21 สิงหาคม 2563
หากย้อนกลับไปพูดถึงความสำเร็จของ “ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย” ในยุครุ่งเรือง(7 เซียน) 1 ใน 7 คนที่มักถูกพูดถึงมากที่สุดคือ “ปู” มลิกา กันทอง ดาวตบสารพัดประโยชน์จากอ่างทอง ที่เล่นได้สารพัดตำแหน่งในสนาม และครบเครื่องทั้งเกมรุกและเกมรับ
ตำแหน่งประจำของ มลิกา ในการลงสนามรับใช้ “ตบสาวไทย” เรียกอย่างเป็นทางการว่า “opposite” แต่คนส่วนใหญ่มักเรียกว่า “บีหลัง” อธิบายคร่าว ๆ คือ มลิกา จะยืนอยู่ตรงข้าม(opposite) “เซตเตอร์” ตลอดทั้งเกม คนหนึ่งเลื่อนไปทางขวา อีกคนหนึ่งก็จะเลื่อนไปทางซ้าย คนหนึ่งวนขึ้นแดนหน้า อีกคนหนึ่งจะวนลงแดนหลัง(หมุนเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา)
ความจริงแล้วในต่างประเทศ “บีหลัง” มักจะเล่นเกมรุกเป็นหลัก จังหวะรับเสิร์ฟก็มักจะวิ่งมารอทางขวา(ไม่ต้องรับเสิร์ฟ) เพราะต้องเน้นไปที่การทำคะแนน ตัวอย่างเช่น เปาล่า เอโกนู(อิตาลี), ทิยาน่า บอสโกวิช(เซอร์เบีย) และ แอนเดรีย ดรูว์(สหรัฐฯ) แต่ว่าในเอเชีย “บีหลัง” จะออกแนวผู้เล่นสารพัดประโยชน์ เกมรับเหนียวแน่น รับเสิร์ฟได้ดี และขยับเข้าไปเล่น “บอลผสม” ร่วมกับ ตัวรุกคนอื่นๆ อย่างเช่น กง เซียง หยู(จีน) และ มลิกา
แน่นอนว่า มลิกา ก็เป็นอีกคนที่น่าจะตัดสินใจอำลา “ทีมลูกยางสาวไทย” ในอนาคตเช่นกัน เพราะว่า เจ้าตัว ผ่านการติดธงรับใช้ชาติมาแล้วมากกว่า 10 ปี และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกยางเมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “ใครสักคน” จะก้าวขึ้นมาแทน
พิมพิชยา ก๊กรัมย์ (3BB นครนนท์)
ดาวตบสาวหน้าคมชาวบุรีรัมย์ เติบโตมาจาก โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 แลเป็นอีก 1 ศิษย์เอกของ “โค้ชเอ็ม” ธนกฤต อินเลี้ยง ที่ประสบความสำเร็จและแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว จนเคยถูกดึงตัวไปเล่น ลีกอาชีพ ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาแล้ว รวมทั้ง เจ้าตัว ยังดีพอที่จะก้าวขึ้นมาติดธงรับใช้ “ตบสาวไทย” ตั้งแต่อายุยังน้อย
“บีม” ถือว่าเป็น สมาชิกของ “ตบสาวไทย” ชุดปัจจุบัน ผ่านการลงเล่นในรายการใหญ่ๆมาแล้วมากมาย และที่ผ่านมาก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่อาจโชคไม่ดีที่ เจ้าตัว ถูกอาการบาดเจ็บรบกวน 2-3 ครั้ง เลยทำให้ต้องหยุดพักไปหลายครั้ง
ธนัชชา สุขสด (เจนเนอราลี่ สุพรีมฯ)
“โมเม” เป็นที่รู้จักของ “แฟนลูกยางชาวไทย” ตั้งแต่สมัยยังเรียนที่ บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เพราะว่าผลงานโดดเด่นมากจนถูกเรียกติด “ทีมยุวชนหญิง” รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ชุดชิงแชมป์โลก 2015 ที่ประเทศเปรู ก่อนจะสร้างชื่อขึ้นมาเรื่อยๆจนถูกดันขึ้นชุดใหญ่ของ “โลมาสีชมพู”
เมื่อปีที่แล้ว “โมเม” ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต นั่นคือการเดินทางไปเล่น ลีกอาชีพ ที่ประเทศญี่ปุ่น กับอดีตต้นสังกัดของ ชัชชุอร โมกศรี นั่นก็คือ พีเอฟยู บลูแคทส์ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่หาไม่ได้ง่ายๆ และหากว่า เจ้าตัว สามารถพัฒนาฝีมือได้อย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ “ตบสาวไทย”
วิรัลยุพา อินทร์จันทร์ (ไดมอนด์ ฟู้ด วีซี)
“นก” ผลผลิตจาก โรงเรียนเม็งรายมหาราชวิทยาคม จังหวัดเชียงราย จัดเป็น 1 ในกลุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงแห่ง “โลกโซเชียล” เพราะว่า เจ้าตัว มีความสูงระดับ 180 เซนติเมตร และมีชื่อเข้าร่วม โครงการเยาวชนคนของชาติ หรือ “โครงการเด็กยักษ์ ปีที่ 2” ซึ่งทาง สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยฯ จัดขึ้นเพื่อคัดเลือก “นักกีฬาตัวงสูง” มาเข้าแคมป์ฝึกซ้อม
วิรัลยุพา เคยผ่านการติดธงรับใช้ “ทีมชุดเล็ก” มาแล้วหลายรายการ อาทิเช่น วอลเลย์บอลยุวชนหญิง(อายุต่ำกว่า 17 ปี) ชิงแชมป์อาเซียน, วอลเลย์บอลยุวชนหญิง(อายุต่ำกว่า 17 ปี) ชิงแชมป์เอเชีย หรือแม้แต่ วอลเลย์บอลเยาวชนหญิง(รุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี) ชิงแชมป์เอเชีย ส่วนระดับสโมสร เจ้าตัว มีโอกาสร่วมทีม “บิ๊กเนม” ไดมอนด์ ฟู้ด วีซี ลงแข่งขัน ไทยแลนด์ลีก ในฤดูกาลล่าสุด
ชิรญาภรณ์ กำใจบุญ (อะคาเดมี่ เจนเนอราลี่ สุพรีมฯ)
“น้องหยก” เป็นอีก 1 ขวัญใจของ “แฟนลูกยางชาวไทย” โดยเฉพาะในกลุ่ม “แฟนพันธุ์แท้” ที่ติดตามการแข่งขันทุกระดับ เพราะว่าถูกพูดถึงมาตั้งแต่สมัยที่ลงเล่น “รายการวิทยุการบิน” เนื่องจากมีรูปร่างสูงมาก โดยล่าสุด เจ้าตัว อายุ 15 ปีกว่าๆ แต่มีความสูงระดับ 180 เซนติเมตร ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าตัว ได้รับโอกาสลงฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ เจนเนอราลี่ สุพรีมฯ เป็นที่เรียบร้อย
หากต้องเทียบกับคนอื่นๆ อชิรญาภรณ์ ยังดูเป็นรองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องประสบการณ์ แต่ด้วยความที่อายุยังน้อย เจ้าตัว เลยมีเวลามากพอที่จะค่อยๆพัฒนาศักยภาพ เพื่อขึ้นไปสู้กับ “นักกีฬารุ่นพี่” และถ้าดูจากผลงานในรายการต่างๆที่ลงเล่น “น้องหยก” จัดว่ามีแววมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ
จับตามอง l 5 บอลเร็วความหวังใหม่ตัวแทน ปลิ้มจิตร์ ถินขาว
ตัวแทน นุศรา : 5 ว่าที่เซตเตอร์เบอร์ 1 แห่งอนาคตวอลเลย์บอลสาวไทย
5 ตัวตบหัวเสา อนาคตวงการวอลเลย์บอลสาวไทย
ตำนาน 7 เซียน – วรรณา บัวแก้ว ตัวรับอิสระอันดับ 1 ของเมืองไทย
วณิชยา หล่วงทองหลาง (นครราชสีมาฯ)
อดีตดาวรุ่งอนาคตไกลของ “ตบสาวไทย” ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนัก และต้องพักยาวเพื่อรักษาตัวเป็นเวลานานหลายปี แต่ว่าสุดท้าย เจ้าตัว ก็สามารถกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง และมีโอกาสถูกเรียกตัวติดธงรับใช้ “ทีมสาวไทย” อีกครั้ง ปัญหาของ “แป้ง” คือความเฉียบคมในการจบสกอร์ ซึ่งอาจจะไม่แน่นอนและดุดันเหมือนก่อน แต่ถ้าวันไหนเข้าฝักก็ถือว่าเป็นอีกคนที่ประมาทไม่ได้ ยิ่งบวกกับประสบการณ์ของ เจ้าตัว ที่โลดแล่นในวงการมาอย่างยาวนาน ก็ยังพอที่จะเป็นอีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจ
TAG ที่เกี่ยวข้อง