19 กรกฎาคม 2563
หรือวิกฤติโควิด จะช่วยแข้งไทยแจ้งเกิดก่อนคัดบอลโลก ?
#ChangsuekFocus
น่าสนใจเหลือเกินกับบทสรุปของปัญหาฟุตบอลไทยลีก 2020 ที่กำลังคาราคาซังอยู่ในขณะนี้จะจบลงเช่นไร การเตะข้ามปีแบบปฏิทินยุโรปที่เคยกำหนดมาก็ส่อแววว่าจะเป็นหม้ายขันหมากไปซะอย่างนั้นอันเนื่องจากปัญหาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เพราะทางสมาคมฟุตบอลฯก็เริ่มมีการส่งหนังสือสอบถามถึงแต่ละสโมสรแล้วว่าพร้อมมั้ย ? ที่จะต้องหวดกันแบบต่อเนื่องในอีก 26 นัดที่เหลือให้จบภายในสิ้นปี หรือประมาณว่า 3 วันเตะทีอย่างกับบอลนักเรียนยังไงอย่างงั้น
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว เราลองมองไปฟากฝั่งยุโรปที่กำลังเตะกันไฟแลบเพื่อให้จบฤดูกาลภายในเดือน ก.ค. ก็ออกมาในรูปแบบที่ 3-4 วันเตะที ร่างกายของฝรั่งที่ว่าแข็งแรงๆ ตอนนี้โรยรากันทุกสโมสรอย่างเห็นได้ชัด ความสนุกเริ่มลดลง นักเตะเริ่มบาดเจ็บมากขึ้น และการโรเตชั่นเอานักเตะสำรองหรือเยาวชนถูกปรับใช้มากขึ้นในทุกสโมสร โดยเฉพาะบรรดาทีมที่ไม่ได้ลุ้นอะไรแล้วในช่วงท้ายฤดูกาล กลายเป็นช่วงกอบโกยของบรรดาดาวรุ่งที่จะใช้โอกาสนี้ในการแสดงฝีเท้าให้เห็นว่าเจ๋งแค่ไหน
กลับมามองในเวิร์สเคสบ้านเรากรณีที่"ต้องเตะแบบให้จบในสิ้นปี 63" แน่นอนว่าผลเสียน่ะมีแน่อย่างที่หลายๆคนรู้ และระยะยาวยังกระทบถึงทีมชาติไทยที่จะมีศึกสำคัญอีก 3 นัดชี้ชะตาเข้ารอบ 12 ทีมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก (ขอไม่นับซูซูกิ คัพ เพราะผมเชื่อว่าปีนี้จะถูกลดความสำคัญลงแน่นอน)
ผมจึงลองหาข้อดีว่า "เอ๊... จะมีอะไรดีๆให้ทีมชาติไทยบ้างมั้ย ?"
พอคิดๆแล้วมันก็พอมีอยู่บ้าง จากที่ได้เห็นในยุโรปว่าเหล่าดาวรุ่งและตัวสำรองได้รับโอกาสมากขึ้น ไทยเราก็คงเป็นแบบนั้นเช่นกัน
ปัญหาแรกในตอนนี้คือการเคลียร์เรื่องนักเตะต่างชาติที่ต้องกลับเข้าประเทศไทยและกักตัว 14 วัน ต่อด้วยเรียกความฟิตให้ทันวันเปิดฤดูกาล (นับจากวันนี้เหลือแค่ 8 สัปดาห์) ตรงนี้แหละครับที่อาจจะเป็นปัญหาของสโมสรที่ต้องเตรียมรับมือ หากว่าตัวหลักต่างชาติยังใช้งานไม่ได้ก็คงต้องหันควั่บไปหาผู้เล่นไทยที่กระสันอยากจะลงสนาม โดยเฉพาะบรรดาแข้งไทยตัวสำรองที่เล่นตำแหน่งกองหน้าและกองหลัง จากเดิมที่ถูกจับจองโดยแข้งต่างชาติ มาถึงตอนนี้พวกเขาอาจจะต้องเรียกฟิตรอให้มากกว่าเดิม เพราะนี่คือโอกาสสำคัญที่ไม่ใช่แค่ในระดับสโมสร แต่มันหมายถึงการฉายแววให้เข้าตา อากิระ นิชิโนะ ที่กำลังเสาะหานักเตะมาเติมเต็มความแข็งแกร่งให้ทัพช้างศึก
"แล้วถ้านักเตะต่างชาติฟิตแล้วล่ะ ?"
ผมยังมั่นใจว่าหากต่างชาติฟิตแล้วต้องมาเตะกันให้ขาลากแบบ 3-4 วันเตะทีอีก 26 นัด พวกเขาก็ไม่ไหวเช่นกัน ฉะนั้นนี่คือโอกาสสำคัญที่นักเตะไทยจะรีดฟอร์มตัวเองออกมาให้มากที่สุด โดยเฉพาะแข้งไทยที่เป็นกองหน้า ดีไม่ดีในนัดที่จะไปเยือนยูเออี เราอาจจะได้เห็นหอกหน้าใหม่ไปแบ่งเบาภาระ"เจ้ามุ้ย"ก็เป็นได้
"โอกาสเป็นของคนที่พร้อมที่สุด" ผมยังเชื่ออย่างนั้น ในเมื่อวิกฤติโควิด-19 เล่นงานวงการฟุตบอลไทย ทำให้ต้องเลื่อนจนเกิดปัญหาต่อเนื่องเป็นทอดๆ และถ้าถึงขนาดที่ต้องมาเตะแบบเหงื่อไม่ทันแห้งแบบนี้ คนที่พร้อมที่สุดอาจจะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดไปโดยปริยาย ซึ่งไม่ใช่แค่ในสโมสร แต่หมายถึงระดับสร้างชื่อกับทีมชาติไทยเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องมาเตะให้จบลงในสิ้นปีนี้จริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่ากับการที่แข้งไทยจะได้โอกาสปล่อยของมากขึ้น ทั้งที่ภาพรวมผลเสียต่อนักเตะดูจะมากกว่าผลดีจากการที่ต้องเตะกันถี่ยิบ
"เพราะขนาดผมดูบอลยุโรปในขณะนี้ ผมยังสงสารนักเตะบางคนที่เริ่มหน้่าซีดให้เห็นผ่านจอแก้วเลยครับ"
TAG ที่เกี่ยวข้อง