stadium

ผู้หญิงในโลกกีฬา ต้องมีมากกว่าแค่หน้าตาดี

13 สิงหาคม 2563

ไม่ใช่แค่นักกีฬาเท่านั้นที่ต้องมีโปรแกรมฝึกซ้อมอันเข้มขนเพื่อฝึกฝนและขัดเกลาตัวเอง เช่นเดียวกับการมีวินัยที่หนักแน่นสำหรับการพัฒนา เพราะทุกอาชีพในสังคมต่างหากอยากเป็นคนมีคุณภาพในทางเดินของตัวเอง ก็ควรจะต้องมีคุณสมบัติข้างตนในตัวเองกันทั้งนั้น

 

“พีชชี่” วรันธร สมกิจรุ่งโรจน์ คือ ตัวอย่างของผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของการทำงานอย่างหนัก และทุ่มเทชนิดที่เรียกว่าแทบจะขายวิญญาณให้กับการเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาหญิง โดยอุดมการณ์หลักที่เธอยึดมั่นมาโดยตลอดนั่นคือ “ผู้หญิง - กีฬา - พีชชี่” ซึ่งนั่นสะท้อนถึงปณิธานว่า แค่ทำได้ไม่พอ ต้องทำให้ดี หรือถ้าภาษาทางการตลาดคือ ขอเป็น Top of Mind Brand ของคนในสังคมเลยแล้วกัน

 

เรื่องราวทั้งหมดที่ได้พูดคุยต่อจากนี้ เราจะเห็นการร้อยเรียงทั้ง 3 คำ ให้สอดคล้องกันไปได้โดยปริยาย

 

 

 “ผู้หญิง – กีฬา - พีชชี่” คำจำกัดความที่เริ่มจาก 2 สิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุด

 

เป็นเรื่องน่าแปลกที่ผู้หญิงบุคลิกและหน้าตาดีคนหนึ่ง จะหันมาสนใจเรื่องราวของกีฬาอย่างจริงจัง ประกอบกับสาขาวิชาที่จบมา คือ จิตวิทยา ​คณะ​ศิลปศาสตร์ ม.​ธรรมศาสตร์ รวมถึงดีกรีการเป็น ​เคแบงค์ อีเกิร์ลส และไหนจะความตั้งใจแรกที่อยากนำของจากต่างประเทศเข้ามาขายในไทย … ทั้งหมดดูไม่เข้าข่ายกับคำว่า “ผู้ประกาศข่าวกีฬา” แม้แต่น้อย

 

“จริงๆเราก็ยังหาตัวเองไม่เจอซะทีเดียวตั้งแต่แรกนะ แต่ก็มีความสนใจเรื่องกีฬาเพราะดูฟุตบอลตามพี่ชาย พอเข้าโรงเรียนก็เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล กระทั่งเข้าสู่ช่วงเป็น เคแบงค์ อีเกิร์ลส์ ก็เริ่มรู้ตัวเองว่าเราชอบพูด เราสนุกกับการพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ยิ่งเราทำได้ดีเราก็ยิ่งสนุกไปกับมัน” คุณแม่แห่งถิ่นโอลด์แทร็ฟฟอร์ดเล่าให้ผมฟัง

 

“พีชชี่เคยผ่านงาน AE มาแล้วและรู้สึกว่ายังไม่ใช่งานที่โดนใจเท่าไหร่ แล้วจากนั้นก็ได้รับโอกาสเป็นเคแบงค์ อีเกิร์ลส์ ซึ่งตรงนี้เริ่มทำให้เราค้นพบอีกความชื่นชอบนึง นั่นคือการได้พูดต่อหน้าคน ซึ่งนำมาสู่การตั้งสมมติฐานกับตัวเองแล้วว่า จะมีอาชีพอะไรที่ตอบโจทย์ Passion ทั้ง 2 อย่างของเรา ซึ่งก็คือ กีฬา กับ การพูด .... และผลลัพธ์ก็ชัดเจนว่าทางของพิชชี่ คือ จะต้องเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา ให้ได้" นั่นคือสิ่งที่เธอเล่าต่อ

 

.... แล้วเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้ตัวว่าต้องลุยแล้ว ต้องเอาตัวเองเข้าสู่วงการผู้ประกาศข่าวกีฬาให้ได้ ?

 

"ช่วงที่สัญญากับ เคแบงค์ เหลือ 3 เดือนสุดท้าย ก็เลยตัดสินใจส่งใบสมัครไปยังหลายๆที่ และตั้งใจเลยว่า เราจะต้องทำให้ดีที่สุดในเส้นทางนี้ เอาแบบที่ว่าถ้าคนนึกถึงผู้หญิง กีฬา ก็ต้องนึกถึงชื่อ พีชชี่ ลักษณะจะคล้ายๆกับที่ช่วงนึงเมื่อพูดถึงผู้หญิงกับกีฬา ก็จะเป็นชื่อของคุณนิหน่า สุฐิตา ปัญญายงค์ เพราะเรารู้สึกว่าอยากเป็นที่ยอมรับจากความสามารถ การที่ใครซักคนจะมาเสียเวลาฟังเราแล้ว เขาต้องรู้สึกว่าได้รับความรู้หรือมุมมองที่น่าสนใจกลับไป … แล้วยิ่งเราเป็นผู้หญิงในสายกีฬา เราก็อยากให้คนจำ ตัวเราได้ในฐานะผู้ประกาศข่าวกีฬา หรือ คนที่มีความรู้และเล่าเรื่องกีฬาได้น่าสนใจ ไม่ใช่แค่การยืนสวยๆหรือ แค่มองเป็นฉากประกอบในรายการกีฬาเท่านั้น”

 

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ พีชชี่ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 ของเส้นทางการผู้ประกาศข่าวแห่งช่องไทยรัฐทีวี แน่นอนว่าครั้งนึงเมื่อ 2-3 ปีก่อนเธอเคยนิยามตัวเองไว้ว่า “บินได้แต่ยังไม่สวยและไม่แข็งแรงพอ” แต่วันเวลาผ่านไป ตอนถึงตอนนี้ ปีกของ “พีชชี่” แข็งแรงพอที่พาเธอบินขึ้นมาสูง และ ที่สำคัญสง่างาม พร้อมกับบินได้หลากหลายลีลาอีกด้วย

 

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เส้นทางของเธอก็ไม่ได้ง่ายเลย …

 

 

“ปึกกระดาษที่ช่วยติดปีก” … ลิสต์รายชื่อนักกีฬา น้ำตา และการไม่ยอมแพ้

 

“เบนซ์รู้จักพีชชี่มานานหรือยังเกิน 2 ปีมั้ย?” … คำถามจากนางฟ้าเลือดปีศาจแดง มุ่งตรงมาที่ผม

 

ณ เวลานั้นผมเลยตอบกลับไปว่าถ้าจำไม่ผิดคงราวๆ ปีเศษๆ ที่เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตา คุณพีชชี่ จากสื่อโซเชียลไม่ว่าจะเป็นการจัดการรายการกีฬาต่างๆ หรือ โพสต์จำพวกนางฟ้าวงการฟุตบอลอะไรทำนองนั้น

 

“ถ้าบอกว่าเกิด 2 ปีนี่ อาจจะโกหกกันนะ 5555 เพราะเอาจริงๆ พิชชี่ เริ่มออกสื่อเยอะและเป็นที่รู้จักได้ประมาณ 2 ปีเอง แต่เชื่อมั้ยว่า กว่าทุกอย่างจะลงตัวและดีแบบที่เห็นเนี่ย … เหนื่อยมากเลยนะ”

 

แม้ตัวเองจะรู้อยู่แล้วว่าการทำทุกอย่างให้ดีได้น่าจะเหนื่อย และ ใช้ความพยายาม แต่ทีแรกก็อดคิดไม่ได้ว่า จริงๆแล้วเส้นทางของ คุณพีชชี่ อาจจะมาได้เร็วกว่าคนอื่น ด้วยภาพจำที่เราติดตาว่า เธอเพอร์เฟ็คทั้งในแง่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกีฬา บุคลิกหน้าตาก็ดี แถมยังไฟล์สไตล์ที่น่าสนใจ แต่พอตั้งสติคิดดีๆและฟังตามที่ คุณพิชชี่ กล่าว ก็ทำให้นึกได้ว่า เออจริง เรามาเห็นตอนทุกอย่างสำเร็จลงตัวแล้วนี่หว่า

 

ทั้งหมดถามให้เกิดการเล่าย้อนกลับไปถึงยุคแรกที่ คุณพิชชี่ เข้ามาทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวกีฬาไทยรัฐทีวีตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม

 

“ตอนนั้น พีชชี่ สมัครไว้หลายที่นะ แต่ก็ชัดเจนว่าต้องเป็นตำแหน่งนี้เท่านั้น แล้วเราก็ผ่านการคัดเลือกของไทยรัฐทีวี ซึ่งเขามีนโยบายที่จะปั้นกลุ่มผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ แต่เชื่อมั้ยว่าตลอดช่วงเวลาเกือบๆ 1 ปีแรก หน้าที่ของพีชชี่คือการซ้อมออกกล้อง ซ้อมประกาศข่าว คือเรายังไม่ได้ทำหน้าที่ออกจอจริงๆ” 

 

ถ้าเทียบกับฟุตบอลก็คือช่วงเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมสลับกับการมีเกมอุ่นเครื่องที่ยังไม่ใช่การลงเล่นเกมการแข่งขันจริงๆ ซึ่งผมก็ได้ถามต่อด้วยความสงสัยไปว่า ในเมื่อสนุกกับการออกกล้องอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ใช่มั้ยครับ ?

 

 

“เราเองก็เป็นคนมั่นใจพอสมควรกับทักษะการพูด เพราะผ่านงานสายนี้มาพอสมควร แต่พอมารู้ถึงกระบวนการของคนข่าว การออกกล้องในฐานะผู้ประกาศข่าว สิ่งที่มั่นใจมาทั้งหมดแทบจะเหลือศูนย์เลย เราต้องเรียนรู้ใหม่หมดทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่การจับประเด็นข่าว เขียนข่าว ความสำคัญของบุคลิก การพูดที่ต้องถูกหลักไวยกรณ์ ความยากอีกอย่างหนึ่งคือการจะทำยังไงให้ทุกส่วนออกมาดีและดูเป็นธรรมชาติ แล้วยังต้องสนุกในแบบของความเป็นข่าวกีฬา"

 

"อีกเรื่องที่สำคัญมากๆเลยคือ ชื่อของนักกีฬา เพราะบางคนเราไม่รู้จักแต่เราต้องอ่านและพูดให้เหมือนว่าเรารู้จัก มันจะต่างกันเลยระหว่างการอ่านชื่อที่ดูเป็นธรรมชาติกับดูติดๆขัดๆ ซึ่งพอเริ่มติดขัดตรงชื่อ การอ่านเนื้อหาอื่นๆต่อจากนั้นก็จะดูลดประสิทธิภาพลงไปทันที เพราะเริ่มดูไม่เป็นธรรมชาติ ... แม้ว่าหลายคนจะปลอบใจ หรือเราจะพยายามให้กำลังใจตัวเอง แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ถ้าจะบอกว่า ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและความมั่นใจของเราพอสมควร”

 

“แต่หลังจากที่เราใจเย็นลง ก็ลองเริ่มคิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ คำตอบก็ง่ายมาก แต่ก็ทำยากอยู่นะ พีชชี่ ใช้เวลาว่างช่วงนั้น ปริ้นท์ชื่อนักกีฬาจากหลากหลายประเภท มานั่งท่อง นั่งอ่าน สร้างความคุ้นเคย วันละ 100 ชื่อ … คือไม่รู้หรอกว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้อะไรดีขึ้นมั้ย แต่ที่แน่ๆคือคงดีกว่าการอยู่เฉยๆ”

 

…. หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ ?

 

“ก็ทำให้ พีชชี่ รู้ว่า ความพยายามไม่ทำร้ายใครจริงๆ เพราะ สิ่งที่เราได้คือการลองแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่เราได้รู้จักชื่อนักกีฬาใหม่ๆ ซึ่งการทำซ้ำๆแบบนี้ทุกวัน มันก็คงไม่ต่างจากการที่นักกีฬาเขาก็ต้องซ้อมเบสิคหรือพื้นฐานเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ ท้ายที่สุดสิ่งที่เราทุ่มเท ก็มีผู้ใหญ่มาเห็น เขาก็ชื่นชมในสิ่งที่เราทำ ซึ่งทั้งหมดช่วยทำให้ความรู้สึกและสภาพจิตใจเราดีขึ้น จากความภาคภูมิใจที่กล้าจะเอาชนะตัวเอง”

 

จะเห็นได้ว่าอาชีพไหนๆ ก็คงต้องมีโปรแกรมการฝึกซ้อม มีวินัย มีความทุ่มเท และ ใส่ใจ คือสิ่งที่เราทำได้ส่วนโอกาสจะมาเมื่อไหร่ ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องรอคอยอย่างอดทน เช่นกัน … ไม่ใช่แค่สำหรับนักกีฬาเท่านั้น

 

 

ผู้หญิงและโลกกีฬาสมัยใหม่ … ผ่านมุมมองของ พีชชี่ 

 

จะเห็นได้ว่าสื่อกีฬาต่างประเทศมากมาย ได้ขยายเวทีแห่งโอกาสสู่สุภาพสตรีมาสักระยะหนึ่งแล้ว บวกกับการยกระดับการทำหน้าที่จากการเป็นแค่สื่อมวลชนที่รายงานข่าวตามข้อเท็จจริง มาเป็นรูปแบบงานสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ หรือ คอนเทนต์เชิงวิเคราะห์ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้ภาพจำของผู้หญิงสายกีฬาของต่างประเทศนั้น ดูมากความสามารถ และมี DNA ของความเป็นคนวงการกีฬาจริงๆ

 

ขณะเดียวกันในบ้านเรานั้นมีน้อยคนนักที่จะได้รับโอกาส หรือ เมื่อได้รับโอกาสก็เป็นการทำหน้าที่แบบไม่มีจุดเด่น หรือ จุดขาย ซึ่งเป็นบทบาทของผู้ประกาศ หรือ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ทำตามสคริปต์เท่านั้น กระทั่งช่วง 3-4 ปี หลัง ที่รายการกีฬาเริ่มมีมากขึ้นในสื่อออนไลน์ และ เริ่มได้เห็นผู้หญิงมากความสามารถที่ก้าวขึ้นมาเฉิดฉาย แม้จะเป็นแค่กลุ่มเฉพาะของกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เท่านั้น … เกี่ยวกับประเด็นนี้ ผมก็เลยถาม คุณพีชชี่ ไปว่า คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ?

 

“มันก็มีสองส่วนนะ คือด้านหนึ่งผู้หญิงหลายคนก็ชอบที่จะแค่เอากีฬามาเกาะกระแส เช่น การถ่ายรูปการใส่เสื้อ หรือ พร็อพ ที่บ่งบอกสถานะว่าเชียร์ฟุตบอลนะ … เออ ฉันก็ดูบอลนะ แต่พอถามว่าเขาดูจริงมั้ย หรือ เคยพยายามจะทำความเข้าใจเกมฟุตบอลจริงๆ หรือเปล่านั้น ส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่ แต่เรื่องด้านแรกนี้ ก็ว่ากันไม่ได้ เพราะเป็นเหมือนไลฟ์สไตล์ของคนทั่วไป”

 

…. แล้วอีกด้านหละ ?

 

“อีกด้านก็สังคม รวมถึงกลุ่มผู้ว่าจ้างงาน เพราะพีชชี่สังเกตว่า ช่วงแรกๆ เราก็จะเห็นรายการกีฬาที่เขาเน้นสาวสวยๆ หมวยๆ อึ๋มๆ มาออกหน้าจอ แต่ก็ไม่ได้รู้เรื่องกีฬามากนัก แค่เอามาเป็นสีสันของรายการกีฬา ซึ่งการกระทำแบบนี้มันก็ส่งผลนะ เพราะมันกลายเป็นภาพจำของผู้หญิงว่า อ๋อ อยากได้งานสายกีฬา ก็ไม่ต้องรู้เยอะสิ แค่เอาเรื่องภายนอกเป็นจุดขายก็พอ เพราะจะไปให้รู้เยอะสู้ผู้ชายก็คงไม่ไหวอยู่ดี ….มันก็เลยกลายเป็นว่า ทั้งด้านแรกและด้านที่สอง มันก็แอบมีความสัมพันธ์กันอยู่ด้วย”

 

"แต่ด้วยเหตุผลเหล่านี้แหละ ก็ทำให้พิชชี่ ยิ่งรู้สึกว่าเราในฐานะผู้หญิงที่อยากเข้ามาในเส้นทางสายกีฬาให้ได้ ก็มีหน้าที่จะต้องทำการบ้านให้หนักขึ้น เพราะเราไม่ได้คิดจะมาขายหน้าตาหรือความเซ็กซี่ แต่เราคือผู้หญิงคนนึงที่ชอบกีฬาที่มุ่งมั่นและตั้งใจว่าอยากจะได้รับการยอมรับในวงการกีฬาแบบจริงๆ ... ซึ่งมันเป็นทั้งการเอาชนะตัวเอง พร้อมกับเป็นส่วนเล็กๆที่จุดประกายมุมมองใหม่ต่อคำว่า ผู้หญิงกับกีฬา"

 

…. แต่ทุกวันนี้ ภาพผู้หญิงดูกีฬาจริงๆก็เริ่มชัดขึ้นนะ เพราะได้เห็นอย่าง พิชชี่, กิพจัง หรือ อาหมวย แมนยู

 

“ก็เริ่มมีมากขึ้น ตัวพีชชี่เอง ก็ยังพยายามอยู่ทุกวันนะ ในการพิสูจน์ว่า ผู้หญิงเอาดีด้านกีฬาได้เช่นกัน ตอนนี้ก็เป็นทั้งผู้ประกาศ จัดรายการแบบพูดคุย รายการระหว่างเกมส์ และล่าสุดก็หันมาเป็นคอลัมนิสต์ เพราะ พีชชี่ คิดว่าถ้าเราสนใจกีฬาจริงๆ งานอะไรที่มันจะต้องเกี่ยวกับกีฬาเราก็อยากทำให้ได้” 

 

เลือดข้นวงการกีฬาจริงๆ สำหรับสาว พีชชี่ แต่หลายคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเธอนั้นเป็นแฟนตัวยงของทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด … แม้ทุกวันนี้เธอจะดูไปไกลในสายกีฬา แต่จุดเริ่มต้นของเธอกับแมนยู อาจจะดูทั่วไป … อย่างไรก็ตามก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

 

 

ความหลังฟร้องซ์ 98 : ใบแดง ความหล่อที่น่าสงสารของ “เบ็คส์”

 

“พีชชี่ ดูบอลตามพี่ชายแหละ ทีแรกก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป ที่ไม่เข้าใจกฎกติกาอะไรเลย รู้แค่ยิงเข้าก็พอ ส่วนการเลือกเชียร์ทีมอะไร ยังเป็นประเด็นที่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ก็ขอนับละกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ชมเกมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล”

 

ผมว่าแฟนคลับคุณพีชชี่เยอะ และส่วนใหญ่ก็เห็นชัดมากว่าเชียร์ทีมอะไร 5555 ส่วนสาเหตุที่เชียร์ผมว่าก็ประมาณ 100 ละ 80 ของผู้หญิงที่เชียร์แมนยูยุค 90

 

“พิชชี่ ชอบ เดวิด เบ็คแฮม คือทีแรกเลยทีชอบเนี่ยไม่ได้รู้อะไรเลยนะว่า เล่นเก่งไม่เก่งแค่ไหน ตำแหน่งหรือจุดเด่นอะไรพวกนี้ ก็ยังไม่ได้รู้แบบจริงจังมากนัก แต่เหตุเกิดเพราะเรารู้สึกว่า เขาหล่อแต่น่าสงสารจัง”

 

… หืมมมมม เบ็คแฮม หล่อแต่น่าสงสาร ?

 

“ตอนนั้นเราดูบอลโลก1998 แล้วก็เห็นผู้ชายหล่อๆ คนนึง (เดวิด เบ็คแฮม) เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ตอนนั้นอังกฤษก็ตกรอบใช่มั้ย แล้วพอลีกกลับมาเปิด พิชชี่ ก็เริ่มติดตามชมเขา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) แล้วทุกครั้งที่เขาได้บอลก็จะโดนแฟนโห่ เราก็เริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย ก็เข้าใจว่าฝังใจกับการตกรอบของทีมชาติ แต่เราควรให้อภัย (ในความหล่อ) คือจะบอกว่าเชียร์เพราะหล่อก็ไม่ใช่ เพราะความสงสารก็ไม่เชิง เหมือนกับจังหวะที่เราเริ่มติดตามดูฟุตบอลจริงจัง เบ็คแฮม ก็มีประเด็นเยอะพอดี ทั้งหมดก็ผสมๆกันไป”

 

“แต่จากนั้นเราก็เริ่มติดตามเขาจริงจังนะ ทั้งการซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน ซึ่งเป็นผู้หญิงถือหนังสือบอลนี่โคตรเท่เลย รวมถึงพยายามศึกษาดูวิถีการใช้ชีวิต วิธีคิด ไลฟ์สไตล์ … ติดตามหลายเรื่องมากกว่าผลงานถ้าเปรียบเทียบความชื่นชอบและเกาะติด เหมือนกับเขาเป็นดาราที่เราคลั่งไคล้นั่นแหละ”

 

จากนั้นก็ได้ถวายวิญญาณให้กับ ปีศาจแดง ?

 

“ใช่นะ เพราะหลังจากนั้นเราก็เริ่มอยากดูฟุตบอลเป็น แบบเป็นจริงๆ เอาแบบคุยกับเพื่อนผู้ชายรู้เรื่องศึกษาทั้งหมดเลยตั้งแต่ตำแหน่ง แผนการเล่น ติดตามข่าวสารตลอดทั้งตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ความเคลื่อนไหวต่างๆ บวกกับ ถ้าจะเลือกเกาะแกะติดตามใครสักคน ก็ต้อง เบ็คแฮม เพราะหลงรักไปแล้ว มันก็แบบว่า นึกไปนึกมาอีกที อ้าวเราเป็นสาวก เร้ด เดวิลส์ ไปโดยไม่ทันรู้ตัว 555”

 

เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนก็คงเป็นเหมือน คุณพิชชี่ คือจุดเริ่มต้นในการเชียร์อาจไม่ได้ซับซ้อนมากนัก แต่วันเวลาบวกกับสีสันและความสนุกจากฟุตบอล ก็จะหล่อหลอมให้ถึงจุดที่หลายคนมักมีทีมในดวงใจแบบไม่ทันตั้งตัว หรือ ตกหลุมรักแบบ กะทันหัน นั่นเอง

 

 

มุมมองจากผู้เขียน: พีชชี่ – เบ็คแฮม ความเกี่ยวพันธ์แบบคนละเรื่องเดียวกัน

 

จากทั้งหมดที่สนทนากันมา ก็เห็นภาพชัดแจ่มแจ้งเลยว่าเธอไม่ได้มีปณิธานที่เว่อร์เกินจริงไปแม้แต่น้อย “ผู้หญิง – กีฬา - พีชชี่” สำหรับผมแล้วนี่คงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวไม่แตกต่างจากกาแฟรสชาติดีสักแก้วหนึ่งและเชื่อเหลือเกินว่า เธอจะเป็นแม่แบบ ของผู้หญิงสายเลือดใหม่ที่สนใจหันมามีบทบาทกับโลกกีฬา โดยใช้ความทุ่มเท ความพยายาม และ ความมุ่งมั่น ที่มากกว่าเรื่องของหน้าตาและความเซ็กซี่ เท่านั้น

 

และการที่เธอมี หนุ่มเบ็คส์ เป็นนักเตะที่ชื่นชอบ ก็แอบมี DNA แห่งนักสู้คล้ายคลึงกัน เพราะ เบ็คแฮม ก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมายกับการพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักฟุตบอลตำแหน่งปีก ที่ปราศจากความเร็ว แต่ใช้ความแม่นยำในการเปิดบอล และ การยิงฟรีคิก ที่ผ่านการฝึกซ้อมซ้ำๆมานับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้สังคมแห่งฟุตบอลเปิดรับมิติใหม่ของตำแหน่งปีก ที่ไม่ต้องมีความเร็วหรือลากเลื้อยจนถึงเส้นหลังก็สามารถสร้างผลงานอันโดดเด่นได้ รวมถึงช่วงเวลาแห่งการถูกวิจารณ์หรือเสียงรุมโห่จากผลงานที่ไม่ดี หรือ ทำในสิ่งที่ขัดใจแฟนบอล แต่เขาก็ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษลูกหนังที่ดีคนหนึ่ง

 

 

เช่นเดียวกับ พีชชี่ ที่ตัวเธอเองก็ติดปีก ในฐานะผู้ประกาศข่าวกีฬาหญิง ด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนัก ฝึกซ้อมในสิ่งซ้ำๆมานับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้สังคมยอมรับในความสามารถแบบที่เธออยากให้มองและเป็นหนึ่งในผู้หญิงสายกีฬาสมัยใหม่ ที่ว่ากันด้วยเรื่องความรู้ ความเข้าใจ การมีจิตวิญญาณ และ แพชชั่นเกี่ยวกับฟุตบอลสูงไม่แพ้ผู้ชายเช่นกัน และแน่นอนเส้นทางผู้ประกาศข่าวหรือการจัดรายการต่างๆ ย่อมมีทั้งคนชอบและคนสายวิจารณ์ คอยส่งเสียงโห่เธอไม่ต่างกัน … แต่ภาพที่เราเห็น พีชชี่ ออกสื่อทั้งสื่อทีวี หรือ โซเชียลมีเดีย … คือ สุภาพสตรีที่มาพร้อมรอยยิ้ม และ การคิดบวกอยู่เสมอ


stadium

author

นวพล เกียรติไพศาล

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose