stadium

ทำความรู้จัก 7 ดาวรุ่งว่าที่ซูเปอร์สตาร์วงการกีฬาไทย

8 กันยายน 2563

คลื่นลูกใหม่ย่อมมาแทนคลื่นลูกเก่าเสมอ เป็นคำที่ใช้ได้กับทุกวงการ โดยเฉพาะกับแวดวงกีฬาที่หมายถึงสะท้อนให้เห็นถึงสัจธรรมของโลก เมื่อวันเวลาเปลี่ยนนักกีฬารุ่นเก่าก็ต้องเกษียณตัวเองเลิกเล่นไป เปิดทางให้นักกีฬารุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาแทน

 

ซึ่งแต่ละชนิดกีฬามักจะมีช้างเผือก หรือเพชรที่รอวันเจียระไนให้เปล่งประกายวาววับ และในวันนี้เราได้รวมรวบ 7 นักกีฬาดาวรุ่งรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ที่มีแววก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการกีฬาไทย

 

 

 

“มิลค์” วรรรญา วรรณผ่อง นักกีฬาโดรนเรซซิ่ง 

“น้องมิลค์”อายุเพียงแค่ 13 ปี แต่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกโดรนเรซซิ่งถึง 2 สมัยติดต่อกัน ความร้ายกาจของเธอไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือการบังคับโดรนอันผาดโผน แต่ยังมีไม้ตายอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือการทำหน้านิ่งไร้ความรู้ไว้ล่อหลอกทำให้คู่แข่งไม่สามารถเดาได้เลยว่าเธอกำลังคิด หรือรู้สึกอะไรอยู่ข้างในใจ

 

แต่กว่าจะมาเป็นแชมป์โลกในชุดคอซอง เธอต้องฝ่าฟันเส้นทางความลำบากและเสียงวิจารณ์มาไม่น้อย เคยถูกตั้งคำถามว่าเล่นโดรนบังคับแล้วจะได้อะไร ซึ่งในวันนี้เธอก็ได้นำความสำเร็จมาตอบกลับคำถามเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว 

 

นอกจากนี้เจ้าของสถิติแชมป์โลกอายุน้อยที่สุดของเรายังมีผลงานอีกมากมาย ทั้งการเป็นโค้ชถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับ "น้องเปปเปอร์" ด.ช.วรวิทย์ ทรัพย์ศรี วัย 5 ขวบ ขับโดรนจนคว้าแชมป์ประเภทมือใหม่รายการนานาชาติที่อินโดนีเซียมาแล้ว

 

รวมไปถึงผลงานการแสดงใน มิวสิค วีดีโอ เพลงไม่เข้าท่าของ Bodyslam ซึ่งยอดวิวเพลงล่าสุดทะลุ หกล้านวิวไปแล้ว และไม่แน่ว่าอนาคตหากกีฬาโดรนถูกบรรจุให้มหกรรมอย่างซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ เธอก็มีสิทธิ์คว้าเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทย

 

แชมป์โลกโดรนเรซซิ่ง 2 สมัย (2018-2019)

แชมป์นานาชาติ อินโดนีเซีย โดรน ปรีซ์ 2020 ที่เมืองเบกาซี ประเทศอินโดนีเซีย

 

 

 

“พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ นักกีฬาแบดมินตัน

ถูกยกให้เป็นนักแบดที่น่าจับตามองในรอบ 2-3 ปีหลัง มีคุณบัติครบถ้วนที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต ด้วยความโดดเด่นทั้งเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่น่ารักดึงดูดกองเชียร์จนได้รับฉายาว่า #นักแบดหน้าหวาน รวมไปถึงเรื่องของฝีไม้ลายมือชั้นเชิงในการตบลูกขนไก่ก็ไม่ธรรมดา ประสบความสำเร็จมากแล้วมากมายตั้งแตอายุเพียง 11 ปี ทั้ง ๆ ที่แบกอายุลงแข่งขันกับนักกีฬาที่โตกว่ามาตลอด

 

-คว้าแชมป์ แชมป์นานาชาติ รุ่น ยู 15 ปี 'เวิลด์แบดมินตัน ยู 15 โชไน อินวิเตชั่นแนล 2019'' ที่สึรุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น

-แชมป์เยาวชนแห่งชาติ 2018 รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี

-แชมป์หญิงเดี่ยว CU OPEN 2018 รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี

-แชมป์แบดมินตันอินเตอร์ เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2018 “โยเน็กซ์ โรซ่า บ้านทองหยอด”

-แชมป์แบดมินตัน จายา รายา จูเนียร์ กรังด์ปรีซ์ 2019 รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ที่อินโดนีเซีย

 

ล่าสุดยังโชว์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ หลังดวลกับ จิว พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ มือหนึ่งรุ่นเยาวชนโลก ได้อย่างสูสีเล่นกันถึงสามเกม แม้ว่าสุดท้ายจะแพ้และได้เหรียญทองแดงในศึกชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งแรกในชีวิต

 

และที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือวิธีคิดของเธอในยามลงแข่งจะไม่คิดถึงผลแพ้ชนะ ขอแค่เล่นให้สนุกมีความสุขไว้ก่อน เวลาเจอคนที่เก่งกว่าเธอจะคิดว่านี่คือโอกาสได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น

 

เรียกได้ว่าครบเครื่องพอตัวเลยทีเดียวสำหรับนักแบดหน้าหวานคนนี้

 

 

“เนย” กมลชนก ขวัญเมือง นักกีฬาว่ายน้ำ

ถ้าพูดถึงเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจ สำหรับเด็กอายุ 15 ปี ผมขอการันตีว่าน้องเนยคนนี้ไม่เป็นสองรองใคร เธอเป็นเด็กที่รักกีฬาว่ายน้ำเข้าเส้นเลือดและยังมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการเป็นที่หนึ่งและอยากพัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน วันไหนที่ว่ายทำเวลาไม่ดีผมเคยเห็นเธอบ่อน้ำตาแตกเพราะความผิดหวังในตัวเองมาแล้ว

 

ที่สำคัญเงือกสาวจากจังหวัดนครปฐมคนนี้ยังมีครอบครัวเป็นแรงผลักดันชั้นเยี่ยม ทั้งคุณพ่อและแม่ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันกับเธอ ให้การสนับสนุนเต็มที่คอยไปรับ-ส่งที่สระซ้อมทุกวัน วันแข่งจะคอยตะโกนเชียร์ดังลั่นสระจนเป็นที่จดจำ และพร้อมจะหาสิ่งที่ดีที่สุดในเส้นทางนี้ให้กับน้องเนยเสมอ

 

กลับมาที่น้อง เนย เป็นนักว่ายน้ำระยะกลางว่ายได้ดีในท่ากบ ผีเสื้อและฟรีสไตล์ ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านครองราชินีสระในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ส่วนในระดับนานาชาติแจ้งเกิดด้วยการคว้า 5 เหรียญทอง 1 เงิน 1 ทองแดง ทำลายสถิติได้ถึง 4 รายการในศึกซีเอจกรุ๊ปที่ประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2019 แถมล่าสุดติดทีมชาติชุดใหญ่ลุยซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์  ทำผลงาน 1 เงิน 1 ทองแดง ในการลงแข่งครั้งแรก 

 

คงเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อยถ้าหากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ผลักดันให้เธอได้ไปฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาตัวเองที่ต่างประเทศ เพราะด้วยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็กคนนี้บอกตรง ๆ เลยว่ามีโอกาสไปได้กว่า ซีเกมส์ ด้วยซ้ำ

 

 

“ปอปอ” พิยดา พีรมธุกร ยิมนาสติก

เป็นอีกหนึ่งคนที่ผมมีโอกาสได้เห็นความสามารถด้วยตาตัวเองมาแล้ว ในการแข่งขันเยาวชนแห่งชาติ “ชุมพร ระนองเกมส์” เมื่อปี 2560 ยอมรับตามตรงเลยว่า ประทับใจและไม่เคยเห็นนักกีฬายิมนาสติกลีลาสาวไทยคนไหนที่มีแอคชั่นและจริตจะก้านได้งดงามอย่างธรรมชาติเท่านี้มาก่อน ซึ่งในปีนั้นน้องปอปอ อายุเพียงแค่ 11 ปี แต่แจ้งเกิดด้วยการเอาชนะรุ่นพี่เยาวชนทีมชาติถึง 3 คน คว้า 3 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง และยังตอกย้ำคุณภาพด้วยการคว้ารางวัลนักกีฬาดีเด่นเยาวชนแห่งชาติถึง 3 ปีซ้อน 2560 ถึง  2562 ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสาวน้อยคนนี้จึงถูกคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวแทนที่ของ ”โม” ธาราทิพย์ ศรีดี อดีตราชินีวงการยิมนาสติกไทย

 

ความสามารถของน้องปอปอยังทำให้ ”ครูไก่” กุสุมาลย์ ประเสิรฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมฯ และผู้ปลุกปั้น ”โม” ธาราทิพย์ ถึงกับเอ่ยปากยอมรับ ปอปอ นั้นเก่งกว่า โม ในวัยเดียวกัน ทั้งในเรื่องเทคนิคการหมุนตัว หรือการสร้างสมดุล และการเล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ จัดว่าเก่งเกินวัย 

 

และด้วยพัฒนาการที่ก้าวกระโดดทำให้น้องปอปอในวัย 14 ปี ถูกดันขึ้นทีมชาติไทยชุดใหญ่ชุดเตรียมซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนามเรียบร้อยแล้ว หลังจากสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย เห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมและประเมินดูแล้วว่ามีคะแนนดีกว่ารุ่นพี่ในทีมชาติชุดใหญ่ และยังมีคะแนนสูสีกับนักกีฬาจากมาเลเซียมือหนึ่งในอาเซียนอีกด้วย เมื่อบวกกับระยะเวลาที่เหลืออีกปีกว่าๆ บอกเลยว่างานนี้มีลุ้นเหรียญทองเลยทีเดียว

 

“ขนมจีบ” ณัฐกมล วาสนา  คนขวาในภาพ

 

“ขนมจีบ” ณัฐกมล วาสนา นักกีฬาเทควันโด

สาวน้อยผู้ตัดสินใจทิ้งการเรียนเปียโน เพื่อมาเรียนกีฬาเทควันโดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ตามคำชักชวนของคุณพ่อ แม้ว่าจะเจ็บตัวโดนซ้อมจนช้ำไปทั้งตัวแต่เพราะรักและมีความฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติและอยากคว้าเหรียญทองโอลิมปิกทำให้เธอไม่ย่อท้อและสู้ต่อไป

 

ในแต่ละวันหลังเลิกน้องขนมจีบ จะใช้เวลาเดินทางไป-กลับวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อไปซ้อมเทควันโดวันละ 3 ชั่วโมงที่ยิม ''ทวีศิลป์ ร่มโพธิ์'' ย่านคลอง 7 ปทุมธานี ภายใต้การดูแลของโค้ชเข้ม ทวีศิลป์ คำนวณ ผู้ปลุกปั้น เจ้าเทม เทวินทร์ หาญปราบ เหรียญเงินโอลิมปิก และโค้ชแม็ก ชัชวาล ขาวละออ แชมป์โลกเทควันโดชายเพียงคนเดียว

 

ผลของการมานะบากบั่นส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติเป็นทั้งแชมป์เยาวชนเอเชีย และแชมป์เยาวชนโลก น่าติดตามจริงๆ สำหรับเด็กคนนี้ กับความมุ่งมั่นที่มีไม่แน่เราอาจได้เห็นตัวแทนของ เทนนิส พาณิภัค ในเร็วๆนี้ก็ได้

 

 

“เอแคร์” ชญานุศภัฒค์ ชินนะเกิดโชค นักกีฬาฟันดาบ

 

น้องเอแคร์ เป็นเด็กที่มีความคิด ทัศนคติ และความมุ่งมั่นเกินร้อย ต้องชื่นชมครอบครัวที่เลี้ยงดูได้อย่างมีคุณภาพ มีโอกาสได้ปะมือกับรุ่นพี่ทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืม จนกลายเป็นความฝันที่อยากจะเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติ

 

แม้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากความหลงใหล แต่การค้นหาความต้องการของตัวเองเจอได้อย่างรวดเร็ว ผสานเข้ากับองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างจึงกลายเป็นแรงผลักดัน วันนี้ในวัยเพียง 15 ปีเธอเขย่าวงการฟันดาบด้วยการก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 ทีมชาติไทยในประเภทฟอยล์เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับผ่านเวทีซีเกมส์มาแล้ว 

 

ทำความรู้จัก เอแคร์ แบบเต็มๆที่ได้ที่นี่

 

 

 

“กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักกีฬายิงปืน

เด็กหนุ่มมาดนิ่งที่มีความคิดความอ่านโตเกินวัย หากจะบอกว่าเขาคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นนักกีฬายิงปืนก็ไม่เกินจริงเลย  เพราะไม่ว่าจะเล่นกีฬาชนิดไหนก็ไม่ตอบโจทย์ ยกเว้นยิงปืนกีฬาที่ต้องคิดเร็วทำเร็วซึ่งตรงกับความตัวตนของกัปตัน

 

กัปตันใช้เวลาเพียงแค่ 6 ปี นับตั้งแต่หัดยิงปืนครั้งแรกตอนอายุ 8 ขวบ เขาก็ก้าวขึ้นติดทีมชาติเป็นครั้งแรก เขามีเป้าหมายอยากจะประสบความสำเร็จระดับนานาชาติ และจากความมุ่งมั่นที่ล้นเหลือทำให้ กัปตัน ในวัย 15 ปี เขาคว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต พร้อมสร้างสถิติเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ได้ไปโอลิมปิกเกมส์

 

ทำความรู้จัก กัปตัน แบบเต็มๆคลิกเลย
 

 


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose