stadium

"ฟิตเนส-เพรสซิ่ง" คำตอบสุดท้ายพาแข้งไทยโกอินเตอร์

3 สิงหาคม 2563

"ฟิตเนส-เพรสซิ่ง" คำตอบสุดท้ายพาแข้งไทยโกอินเตอร์

#ChangsuekFocus

 

“ทีมชาติไทยทำให้เราประหลาดใจ นัดนี้เป็นเกมที่ยากกว่าที่คิดไว้ ทีมชาติไทยมีการเพรสซิ่งบอลที่ไวมาก”

 

คำกล่าวชื่นชมจาก วัลโด ฟิลโญ กุนซือทีมชาติคองโก หลังจบเกมอุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติคองโกช่วงปลายปี 2019 ซึ่งผลในวันนั้นจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 ก่อนที่ทัพช้างศึกจะต่อยอดด้วยการกำราบยูเออีต่อในอีก 4 วันถัดมา

 

นั่นทำให้เห็นว่าระบบการเล่นเพรสซิ่งคือส่วนสำคัญของการคว้าผลการแข่งขันที่น่าพอใจจากทีมที่ระดับเหนือกว่า และเป็นเทรนด์ฟุตบอลยุคใหม่ในช่วง 10-15 ปีหลังที่เราได้เห็นกันอย่างแพร่หลายในวงการฟุตบอลทั่วโลก

 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต่างเป็นกุนซือรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบเพลสซิ่งจนพาทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมายในช่วง 10 หลัง โดยตัดเรื่องสรีระของนักเตะออกไป แต่เสริมจุดสำคัญคือเรื่องของฟิตเนส และความเข้าใจในระบบการเล่น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงจะนำไปสู่ความสำเร็จได้

 

เช่นเดียวกันกับความเห็นของ พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขลูกหนังไทย ก็เคยพูดถึงความสำคัญของการเล่นเพรสซิ่งไว้เช่นกันว่าทีมชาติไทยในทุกชุดจำเป็นต้องเล่นแบบเพลสซิ่งตามแบบฉบับฟุตบอลสมัยใหม่ และต้องฝังรากตั้งแต่ในระดับเยาวชนรวมไปถึงอะคาเดมี่ต่างๆของแต่ละสโมสรทั่วประเทศก็ต้องปรับตัวให้ได้กับระบบนี้

 

หากนักเตะไทยสามารถเข้าใจในการเล่นเพลสซิ่งและฟิตเนสของร่างกายอยู่ในระดับที่สามารถทำได้ตลอด 90 นาทีก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะต่อยอดไปสู่ระดับที่เหนือกว่าในเอเชียรวมถึงในยุโรป

 

เจลีก ญี่ปุ่น จะกลายเป็นลีกแรกๆที่เราจะได้เห็นนักเตะไทยมากขึ้นหากนักเตะไทยสามารถเล่นในระบบเพลสซิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเสน่ห์ลำดับต้นๆของเจลีกคือการวิ่งเข้าใส่กันตลอดตั้งแต่นาทีแรก บีบพื้นที่กันตั้งแต่หน้าปากประตูคู่แข่ง นำไปสู่การเล่นที่รวดเร็วจนถึงนาทีสุดท้าย

 

ผลพลอยได้ต่อมาจากการเล่นเพลสซิ่งคือพละกำลังที่จะมากขึ้นจากการฝึกซ้อม ซึ่งนี่คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นักเตะไทยสามารถไปได้ไกลในเวทีระดับโลกตามแบบฉบับของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่ก้าวผ่านเรื่องของพละกำลังและส่งออกนักเตะมากหน้าหลายตาสู่ยุโรปได้แบบสบายๆ

 

หรือจะมองใกล้ๆอย่างแค่เวียดนามที่ต้องยอมรับว่าพัฒนาในเรื่องของการเล่นเพลสซิ่งและฟิตเนสของนักเตะจนอยู่ในระดับที่น่ากลัวในยุคของปาร์ค ฮังซอก็ได้ผลดีจนน่าพอใจ ซึ่งไทยเราคงต้องฝากความหวังไว้กับอากิระ นิชิโนะ ที่เชื่อว่าสามารถทำได้เช่นกันตามแบบฉบับฟุตบอลญี่ปุ่นขนานแท้และได้เริ่มทำให้ได้เห็นกันบ้างแล้วจากผลงานที่ผ่านมา

 

ฉะนั้นถ้าจะพูดกันถึงเรื่องที่ว่านักเตะไทยจะโกอินเตอร์ได้หรือไม่ คงต้องมาปรับกันก่อนว่าจะไปได้อย่างไร และถ้าไปแล้วจะอยู่อย่างไรให้เหมือนกับชนาธิปหรือธีราทรที่เป็นตัวหลักของทีมอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งหมดทั้งมวลการเล่นเพรสซิ่งคงจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดในขณะนี้ เราอาจจะไม่ต้องการนักเตะระดับพรสวรรค์มากนัก แต่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เหมาะสมและมีระเบียบวินัย ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ในอนาคตอันใกล้เราจะได้เห็นการส่งออกนักเตะไทยเป็นว่าเล่นในเวทีระดับเอเชีย

 

และบางทีการใช้ทีมชาติไทยเป็นพรีเซ็นท์เทชั่นให้ชาวเอเชียหรือชาวโลกได้เห็นถึงการเล่นเพลสซิ่งที่วางระบบโดยอากิระ นิชิโนะ ก็อาจเป็นทางลัดที่ดีอีกทางกับการไปยุโรป ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกินฝันแต่อย่างใด

 

'Ice Assist'


stadium

author

ICE Assist

Changsuek Content Creator

La Vie en Rose