนปี 2010 เพราะช่วงนั้นเริ่มหัดเล่นบาส มันเลยเป็นความจริงจังที่ทำให้เราอยากดูเพื่อศึกษาวิธีการเล่น

 

 

Benz: คุณเชียร์ วอริเออร์ส … แล้วเพราะอะไรถึงเชียร์ทีมนี้ มีอะไรของทีมนี้ที่เป็นจุดร่วมในชีวิต หรือ จุดร่วมกับความรู้สึกตอนเชียร์ลิเวอร์พูลหรือไม่ (ถ้าไม่มีเลย ก็ตอบในเชิง เชียร์ วอริเออร์ส ทั่วๆไปก็ได้)

 

Hoss: ครับ วอร์ริเออร์ส.. หลายคนที่เชียร์ทีมนี้คงโดนค่อนขอดว่าเป็นพวก Bandwagon รึเปล่า?! ซึ่งการที่คุณจะเชียร์เพราะเหตุผลนั้นมันก็ไม่ผิดนะ คิดง่ายๆ ว่า ถ้าทีมมันไม่เก่ง กูจะเชียร์ไปทำไม?!

 

สำหรับผม ผมเชียร์ วอร์ริเออร์ส ตอนที่มี มอนเต้ เอลลิส ยืนเป็นการ์ดจ่าย คือชอบในความเท่ของเขา มันก็คล้ายๆ ที่ผมปลื้ม โอเว่น แล้วมาเชียร์ ลิเวอร์พูล นั่นแหละ แต่พอ เอลลิส ย้ายออกไปมันก็เหมือนทีมได้สร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยมี สตีเฟ่น เคอร์รี่ เป็นตัวชูโรง และพอผ่านไปสัก 2 ปีก็ดราฟท์เด็กๆ พวก เคลย์ ธอมป์สัน, เดรย์มอน กรีน, แฮร์ริสัน บาร์นส์ พวกนี้มามันก็คลิกจนลงตัว ซึ่งจุดเด่นของทีมนี้คือมีคู่การ์ด 2 คนที่เป็นตัวยิงแม่น แล้วตำแหน่งที่ผมเวลาเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ คือยิง 3 แต้มเป็นหลัก เคมีมันก็เลยเข้ากันกับตัวเรา ฮ่าๆๆ แต่ถ้าย้อนไปก่อนหน้าที่จะเชียร์ วอร์ริเออร์ส ก็ไม่ได้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษ แค่ชอบผู้เล่นที่ยิง 3 แต้มแม่นๆ เท่านั้น อย่าง เรย์ อัลเลน, ไคล์ โคเวอร์, เจเจ เรดดิ้ก อะไรพวกนั้น

 

ตอนที่เชียร์ วอร์ริเออร์ส นี่คือทีมยังไม่ได้เก่งอะไรมากมายเลย เห็น เคอร์รี่ ร้องไห้ตอนแพ้ แอลเอ คลิปเปอร์ส ของ คริส พอล เห็นความผิดหวังที่ตกรอบ ซึ่งถัดจากนั้นพอเปลี่ยนโค้ชจาก มาร์ค แจ็กสัน ที่ต้องบอกว่าทำผลงานได้ไม่ขี้เหร่ มาเป็นสตีฟ เคอร์ ทีมก็ไปอยู่จุดสูงสุดทันทีคว้าแชมป์ NBA ได้ครั้งแรกในรอบ 40 ปี

 

ซึ่งมันก็คล้ายๆ กับ ลิเวอร์พูล เลยนะที่รอแชมป์ลีกมา 30 ปี โดยจุดเปลี่ยนของทีมก็คล้ายๆ กันนั่นแหละคือการได้โค้ชที่เหมาะสมกับทีม เคอร์ เข้ามาปรับระบบการเล่นให้ วอร์ริเออร์ส เป็นทีมที่แข็งแกร่ง ก็เช่นเดียวกับ คล็อปป์ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง ลิเวอร์พูล ให้ยิ่งใหญ่ในปัจจุบันได้ แต่เสียดายนิดนึงนะ ว่าปีที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ กับ ปีที่ วอร์ริเออร์ส ได้แชมป์ มันไม่ตรงกันเลย..

 

Benz: ท้ายที่สุดอยากให้ฝากอะไรถึงแฟนลิเวอร์พูล วอริเออร์ส และ แฟนเพจ บู๊ทรูม

 

Hoss: ผมเชื่อว่าตอนนี้สโมสรกำลังเดินมาถูกทางแล้ว องค์ประกอบดีทุกอย่าง ไม่ว่าทั้งเรื่องในและนอกสนาม ความสำเร็จมีให้เราเห็น และมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปตราบใดที่เรายังมีผู้บริหารเก่งๆ และโค้ชฝีมือดี ในอีกหลายปีต่อจากนี้ เราจะได้ดู ลิเวอร์พูล อย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเห็นความต่อเนื่องดีๆ เช่นนี้มาก่อน เชียร์ให้สนุก มีความสุขไปกับทีมที่เรารัก ส่วน วอริเออร์ส ปีหน้าขอ เคอร์รี่ กับ เคลย์ กลับมาฟิต และหวังว่า ยานนิสืจะเข้ามา ฮ่าๆ  และก็ต้องขอฝากเพจ Boot Room - บู๊ทรูม ไว้ ณ ที่นี้และขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาโดยตลอดครับ (สปอนเซอร์เข้าได้แล้วนะฮะ ... อันนี้ แอดมิน StadiumTH เขียนเพิ่มเอง)

 

.... เหมือนจะจบแล้ว แต่ยังไม่จบ ลองมาดู Speedy Quiz 11 คำถามตัวจริง ของ การเป็นแฟนลิเวอร์พูลซะหน่อย

 

Q1: คุณคิดว่าลิเวอร์พูล จะจบฤดูกาล 2020 – 2021 ด้วยอันดับที่เท่าไหร่ในลีก และ อันดับของ แมนยู ด้วย

A1: หงส์ แชมป์ ส่วน ผีแดง ที่ 3 

 

Q2: นักเตะทิ่คิดว่าเตรียมแจ้งเกิด หรือ น่าจะมีฟอร์มที่ฮ็อตสุดๆในปีนี้

A2: ทาคูมิ มินามิโนะ

 

Q3: นักเตะที่คิดว่าทีมควรเสริม และ น่าจะเหมาะกับทีมที่สุด 1 คน พร้อมเหตุผลสั้นๆ

A3: คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้... มาเถอะ อยากได้

 

Q4: ขอ 3 อันดับนักเตะที่คุณคิดว่าดีที่สุดของลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2000 

A4: สตีเว่น เจอร์ราร์ด, หลุยส์ ซัวเรซ และ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

 

Q5: ขอ 5 นักเตะ ลิเวอร์พูลที่คุณชื่นชอบมากที่สุดตั้งแต่ปี 2000 

A5: ชาบี อลอนโซ่ ยืนหนึ่ง!, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลูคัส เลว่า, อลีสซง เบ็คเกอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 

ปล. โอเว่น หมดรักตอนไป เรอัล มาดริด

 

Q6: เราอยากให้คุณเทียบ ลิเวอร์พูล กับ 1 ทีมในไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ว่าคือทีมอะไร เพราอะไร สั้นๆก็ได้

A6: บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่มีเหตุผลอะไรมากเลย เพราะเชียร์ทั้งคู่ ฮ่าๆๆ

 

Q7: ขอเรื่องราวของลิเวอร์พูล ที่ทำให้คุณหดหู่สุดๆ 1 เรื่อง 

A7: ตอน ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ย้ายไป ลีดส์ ยูไนเต็ด ปี 2001 จำได้เลยว่า เปิดหนังสือพิมพ์สยามกีฬาที่โรงเรียน แล้วเห็นข่าวนี้ถึงกับร้องไห้กลางโรงอาหาร TT

 

Q8: ลิเวอร์พูล ทำผลงานในฟุตบอลถ้วยแต่ละรายการเป็นอย่างไร   

A8: บอลลีก กับบอลยุโรป แฟนหงส์ ต่างรู้ดีแล้วล่ะว่า คล็อปป์ ให้ความสำคัญมาก แต่ก็อยากให้เน้นบอลถ้วยในประเทศสักนิดนึง อยากเห็น ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ บ้างหลังห่างเหินไปนานมากครั้งสุดท้ายปี 2006 โน่นเลย

 

Q9: ไอดอลส่วนตัว ที่เชียร์ทีมเดียวกันคือใคร เพราะอะไร (ได้ทั้งไทย เทศ ดารา นักร้อง นักเขียน ได้หมด)

A9: คนที่ชอบจริงๆ คือ พี่เจมส์ ลาลีกา ถึงขั้นเคยใช้ชื่อตามนามปากกาพี่เขา (ฮอส ลาลีกา) และเคยคิดที่จะเรียนคณะ มนุษย์-สเปน เพื่อตามรอยไปแดนกระทิงดุเหมือนพี่เขา

 

เหตุผลที่ชอบคือ ตอนช่วง ม.ปลาย ตกกลางคืนผมมักจะเปิดวิทยุฟังเป็นประจำ ก็เปิด Sport Radio กรอกหูทุกคืน ได้ยินเสียงพี่เขาจัดรายการบ่อย คิดในใจ คนอะไรแม่งโคตรฮา ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าพี่เขาเชียร์ ลิเวอร์พูล รู้แค่ว่าเชียร์ บาเลนเซีย แค่เท่านั้น

 

Q10: ถ้าสมมติว่า แฟน คุณบอกให้เลิกเชียร์ลิเวอร์พูล หรือ เปลี่ยนบู๊ทรูมเป็นเพจทีมอื่น จะทำยังไง ?

A10:  อันนี้ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะแฟนไม่อนุญาตให้ตอบตามที่ผมอยากตอบ ฮ่าๆๅ

 

Q11: ขอคำจำกัดความให้กับ ลิเวอร์พูล ในยุค คล็อปป์ สั้นๆ 3 คำ พร้อมความหมายนิยามให้นิดส์นึง

A11: “วิ่ง สู้ ฟัด” 

 

 

"สิ่งที่สำคัญที่สุดของระบบทีม คล็อปป์ คือการวิ่ง 

 

วิ่งในที่นี้คือการวิ่งแบบมีเป้าหมาย ทั้งการวิ่งไล่บอลหรือวิ่งเพื่อทำทางให้เพื่อน ใครก็ตามที่เจอ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ในวันที่เอาจริงแบบสุดๆ แล้วล่ะก็.. คุณจะเหมือนนกที่ถูกจับอยู่ในกรงเลยล่ะ"

 

ผมบอกพวกคุณแล้วว่าคนนี้ๆ และเพจที่เขาทำ จะทำให้คุณตกหลุมรักลิเวอร์พูลได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการ ประกาศศึกกับแฟนแมนยู ที่ตอนนี้อาจจะยังต้องแอบอยู่ในรูกันต่อไปก่อน แบบผมนี่ไง ฮ่าๆๆ ... 


stadium

author

นวพล เกียรติไพศาล (แฟนแมนยู)

เบนซ์ชอบกินข้าวมันไก่แต่กลัวอ้วน รักแมวแต่มักโดยข่วน ชอบกีฬาแต่ไม่ตามผล

โฆษณา