29 กรกฎาคม 2563
ทำไมอาเซียนคัพสมควรต้องถูกเลื่อน?
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่ใครๆมักเรียกกันจนติดปากว่า “อาเซียนคัพ” ที่เดิมทีได้มีการวางโปรแกรมฟาดแข้งกันเอาไว้ในช่วงปลายปีนี้ (23 พ.ย.-31 ธ.ค.63) ทำท่าว่าอาจจะต้องถูกเลื่อนไปแข่งกันใหม่ในปีหน้าแทนสืบเนื่องจากพิษโควิด-19 ที่กำลังเล่นงานหลายๆชาติในย่านนี้ และจากการประชุมกันระหว่างตัวแทนของแต่ละชาติในเบื้องต้นซึ่งทุกชาติ(เว้นแค่เวียดนาม)ต่างก็มีความเห็นไปในทางสอดรับกันว่าเพื่อความปลอดภัย, ความสะดวก และความสมบูรณ์ในการจัดการแข่งขันก็ควรที่จะต้องเลื่อนรายการนี้ออกไปแข่งกันในต้นปีหน้า
คงไม่ต้องอธิบายเหตุผลว่าด้วยเรื่องของความปลอดภัยซึ่งถือเป็นอะไรที่สำคัญที่สุดและยังเป็นเหตุผลที่ทุกฝ่ายสามารถเข้าใจได้ง่าย แต่เรื่องความสะดวกและความสมบูรณ์ในการจัดการแข่งขันซึ่งหลายคนอาจยังไม่ค่อยเข้าใจ ผมเลยจะขออนุญาตอธิบายคร่าวๆว่าทำไมหลายๆชาติถึงยกเอาประเด็นนี้เข้ามาประกอบในการตัดสินใจเลื่อนหรือไม่เลื่อนในครั้งนี้
จริงอยู่ที่ว่าเวลานี้ยังไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าเมื่อเวลาเดินไปถึงเดือนพ.ย. แล้วแต่ละชาติจะมีความพร้อมสำหรับรายการอาเซียนคัพนี้มากน้อยแค่ไหน (ซึ่งคำตอบมันจะมาจากสถานการ์ณในตอนนั้นล้วนๆ) แต่เนื่องจากโมเดลการแข่งขันที่ถูกกำหนดให้มีระบบเหย้า-เยือนตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่มซึ่งทุกชาติจำเป็นต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าบ้านชาติละ 2 นัด ปัญหาใหญ่คือยังมีหลายประเทศที่รัฐบาลของตัวเองยังคงระงับการให้วีซ่าคนต่างชาติ, ประกาศข้อกำหนดการเดินทางเข้าประเทศตัวเอง และบังคับเรื่องการกักตัวตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามามันมีผลอย่างมากในการจัดการแข่งขัน
คิดกันเล่นๆเอาแค่เรื่องการกักตัวแบบที่พอบินเข้าประเทศนั้นต้องกักตัว 14 วันก่อนแข่งแล้วพอเตะเสร็จกลับประเทศตัวเองต้องกักตัวอีก 14 วัน ถ้าว่ากันตามนี้อาเซียนคัพหนนี้คงเป็น “นิวนอร์มอล” แบบที่กว่าจะรู้ว่าใครเป็นแชมป์คงกินเวลาลากยาวถึง 3-4 เดือนกันพอดี
ไม่ต้องพูดถึงการที่มีบางทีมประกาศออกสื่อท้องถิ่นของตัวเองตัวเบ้อเริ่มว่าพวกเขาไม่พร้อมที่จะส่งนักเตะเดินทางไปยังประเทศที่ยังคงมีตัวเลขของการแพร่ระบาดที่ยังอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง และหากจำเป็นจริงๆเพื่อความปลอดภัยและแสดงถึงความเอาใจใส่ต่อผู้ที่จะเดินทางไปทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศ อาเซียนคัพหนนี้ก็จะไม่มีทีมของเขาเข้าร่วม
นี่ยังไม่นับรวมเรื่องของการจะส่งทีมชุดไหนไปแข่งของหลายๆชาติเข้าไปด้วยนะ เพราะอย่างที่รู้กันว่ารายการนี้ไม่ได้อยู่ในปฎิทินฟีฟ่าและลีกภายในของหลายๆชาติก็ไม่ได้หยุดพักให้อีก แน่นอนว่าทีมเหล่านั้นคงพาเหรดกันส่งชุดยูต่างๆหรือชุดเฉพาะกิจมาเล่นและอาจกลายเป็นอาเซียนคัพอิดิชั่นพิเศษที่มีไว้เพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งสู่ชุดใหญ่ไปอย่างงั้น แล้วแบบนี้เรื่องของเรตติ้งผู้ชมและเสน่ห์มนต์ขลังของทัวร์นาเม้นต์นี้มันจะยังหลงเหลืออยู่แค่ไหนกัน
“นั่นแหละ! คือความสมบูรณ์ในการจัดการแข่งขัน” ซึ่งผมคิดว่าบรรดาสปอนเซอร์รายใหญ่ๆและฝ่ายจัดการแข่งขันคงไม่สบอารมณ์แน่ๆ หากจะมีทีมคุ้นเคยบางทีมที่ต้องแหว่งไปและอาจจำเป็นต้องไปหยิบเอาทีมที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือกเข้ามารวมเพื่อให้มันได้ครบ หรือถ้าตกที่นั่งลำบากแล้วต้องไปเชิญทีมนอกภูมิภาคมาเล่นแบบทีมไวลด์การ์ดคงเป็นอาเซียนคัพอิดิชั่นที่ดูแปลกประหลาดไปเลยแหละ
และแม้จะมีคนพูดว่า “อ้าว! ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมไม่ย้อนกลับไปจัดกันแบบเดิมล่ะ(แบบที่มีเจ้าภาพชาติเดียวเท่านั้นเพื่อให้มันง่ายในการจัดการ)”
เรียนท่านอย่างงี้นะครับ เรื่องแรกเลยต้องไม่ลืมว่าฟุตบอลคือเรื่องของเงินๆทองๆอยู่ดี และการที่จะให้มีเจ้าภาพเพียงชาติเดียวอาจนำมาซึ่งจำนวนคนดูที่ลดลงและค่าการตลาดที่ดร็อปไปเมื่อเทียบกับวิธีการกระจายเจ้าภาพ เพราะเราเห็นกันมาแล้วตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ม้านั่งบนอัฒจันทร์มันจะเต็มไปด้วยผู้ชมก็แต่เฉพาะในแมตช์ที่ทีมตัวเองลงเล่นเท่านั้น
อย่างที่สองคือชาติที่รับหน้าสื่อเป็นเจ้าภาพก็ไม่ต่างจาก “หนูตกถังข้าวสาร” เพราะมันได้เปรียบทั้งด้านเสียงเชียร์, ความคุ้นสนามและสภาพภูมิอากาศซึ่งอาจดูไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่สำหรับชาติอื่นๆที่ลงแข่งขัน(ยังไม่นับรวมเรื่องของพฤติกรรม “นกหวีดหวาน” ท่ามกลางความเกรงใจของกรรมการเข้ามาด้วยนะ)
ยังไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายอาเซียนคัพ 2020 หนนี้จะถูกเลื่อนออกไปหรือไม่เพราะยังต้องรอมติที่ประชุมสุดท้ายที่จะลงกันในวันพรุ่งนี้ แต่ส่วนตัวสำหรับผู้เขียนเองคือ “ไม่เห็นจะต้องคิดกันเยอะเลยครับ เพราะเลื่อนมันดีกว่าเห็นๆเพื่อความสบายใจและเพื่อให้เสน่ห์ของทัวร์นาเม้นต์นี้ยังคงความขลังอยู่ต่อไป ดีกว่าเตะๆกันไปแบบที่ไร้ซึ่งคนดู..”
TAG ที่เกี่ยวข้อง