16 สิงหาคม 2563
วิเคราะห์แข้งโต๊ะเล็กไทย ทำไมไม่ย้ายไปค้าแข้งต่างแดน
#ChangsuekFutsalCorner
เป็นขวบปีที่ยากลำบากของผู้คนทั่วโลก หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในหลายประเทศสถานการณ์เริ่มทุเลา รวมถึงประเทศไทย ก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว
โดยศึก "ฟุตซอล ไทยลีก 2020" เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่สามารถคัมแบ็คกลับมาฟาดแข้งแข่งขันกันได้แล้ว โดยใช้สนามกลาง ที่ บางกอก ฟุตซอล อารีน่า เป็นสังเวียนแข้ง แต่ยังคงปิดห้ามแฟนบอลเข้าชมเกม ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัฐบาลกำหนดไว้
ซึ่งปีนี้ ฟุตซอลไทย ยังคงได้รับความสนใจจากนักเตะต่างชาติย้ายเข้ามาค้าแข้งมากมายเหมือนเช่นเคย แต่ตรงกันข้ามกับมีนักเตะไทย เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่ตัดสินใจย้ายไปหาความทาทายใหม่ในต่างแดน ก็คือ "เทพอาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวยิงซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย ที่ย้ายไปค้าแข้งกัน นาโงย่า โอเชียนส์ ยอดทีมแกร่งของประเทศญี่ปุ่น ด้วยสัญญายืมตัวจาก พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี
ถือเป็นเรื่องแปลกที่นักฟุตซอลไทย ที่ต่างชาติให้การยอมรับว่าเก่งจริง แต่ไม่คอยย้ายไปค้าแข้งในต่างแดนมากนัก เพราะตามจริงแล้วนักเตะไทย ทุกคนล้วนมีความฝันที่จะย้ายไปค้าแข้งในลีกต่างแดน เพื่อมีโอกาสทั้งการพัฒนาฝีเท้าของตนเอง เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนัง เพื่อนำกลับมาปรับใช้กับวงการลูกหนังโต๊ะเล็กไทย หรือกอบโกยรายได้จำนวนมหาศาลที่ได้มากกว่าเมืองไทย
เพราะหากเราลองเปรียบเทียบกับนักเตะคู่แข่งร่วมทวีปเอเชีย ของไทย อย่าง อิหร่าน และญี่ปุ่น กับมีนักเตะย้ายเดินทางไปค้าแข้งนอกประเทศมากมายไม่ต่ำกว่า 10 รายในแต่ละปี ทั้งในลีกยุโรป สเปน, โปรตุเกส, รัสเซีย หรือแม้แต่ในทวีปเอเชีย ทำให้ทีมชาติของพวกเขาแข้งแกร่งขึ้นทันตาเห็น ต่างจากนักเตะไทย ที่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ปลักหลักอยู่ในไทย ไม่ย้ายไปค้าแข้งในต่างประเทศ
วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์ถึง 3 ปัจจัยสำคัญ ที่แข้งโต๊ะเล็กไทย ทำไมถึงตัดสินใจไม่ย้ายไปค้าแข้งต่างแดน แม้จะได้ค่าตอบแทนมากกว่าอยู่เมืองไทย หลายเท่าก็ตามที
1. มาตรฐานลีก ไทย ดีอยู่แล้ว
เริ่มกันที่เรื่องของมาตรฐานลีก ต้องยอมรับว่า "ฟุตซอล ไทยลีก" ลีกสูงสุดของเมืองไทย ถือเป็นลีกที่แข็งแกร่งระดับต้นๆ 1 ใน 3 ของทวีปเอเชีย จนก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ทวีปเอเชีย มาแล้วถึง 2 สมัย ปี 2013, 2017 และมีผู้เล่นฝีเท้าดีมากมาย พร้อมดึงดูดแข้งต่างชาติโปรไฟล์เยี่ยมเข้ามาค้าแข้งอยู่ตลอด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะไทย จะเลือกเล่นในลีกบ้านเกิด
เพราะหากไม่ใช่ลีกชั้นนำในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น, อิหร่าน หรือทวีปยุโรป ที่ย้ายไปแล้วได้ประโยชน์แบบเต็มๆ การค้าแข้งในประเทศไทย ก็พัฒนาฝีเท้าได้ดีกว่าย้ายไปเล่นในลีกรองลงมาอย่าง จีน, อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม แม้จะได้เงินเยอะกว่า แต่เรื่องต่อยอดพัฒนาฝีเท้าไม่ได้มีมากนัก ทำให้นักเตะไทย เลือกที่จะเล่นในเมืองไทย มากกว่า รวมถึงโอกาสติดชาติไทย ด้วยเช่นกัน
2. กำแพงภาษา
อีกข้อที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของกำแพงภาษา ที่ปิดกั้นไม่ให้นักเตะไทย หลายคนตัดสินใจไม่ย้ายออกไปค้าแข้งในต่างแดน หากเรายอมรับกันตามจริง มีนักเตะไทย ที่สื่อสารกับแข้งต่างชาติได้แบบคล่องไหลลื่นมีไม่มากนัก
และการไปค้าแข้งต่างแดนในส่วนของฟุตซอล แต่ละสโมสรมักไม่จัดล่ามแปลภาษาแบบตัวต่อตัวมาช่วยนักเตะ ยกตัวอย่างในรายของ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่ย้ายไปเล่นกับ เมส ซุนกุน ในลีกอิหร่าน หรือล่าสุดในรายของ “ด๊ะ” พีรพัฒน์ แก้ววิลัย กับสโมสร ซานติอาโก ฟุตซอล คลับ ในลีกรองของสเปน
ทำให้การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมเป็นไปได้ลำบาก และที่สำคัญคือการรับฟังคำสั่งของโค้ช ตั้งแต่การฝึกซ้อม และลงแข่งขัน ที่ต้องทำความเข้าใจในรูปแบบ หรือระบบการเล่นของโค้ช เพราะ “ด๊ะ” พีรพัฒน์ แก้ววิลัย ก็ยอมรับว่าเรื่องภาษาเป็นปัญหาสำคัญที่เจ้าตัวเจออย่างจังในการย้ายไปเล่นที่แดนกระทิงดุ
ซึ่งในส่วนนี้จริงๆ แล้วขึ้นอยู่ที่ตัวนักเตะเองด้วยว่าจะมีความพยายามมากน้อยแค่ไหน เพราะหากเปรียบเทียบกันนักเตะจากญี่ปุ่น อย่าง คาซูยะ ชิมิสุ(สเปน) หรือ ฮอสเซียน ทาเยบี้(คาซัคสถาน, โปรตุเกส) ดาวยิงทีมชาติอิหร่าน ที่มีความพยายามทั้งในสนามและนอกสนาม ใช้เวลาว่างจ้างครูมาสอนภาษาเพิ่มเติม จนสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้แบบรวดเร็ว
หากนักเตะไทย ปรับตัวเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับทีมได้เร็วขึ้น และอยู่กับทีมไปนานๆ เพื่อเป็นประตูต่อยอดให้นักเตะรุ่นหลังย้ายมาเล่นในต่างประเทศ ไม่ใช่ย้ายไปแค่ 1 ปี ก็ต้องย้ายกลับมาเล่นในเมืองไทย ซึ่งมันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก
3. การปรับตัวเรื่องวัฒนธรรม สภาพอากาศ ความเป็นอยู่ อาหาร และใจไม่เสาะ
ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย หากเราต้องย้ายไปอยู่ในประเทศ ที่แต่ต่างกับประเทศไทย แบบสุดขั้ว ทั้งเรื่องวัฒนธรรม สภาพอากาศ ความเป็นอยู่ อาหาร แน่นอนว่านักเตะไทย ส่วนใหญ่เคยใช้ชีวิตที่ตามใจปาก ตามใจตัวเอง
แต่หากเราต้องย้ายไปค้าแข้งในต่างประเทศ สิ่งแรกคือเรื่องความเป็นมืออาชีพ ซ้อมตรงเวลา กิน พักผ่อน เป็นเวลา เพราะในต่างประเทศเกือบทุกอย่างแตกต่างจากประเทศไทย ไปคนละเรื่อง ซึ่งในส่วนนี้นักเตะไทย ต้องปรับตัวเองให้ได้
และที่สำคัญคือ ใจต้องแกร่ง ต้องไม่กลัวที่จะต้องออกไปใช้ชีวิตต่างแดน ในประเทศที่ไม่รู้จัก แม้จะไม่สามารถสื่อสารได้ แต่ต้องพร้อมเปิดรับ และปรับตัวกับทุกวัฒนธรรมในประเทศที่จะไปอยู่อาศัย และต้องใจแข็งพอ เรื่องคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงอาหาร หากปรับจุดนี้ได้จะมีนักเตะไทย ย้ายมาค้าแข้งในต่างประเทศมากขึ้นแน่นอน
สุดท้ายแล้วก็หวังว่าแข้ง “โต๊ะเล็กไทย" จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตังเอง ออกไปโชว์ฝีเท้าต่างประเทศ จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เพราะอย่างลืมว่า ถ้านักเตะไทย ได้ย้ายไปเล่นในลีกชั้นในของโลก จะทำให้นักเตะพัฒนาฝีเท้า ทักษะและการเรียนรู้ความเป็นมืออาชีพ ส่งผลชัดเจนต่อทีมชาติไทย ยิ่งกว่านั้นยังเป็นแรงบันดาลใจแก่รุ่นน้องต่อๆ ไปว่า อาชีพนักฟุตซอลเป็นอาชีพที่ไปได้ไกล พร้อมได้รายได้มากกว่าเล่นในไทย หลายเท่า
TAG ที่เกี่ยวข้อง