stadium

อนาคอนดา ดาเรีย บิโลดิด แชมป์โลกยูโดหญิง 2 สมัย

12 กุมภาพันธ์ 2563

หน้าตาและสัดส่วนของเธอคนนี้มีดีพอจะใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่บนแคทวอร์ก แต่เธอเลือกเส้นทางของนักสู้ ซึ่งนั่นคือ "ยูโด"

 

"เป้าหมายในชีวิตฉันเหมือนเดิมเสมอ นั่นคือการเอาชนะ"

 

คำให้สัมภาษณ์หลังจากเธอป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จที่กรุงโตเกียวของ ดาเรีย บิโลดิด สาวสวยผู้สร้างประวัติศาสตร์สะท้านโลก พอๆกับหน้าตาของเธอที่สะท้านสายตาหนุ่มๆ หลังจากเธอคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในปี 2018ที่เมืองบากู  จากนั้นเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนปี 2019 ... ดาเรีย ป้องกันแชมป์ในรุ่น 48 กิโลกรัมได้สำเร็จ โดยทั้งสองสิ่งที่เกิดขึ้น  เธอได้จารึกคำว่า อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วงการยูโดโลกควบคู่ลงไปด้วย

 

 

เริ่มต้นจากการมีคุณพ่อเป็นนักยูโด

จุดเริ่มต้นของการคลุกคลีกับยูโด เกิดจากการอยู่ในครอบครัวนักกีฬา ซึ่งทีแรก สวิตลาน่า บิโลดิด คุณแม่ของ "ดาชา" อยากให้เธอเอาดีกับยิมนาสติก 

 

"ฉันอยากเห็นลูกสาวประสบความสำเร็จบนฟลอร์มากกว่า ส่วนการเป็นแขมป์เปี้ยนยูโด เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน"

 

อย่างไรก็ตาม ดาเรีย เลือกที่จะไปตามเส้นทางของคุณพ่อ เจนนาดี้ บิโลดิด ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ยูโด ระดับยุโรป 2 สมัย และ เหรียญทองแดงศึกแชมป์โลก ในรุ่น 73 กิโลกรัม ... เหตุผลง่ายๆเลยคือ เพราะ

 

"มันน่าสนุกและน่าสนใจกว่ามาก"

 

ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางความสำเร็จของเธอ เริ่มจากลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น แต่ตอนนี้ ลูกไม้นั้นกำลังเติบโตและยิ่งใหญ่เกินกว่าร่มเงาโดยคุณพ่อซึ่งทำหน้าที่โค้ชส่วนตัวด้วยนั้น รู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จที่ลูกสาวของเขาสามารถเข้าขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลกได้อย่างรวดเร็ว

 

 

ความหมายของคำว่า อนาคตด้า ... จอมรัด ดุดัน และ สไตล์ที่แตกต่าง

หลังความสำเร็จทั้งเวทีระดับยุโรป และ การชิงแชมป์โลก สื่อหลายสำนักออกมาให้นิยามว่าลักษณะการต่อสู้ของเธอเหมือน อนาคอนด้าและนั่นทำให้ ดาเรีย ต้องออกมาปกป้องแบบติดตลกว่า 

 

"ฉันแค่อยากดุดัน และอาศัยความก้าวร้าว เมื่อยามขึ้นสังเวียนเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้อยากสู้เหมือนสัตว์ใดๆ แค่อยากสู่แบบ ดาเรีย บิโลดิด"

 

อย่างไรก็ตามหากมองถึงทักษะเฉพาะตัวที่เธอใช้ ประกอบกับสไตล์ที่เธอถนัด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะบอกว่าเธออนาคอนต้าจริงๆเพราะรูปร่างที่สูง ทั้งช่วงตัว แขนและขาว ที่ได้เปรียบคนในรุ่นเดียวกัน ทำให้เธอใช้สไตล์การล็อค (Ne waza) ปิดบัญชีคู่ต่อกรได้อยู่บ่อยๆ

 

"โดยปกติฉันจะเป็นคนขี้อายพอสมควร แต่เมื่อเข้าสู่การแข่งขัน และคู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้า ฉันเลือกที่จะโฟกัส ทุ่มเท และ ดึงความโกรธออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์"

 

เป้าหมายที่่ไม่หยุดนิ่ง ของ ดาชา

ในวัย 18 ปี ถือว่า บิโลดิด ก้าวขึ้นมาสร้างชื่อเสียงในวงการยูโดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการเป็นแชมป์โลก 2 สมัย แชมป์ยุโรป 2 สมัย รวมถึงรายการกรังปรีซ์ต่างๆ แต่แน่นอนว่า กับโอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงโตเกียว จะเป็นครั้งแรกสำหรับเธอ

 

 

"สำหรับฉัน เป้าหมายที่สำคัญตอนนี้คือ เหรียญทองที่โอลิมปิกเกมส์ 2020 ... รอดูได้เลย"

 

เธอกล่าวอย่างมั่นใจพร้อมกับยืนยันเพิ่มเติมด้วยว่า "ฉันเป็นแชมป์ และ ฉันต้องการเป็นอีกแชมป์ ... ดังนั้นหลังการพักผ่อนเมื่อกรำศึกหนัก ฉันจะกลับมาทุ่มเทในการฝึกซ้อม และ ไล่ล่าความสำเร็จต่อไปอีกเรื่อยๆ" 

ก็คงไม่แปลก เพราะเส้นทางที่รออยู่อาจทำให้เธอกลายเป็นตำนานวงการยูโดหญิงเพราะ เรียวโกะ ทานิ อดีตยอดนักทุ่มหญิงชาวญี่ปุ่นเคยสร้างสถิติตลอดอาชีพไว้ที่ 7 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง ในศึกชิงแชมป์โลก  ส่วนในโอลิมปิก ทำเอาไว้ที่ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน กับ 1 เหรียญทองแดง หากเทียบกับอายุอานามเพียงแค่ 18 ปี ของ ดาชา ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าลุ้นมาก กับการที่ตอนนี้เธอคว้าไปแล้ว 2 เหรียญทองในศึกชิงแชมป์โลก


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

นวพล เกียรติไพศาล

StadiumTH Content Creator

Thank You Paralympics