5 กุนซือโต๊ะเล็กไทยฝีมือฉมัง ดีพอคุมทัพช้างศึก ในอนาคต อ่านต่อได้ที่ STADIUMTH

5 กุนซือโต๊ะเล็กไทยฝีมือฉมัง ดีพอคุมทัพช้างศึก ในอนาคต

#ChangsuekFutsalCorner

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันวงการฟุตซอลของทวีปเอเชีย เกือบทุกชาติต่างเลือกใช้บริการดึงตัวโค้ชต่างชาติเข้ามาคุมทีม ไม่ว่าจะเป็น สเปน, บราซิล, อิตาลี หรือแม้กระทั่งโปรตุเกส เพื่อเข้ามายกระดับทีมให้ดีขึ้น

รวมถึงประเทศไทย ของเราเองก็เลือกใช้โค้ชจากต่างแดน อิมพอร์ตโค้ชจากแดนกระทิงดุ ประเทศสเปน อย่าง โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส "ปูลปิส" กุนซือมาดนิ่งที่ได้รับโอกาสคุมทัพช้างศึกโต๊ะเล็กไทย อีกครั้ง เพราะเชื่อว่าโค้ชจากต่างแดนจะสามารถยกระดับทีมขึ้นมาได้มากกว่าที่เป็นอยู่

ซึ่งในอนาคตเราเองก็หวังว่า ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย จะให้โอกาส โค้ชคนไทย เข้ามารับโอกาสเข้ามากุมบังเหียนทัพช้างศึก อีกครั้ง เหมือน ทีมชาติอิหร่าน ชาติชั้นนำของทวีปเอเชีย เจ้าของแชมป์เอเชีย 15 สมัย และอันดับ 3 ฟุตซอลโลก 2016 ก็เลือกใช้บริการโค้ชอิหร่าน มาตั้งแต่ปี 2015 พร้อมพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย ต่อกรกับทีมระดับโลก แบบไม่เป็นรองใคร  

โดยวันทีมงานของเราจะพาแฟนฟุตซอลไทย ไปทำความรู้จักกับโค้ชชาวไทย ที่มีแววดีพอก้าวขึ้นไปรับงานหินคุม "ช้างศึกโต๊ะเล็ก" ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ได้ในอนาคต จะมีใครบ้าง ถูกใจแฟนฟุตซอลไทย หรือไม่ไปดูกัน  

อุดม ทวีสุข

คนแรกที่เราต้องหยิบยกมาพูดถึงคงหนีไม่พ้นชื่อของ "โค้ชดม" อุดม ทวีสุข กุนซือสุดเฮี้ยบของสโมสรการท่าเรือ เอเอสเอ็ม ที่พาทัพสิงห์คลองเตย เถลิงแชมป์ฟุตซอลลีกสูงสุดมาแล้วถึง 3 สมัย ด้วยประสบการณ์เต็มเปี่ยมผ่านงานคุมทีมในเวทีฟุตซอลมาอย่างยาวนานทั้งในระดับอุมศึกษา และลีกอาชีพ  

ส่วนในนามทีมชาติไทย กุนซือมาดนิ่งก้าวขึ้นไปกุมบังเหียนทีมชาติไทย มาแล้ว พาทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย เถลิงแชมป์เอเชียน มาเชียลอาร์ตเกมส์ 2017 และอันดับ3 ชิงแชมป์เอเชีย พร้อมขึ้นมาเป็นมือขวาทีมฟุตซอลชายทีมชาติไทย ในหลายยุคหลายสมัยทั้ง มิเกล โรดริโก้ และล่าสุดในยุคของ โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส "ปูลปิส"

ด้วยบารมีที่สะสมมายาวนานในวงการฟุตซอลไทย บวกกับฝีมือคุมทีม ที่ถือเป็นกุนซือจอมแทคติกคนหนึ่งของเมืองไทย มีถ้วยแชมป์มากมายเป็นเครื่องการันตี ในอนาคตหากฟุตซอลไทย เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวโค้ชอีกครั้ง รายชื่อของ "โค้ชดม" อุดม ทวีสุข ก็เหมาะสมและคู่ควรแบบไม่ต้องสงสัย  

รักษ์พล สายเนตรงาม

"หมีรินโญ" รักษ์พล สายเนตรงาม อีกหนึ่งกุนซือมากฝีมือของวงการฟุตซอลไทย ที่มีประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศ เรื่องความสำเร็จก็ไม่ต้องพูดถึง ในระดับสโมสรพา พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี คว้าแชมป์ลีก 5 สมัย (2011,2014,2015,2016,2017) แชมป์เอฟเอคัพ2สมัย (2015,2016) และเป็นโค้ชคนไทย คนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์สโมสรเอเชีย มาครองได้ในปี 2017 และแชมป์สโมสรอาเซียน1สมัย (2019)  

ส่วนในนามทีมชาติ ศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน มีประสบการ์ณคุมทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย พร้อมโยกไปคุมทีมหญิงของเวียดนาม มาแล้ว ขณะที่ในทีมชาย ก็ขึ้นมาเป็นมือขวาของทัพโต๊ะเล็กช้างศึก มาโดยตลอด เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ จากกุนซือ มิเกล โรดริโก้ และล่าสุดในยุคของ โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส "ปูลปิส" มาอย่างเต็มที่  

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบ แทคติกการเล่นต่างๆ ที่หากหลาย พร้อมนำมาปรับใช้ได้กับทีมของตัวเอง และโค้ชหมีถือเป็นกุนซือรักครอบครัว ที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวย้ายไปคุมทีม แบล็ค สตีล ในลีกอินโดนีเซีย พร้อมพาทีมทำสถิติไร้พ่าย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในอนาคต "โค้ชหมี" จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ กับตำแหน่งกุนซือฟุตซอลทีมชาติไทย  

พัทยา เปี่ยมคุ้ม

"โค้ชเอ๋" พัทยา เปี่ยมคุ้ม กุนซือร่างเล็กอีกหนึ่งนักเตะระดับตำนานของวงการฟุตซอลไทย ที่ผ่านเวทีฟุตซอลโลก 2 สมัย ปี 2000,2004 พร้อมจารึกเป็นนักเตะไทย คนแรกที่ทำประตูได้ในเวทีเวิลด์คัพ ถือเป็นเฮดโค้ชระดับต้นๆ ของวงการฟุตซอลไทย หากย้ายไปคุมทีมไหนทีมนั้นมีโอกาสลุ้นแชมป์ลีกได้เกือบทั้งหมด

โดยหลังเลิกเล่น พัทยา เปี่ยมคุ้ม หันมาเอาดีด้านงานโค้ช และประสบความสำเร็จมากมาย อาทิ รับงานคุมทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ทั้งหญิงและชาย ย้ายไปเป็นกุนซือทีมชาติเวียดนาม, สิงคโปร์ ส่วนในระดับสโมสร พา ชลบุรี บลูเวฟ คว้าแชมป์ ฟุตซอล ไทยลีก ครั้งที่ 1 และอีกหลายสโมสร ปัจจุบันคุมทีมสโมสรห้องเย็นท่าข้าม  

ซึ่ง "โค้ชเอ๋" เป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ที่พาทีมฟุตซอลไทย ชนะอิหร่าน ได้สำเร็จ พาทีมฟุตซอลไทยเข้าชิงศึกเอเชียน อินดอร์เกมส์ ปี 2007 ที่มาเก๊า และพาทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้ 2 สมัยในปี 2007 ที่ไทย และปี 2011 ที่อินโดนีเซีย หากวันหนึ่งทีมฟุตซอลไทย ต้องการกุนซือที่มีทั้งฝีมือและวัยวุฒิ "โค้ชเอ๋" พัทยา เปี่ยมคุ้ม ก็เหมาะสมที่จะกลับไปคุทีมชาติไทย อีกครั้ง  

วิศาล ไหมวิจิตร

ถือเป็นอีกหนึ่งกุนซือระดับต้นๆ ของเมืองไทย สำหรับ “โค้ชเอก” วิศาล ไหมวิจิตร เฮดโค้ชมากประสบการณ์ที่ปัจจุบันพา สิงห์ สมุทรสาคร ฟุตซอลคลับ ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจในการศึก “ฟุตซอล ไทยลีก 2020” แม้มีปัญหาในการทำทีมมากมาย  

ซึ่ง “โค้ชเอก” ที่มีดีกรีผ่านการอบรมหลักสูตร AFC Futsal Coaching Certificate Course Level 3 ผ่านการคุมทีมมาในฟุตซอลลีกเมืองไทย มาอย่างยาวนานทั้งกับ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี, สุราษฎร์ธานี, แบงค็อก บีทีเอส, แคท เอฟซี, กรมทางหลวง เคยพา ชลบุรี บลูเวฟ คว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีก 2009 และทำทีม แบงค็อก บีทีเอส เอฟซี คว้ารองแชมป์ไทยแลนด์ลีก 2015, กรมทางหลวง รองแชมป์เอฟเอ คัพ 2017  

ส่วนในนามทีมชาติไทย พา ทีมฟุตซอลหูหนวกทีมชาติไทย คว้ารองแชมป์โลก 2015 เคยเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทย ในยุคของ ปูลปิส และ มิเกล โรดริโก ปัจจุบันยังเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตซอลหูหนวกทีมชาติไทย ในอนาคตข้างหน้าชื่อของ “โค้ชเอก” วิศาล ไหมวิจิตร ก็เหมาะสมและคู่ควรที่จะได้ลุ้นกับตำแหน่ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เช่นกัน  

เจษฎา ชูเดช

หายคนคงแปลกใจว่ามีชื่อของ "จ่าต๊อบ" เจษฎา ชูเดช ติดโผเข้ามาอยู่ในรายชื่อได้ยังไง แต่เรากำลังพูดถึงเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งดาวเตะทีมชาติไทย ในวัย 31 ปี ถือเป็นนักฟุตซอลที่ประสบความสำเร็จระดับต้นๆ ของเมืองไทย ผ่านเวทีฟุตซอลโลก 2 สมัย 2012,2016 และอยู่ค้าแข้งกับ ราชนาวี เพียงแค่สโมสรเดียวมาโดยตลอด หากไม่นับเรื่องย้ายแบบยืมตัว

เจ้ารางวัลดาวซัลโวฟุตซอลลีก 4 สมัย ประสบความสำเร็จอย่างมากในชีวิตค้าแข้ง ได้แชมป์ฟุตซอลเอฟเอ คัพ 1 สมัย, ฟุตซอลแชริตี้ ชิลด์ 1 สมัย และย้ายแบบยืมตัวไปคว้าแชมป์สโมสรเอเชีย 2017 กับ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี และแชมป์สโมสรอาเซียน 2015 กับ การท่าเรือ เอเอสเอ็ม พร้อมย้ายไปเก็บประสบการณ์ค้าแข้งต่างแดนในลีกอินโดนีเซีย มาแล้ว  

ส่วนในการคุมทีม เจ้าตัวช่วยดูแลเรื่องการฝึกซ้อมของสโมสรรชานาวี มาโดยตลอดในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา และในปีนี้ขยับขึ้นมาเป็นโค้ชแอนเพลย์เยอร์แบบเต็มตัว พร้อมพาต้นสังกัดทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแม้จะงบประมาณเป็นรองทุกทีมในลีก ถ้าในอนาคตเจ้าตัวเลิกเล่นแล้วเดินหน้าเอาจริงด้านงานโค้ช ด้วยประสบการณ์ และบารมีที่สะสมมานาน หากถึงเวลาที่เหมาะสม ชื่อของ "จ่าต๊อบ" เจษฎา ชูเดช ก็มีลุ้นขึ้นไปคุมทีมชาติไทย ได้เหมือนกัน