17 กรกฎาคม 2563
เรายังจะเหลืออะไร ? เมื่อฟุตบอลจะกลับมาเตะกันใหม่ภายใต้ซากปรักหักพัง
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
ภาพของหนูน้อยผมบลอนด์ที่นั่งร้องไห้มือขวากอดตุ๊กตาตัวเก่งของเธอไว้แน่นท่ามกลางจำนวนร่างอันไร้วิญญาณมากมายที่กองกระจัดกระจายกันอยู่บนซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นจากภาวะสงครามในหนังเรื่อง “Fortress of War” หนังสัญชาติรัสเซียที่ออกฉายในปี 2010 โดยมีชื่อไทยว่า “ป้อมปราการวีรบุรุษ” ใครที่ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้เชื่อว่าฉากนี้คงสะกิดต่อมน้ำตาและสร้างความสะเทือนใจให้คุณเป็นอย่างมาก
“สงครามไม่เคยให้อะไรใคร” คือคำกล่าวสรุปในตอนท้ายของหนังเรื่องที่ว่าและมันก็มักถูกหยิบยกมาใช้เพื่อเตือนสติเราอยู่บ่อยๆ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ประโยคที่ว่านี้ก็ยังทันสมัยและใช้ได้อยู่ต่อไป
ที่ผมเกริ่นด้วยฉากหนึ่งในหนังสงครามกึ่งประวัติศาสตร์ที่มีความยาวกว่า 138 นาทีนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจะชักชวนให้ท่านผู้อ่านรีบออกจากบ้านแล้ววิ่งไปร้านขายแผ่นหนังหรือจะนั่งไขว่ห้างโหลดหนังเรื่องนี้มาดูซักตั้ง หากแต่ในสถานการณ์ที่มันเป็นอยู่ขณะนี้ที่ลีกบ้านเรากำลังเดินมาถึงจุดที่เข้าใกล้กับคำว่า “ทางตัน” เพราะผลพวงจากพิษโควิด-19 ที่ลากให้บอลลีกของเรามีอันต้องถูกระงับ, เลื่อนและกระชากให้โปรแกรมแข่งขันต้องถูกบิ้วกันใหม่ แถมยังเป็นสาเหตุให้เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมีอันต้องถกกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนในทุกวันนี้
และจากท่าทีของสมาคมฯที่แสดงออกอย่างชัดเจนด้วยการร่อนจดหมายเพื่อถามถึงความพร้อมในการส่งทีมเข้าแข่งขันของแต่ละสโมสร รวมไปถึงการส่งรายชื่อนักเตะตัวต่างชาติ, สถานที่กักตัว, วันและเวลาที่คาดว่านักเตะรายนั้นๆจะเข้าไทย มันก็มีความเป็นไปได้ว่าลีกไทยอาจได้มีการรีเซ็ตโปรแกรมกันใหม่ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่เคยประกาศไว้ (ภายใต้วงเล็บที่ว่าถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามว่าควรรีบกลับมานะ)
คำถามที่น่าสนใจจึงมีอยู่ว่าหากทีมส่วนมากเกิดลงมติให้ลีกของไทยกลับมาเตะใหม่อีกครั้งและให้รันให้จบให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ตามที่คนจ่ายตังค์เขาต้องการเพื่อเม็ดเงินซึ่งจะมาช่วยต่อลมหายใจให้บางสโมสรอยู่ต่อไปได้ มันจะดีมากน้อยแค่ไหน? แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น?
สิ่งแรกเลยคือ “คุณจะได้เงินจำนวนหนึ่งซึ่งเร็วขึ้นแน่นอน!” แต่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง 2-3 เรื่อง อาทิเช่นนักเตะในทีมของคุณอาจต้องพาเหรดกันเข้า-ออก โรงพยาบาลเป็นว่าเล่นจากการที่ต้องเตะถี่ชนิด 3 วันต่อหนึ่งแมตช์, อันดับในตารางของคุณอาจไม่ได้เป็นไปในแบบที่คุณหวัง หากพื้นเพของทีมคุณต้องอาศัยตัวต่างชาติทำแต้ม และสุดท้ายแม้คุณจะเร่งเสริมทัพด้วยการนำเข้าแข้งมีชื่อของไทยอย่างจุใจแต่ด้วยการลงทะเบียนในตลาดซื้อ-ขายที่มีการกำหนดเอาไว้ว่าให้อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 25/8/63 - 7/9/63 นั้นนักเตะที่คุณได้มาอาจไม่สามารถลงช่วยทีมคุณได้ (ไม่ต่างอะไรจากการจ่ายแล้วไม่ได้ของมาใช้งาน) คุณยังจะยอมรับมันได้มั้ย?
ในขณะที่ในมุมของเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าการที่แฟนบอลจะไม่ได้เห็นบรรดาซุปเปอร์สตาร์ตัวต่างชาติหรือแข้งดังประจำทีมลงสนามเพราะเหตุผลด้านความฟิต, ยังไม่ได้สิทธิ์เข้าประเทศ, ต้องกักตัว-ต้องโรเตชั่น เผลอๆดีไม่ดีอาจมีแต่นักเตะรุ่นๆจากอะคาเดมี่ลงสนามกันให้ควั่ก (กึ่งๆรายการโค้กคัพหรือทัวร์นาเมนต์เฉพาะกิจที่จัดขึ้นแบบเฉพาะกาล) แบบนี้แล้วอรรถรสในการรับชมมันจะเหลือมากน้อยแค่ไหน? แล้วเรตติ้งจะยังขายดีอยู่มั้ย?
ในมุมของแฟนบอลเอง หากการเจรจาเกี่ยวกับสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่เดิมทีของทรูจะหมดลงในวันที่ 25 ตุลาคมนี้เกิดล่ม (ตกลงกันไม่ได้เนื่องจากผู้หลักผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายต่างยืนกระต่ายขาเดียวกันคนละฝั่ง)แล้วมีอันต้องเปลี่ยนเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด นี่จะไม่ใช่การต้องจ่ายซ้ำของแฟนบอลเพื่อขอดูต่อกับช่องใหม่อย่างงั้นหรือ (ซึ่งก็ไม่ต่างจากการจ่ายเบิ้ลเพื่อรับปริมาณสินค้าเท่าเดิม) แบบนี้จะมีซักกี่คนที่เสน่หาอยากที่จะเปย์เพิ่ม
“In war all suffer defeat even the victors” (แปลเป็นไทยในสงครามทุกฝ่ายล้วนพ่ายแพ้ แม้จะมีผู้ชนะก็ตาม) คำกล่าวของกวีชาวสวีดิช หากภาพของหนูน้อยที่กำลังนั่งร้องไห้มือขวากอดตุ๊กตาตัวเก่งของเธอไว้แน่นเปรียบดั่งสภาวะบอลไทยในตอนนี้คงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ลีกของเราจะกลับมาหลังจากที่ทุกอย่างเหลือแค่เพียงซากปรักหักพังแล้วเท่านั้น
โอบกอดหนูน้อยคนนี้ไว้แล้วถอยกันคนละก้าวเถอะครับ! เพื่อให้เราได้เดินจูงมือไปด้วยกันเหมือนดั่งวันวานที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เพราะอย่าลืมว่าฟุตบอลก็เคยมอบสิ่งดีๆมากมายให้พวกท่าน และคงไม่มีผู้ชนะบนซากปรักหักพัง..
TAG ที่เกี่ยวข้อง