"จากเด็กดอย สู่โรนัลโด้เมืองไทย" - เศกสรรค์ ปิตุรัตน์

"จากเด็กดอย สู่โรนัลโด้เมืองไทย" - เศกสรรค์ ปิตุรัตน์

#ChangsuekLegend

หากจะพูดถึงกองหน้าระดับโลกที่ใครๆต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เก่งที่สุด" เชื่อว่าชื่อแรกที่คอบอลนึกออกคงจะต้องเป็นเจ้าของฉายา "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ แห่งทีมชาติบราซิลแน่นอน และใครก็ตามที่ถูกเรียกว่า"โรนัลโด้"ย่อมหมายถึงคนนั้นจะต้องเก่งกาจจนเป็นที่ยอมรับจริงๆ ซึ่งในเมืองไทยเองก็มีชายผู้ถูกเปรียบเปรยไว้ว่าเป็น "โรนัลโด้เมืองไทย" นั่นคือ "เจมส์" เศกสรรค์ ปิตุรัตน์

#เริ่มต้นจากเด็กดอย

จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นของ"โรนัลโด้เมืองไทย" หรือ "โรนัลโด้เจมส์" มาจากการเล่นฟุตบอลบนดอย ด้วยความที่เป็นคนจังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งแต่เกิด โดยเริ่มเล่นจากการแอบตามพี่ชายไปเตะฟุตบอลตั้งแต่ 5 ขวบ จนได้เจอโค้ชฟุตบอลสอนเบสิคต่างๆให้และได้ต่อยอดไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ (เคยเล่นให้เชียงรายและแม่ฮ่องสอนด้วย) เข้ามาแข่งในกรุงเทพฯ จนฝีเท้าไปเตะตาโค้ชของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และหลังจากนั้นก็สร้างผลงานเรื่อยมาจนกระทั่งติดทีมชาติไทย

#จากกองหลังสู่กองหน้า

แม้จะมีผลงานอันโดดเด่นในการเล่นตำแหน่งศูนย์หน้า แต่แท้จริงแล้ว "เจมส์" เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลจากตำแหน่งกองหลังตัวกลางตลอดการเล่นให้ทีมในจังหวัด และเมื่อเล่นให้โรงเรียนวัดสุทธิวรารามก็โดนปรับตำแหน่งไปเป็นกองกลางตัวรับเนื่องจากโค้ชเห็นว่าทักษะดี จนกระทั่งได้เล่นให้สโมสรสินธนา ด้วยความที่ในตอนนั้นดาวรุ่งเยอะและทีมกำลังขาดกองหน้าจึงได้โอกาสจากโค้ชไปยืนเป็นศูนย์หน้าประจำทีม ก่อนจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมติดลมบน 131 นัด ซัดไป 77 ประตู จนติดทีมชาติไทยในที่สุด

#โรนัลโด้เจมส์มาจากไหน

อดีตกองหน้าทีมชาติไทยถูกตั้งฉายาจากสื่อว่าเป็น "โรนัลโด้เจมส์" ในช่วงซีเกมส์ที่ประเทศบรูไน (ปี 1999) ด้วยรูปร่างที่คล้ายกันกับโรนัลโด้ สตาร์ชาวบราซิเลี่ยน แถมในตอนนั้นเศกสรรค์เพิ่งจะโกนหัวเนื่องจากผ่านการเกณฑ์ทหารมา เพื่อนของเขาจึงพาไปตัดผมแบบหัวโล้นเพื่อที่จะได้ไม่เหมือนคนหนีทหารเกณฑ์มาเตะบอลนั่นเอง

#นิยามความเป็นเศกสรรค์

ในสมัยที่เศกสรรค์กำลังท็อปฟอร์ม เชื่อว่าแฟนๆฟุตบอลไทยหลายคนคงได้เห็นลูกยิงที่เหนือชั้น หรือลูกยิงที่สวยงามอยู่บ่อยๆ นั่นเป็นเพราะสไตล์การเล่นของ "โรนัลโด้เจมส์" ที่ออกแนวโป้งเดียวจอด โดยเจ้าตัวได้นิยามตัวเองว่าเป็นกองหน้าที่เน้นทักษะ เคลื่อนที่น้อย แต่เน้นครองบอลดี ที่สำคัญคือการเป็นกองหน้าสไตล์เข้าฮอร์สที่พร้อมส่งบอลซุกก้นตาข่ายเสมอเมื่ออยู่ในกรอบเขตโทษ

#ซ้อมโหม่งจนบอลลอยช้า

เศกสรรค์ ปิตุรัตน์ ถือว่าเป็นจ้าวเวหาคนหนึ่งในบรรดากองหน้าทีมชาติไทยยุคนั้น โดยเศกสรรค์ได้เผยกับเราว่าซ้อมโหม่งหนักมาก แม้แต่บอลย้อนหลังก็สามารถวิ่งหลับไปโหม่งเสียบสามเหลี่ยมได้เลยทีเดียว ซึ่งเกิดจากการซ้อมอย่างหนัก ซ้อมจนชนิดที่ว่ามองเห็นบอลที่ลอยมาในอากาศช้ากว่าความเป็นจริง ทำให้สามารถโฟกัสการโหม่งได้อย่างยอดเยี่ยม

#ไม่เคยท้อเพราะภูมิใจในเส้นทางของเด็กดอย

แน่นอนว่านักฟุตบอลหลายๆคนมักจะผ่านจุดที่ยากที่สุด ท้อที่สุด แต่สำหรับ "โรนัลโด้เจมส์" ไม่เคยมองถึงข้ันนั้น เขาภูมิใจเสมอในการเล่นฟุตบอลจนกระทั่งได้รับเกียรติเป็นตัวแทนทีมชาติไทย ด้วยความที่มาจากการเป็นเด็กดอยคนหนึ่งแต่กลับได้โอกาสเป็นถึงศูนย์หน้าระดับต้นๆของเมืองไทยคู่กับ 'ซิโก้' เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ,วรวุธ ศรีมะคะ ซึ่งถือว่าไม่มีอะไรจะเสียในเส้นทางลูกหนัง สิ่งที่สำคัญคือการก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด รวมถึงการมีเพื่อนร่วมทีมที่ดีเสมอมาก็เป็นอีกปัจจัยที่เสริมสร้างความสุขตลอดการเล่นฟุตบอลจนไม่คิดที่จะท้อนั่นเอง

#รุ่งเรื่องสุดขีดกับสินธนาก่อนปิดฉากกับนอร์ทกรุงเทพ

หากจะพูดถึงช่วงฟอร์มพีคของเศกสรรค์ ปิตุรัตน์ คงจะเป็นช่วงที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรสินธนา โดยกวาดไปทั้งแชมป์ไทยลีก , เอฟเอ คีพ และถ้วยพระราชทาน ก. หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้กับอีกหลายสโมสรนำโดย บีอีซี เทโรฯ , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค , ทีโอที , ราชวิถี , ตำรวจ ก่อนแขวนสตั๊ดกับ นอร์ทกรุงเทพ เอฟซี สำหรับผลงานในทีมชาติไทยนั้นติดทีมชาติตั้งแต่ชุดเยาวชน 16 ปี เรื่อยมา ในนามชุดใหญ่ลงสนามไป 47 นัด ยิง 19 ประตู

#ทำวันนี้ให้ดีไว้ก่อน

คติที่ตั้งมั่นนำทางชายที่ชื่อเศกสรรค์ ปิตุรัตน์ คือคำง่ายๆที่เรามักได้ยินบ่อยๆ แต่ก็เป็นคำที่ทำได้อยากที่สุดเช่นกัน คือการทำวันนี้ให้ดีที่สุด โดยเศกสรรค์มองว่าถ้าทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันต่อๆไปก็จะดีเอง และสิ่งสำคัญคือการก้าวข้ามความไม่สบายใจ เลือกมองแต่อนาคต ไม่จมปลักกับเรื่องที่สร้างความไม่สบายใจแล้วหันไปเริ่มต้นใหม่ให้ดีในทุกวัน เป็นเรื่องสำคัญกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ "โรนัลโด้เจมส์" ตั้งมั่นมาตลอดจนประสบความสำเร็จมากมายในการค้าแข้ง

นี่คือเรื่องราวของหนึ่งในกองหน้าที่แฟนบอลไทยให้การยอมรับอีกคนหนึ่ง ด้วยสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากกองหน้าคนอื่นในยุคเดียวกัน รวมถึงผลงานก็เป็นที่ประจักษ์ว่าสมควรแก่การเป็นขุนพลช้างศึก ซึ่งคงจะไม่ใช่เรื่องผิดนัก หากจะเรียกดาวยิงคนนี้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานนักฟุตบอลทีมชาติไทย และมีคุณค่าให้เยาวชนมองเป็นต้นแบบที่ดีในการพัฒนาฝีเท้าและทัศนคติต่อไปในยุคที่ทีมชาติไทยกำลังขาดแคลนกองหน้าระดับคุณภาพอย่างเช่น "โรนัลโด้เมืองไทย" เศกสรรค์ ปิตุรัตน์