15 กรกฎาคม 2563
ลีกไทยฤดูกาลนี้ “ไปกันต่อ” หรือ “พอแค่นี้” ?
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
เมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานมีรายงานข่าวออกมาว่าทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ทำจดหมายร่อนไปให้ยังสโมสรต่างๆในไทยลีกในทุกระดับ โดยใจความสำคัญของจดหมายที่ว่ามีการขอความคิดเห็นและคำยืนยันถึงความพร้อมในการส่งทีมเข้าแข่งขันในฤดูกาลนี้ สืบเนื่องจากสถานการ์ณของโควิด-19 ที่ข้อแรกเลยหลายสโมสรยังไม่สามารถได้ตัวต่างชาติกลับเข้าสู่ทีมและข้อที่สองเรื่องเงินสนับสนุนที่มีการคาดการณ์แล้วว่าอาจได้ลดลงจากเดิม
แน่นอนว่าทั้งสองข้อในข้างต้นคือเรื่องใหญ่! และละเอียดอ่อนต่อคนทำทีมฟุตบอลเพราะมันมีผลต่อสภาพทางการเงิน, ความมั่นคงและความพร้อมของแต่ละสโมสร (โดยเฉพาะสโมสรที่มีขนาดทีมไม่ใหญ่ที่ต้องอาศัยตัวต่างชาติในการเป็นเดอะแบกที่ในเวลานี้นักเตะที่ว่ายังไม่สามารถเข้าไทยได้เลยซักคน หรือบางสโมสรที่สภาพคล่องกำลังอยู่ในขั้นโคม่าและการไปต่อแบบเตะแบบปิด แม้จะมีค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแต่ก็อาจยังไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงสโมสร)
อันที่จริงเรื่อง “ไปต่อหรือพอแค่นี้” ไม่ใช่คำถามใหม่ เพราะมันก็มีให้เห็นอยู่ร่ำไปภายใต้สถานการณ์แบบนี้ที่ลีกสูงสุดบางลีกในหลายๆประเทศตัดสินใจ “พักก่อน” แล้วตัดจบปิดฤดูกาลนี้ไปเลย เพราะเขาต่างเชื่อกันว่าหากไปต่ออาจสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส, อาจยิ่งทำให้บางสโมสรเขยิบเข้าใกล้กับคำว่า “ล้มละลาย” มากขึ้น และก็อาจเป็นการทำร้ายสุขภาพของนักฟุตบอล(โดยเฉพาะในรายที่ต้องมีคิวลงล่าถ้วยมากมายทั้งลีกภายใน, ชิงแชมป์สโมสรทวีป หรือแม้แต่โปรแกรมในนามทีมชาติที่ต้องมีคิวลงเตะแน่นเอียดแบบปลากระป๋อง)
ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลเอาแค่ลีกคู่แข่งเพื่อนร่วมสายของไทยในคัดบอลโลกอย่างยูเออีที่ ยูเออี โปรลีก ลีกสูงสุดของพวกเขาพึ่งประกาศตัดจบไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่วันก่อน ในขณะที่ลีกาวันของอินโดฯเองก็มีทีท่าว่าอาจต้องตัดจบเช่นกันเพราะรัฐบาลยังไม่สามารถออกคำสั่งอนุญาติให้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลเมื่อสถานการ์ณโควิด-19 ของพวกเขายังคงอยู่ในขั้นวิกฤติและยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ
มองในมุมของสโมสรและคนทำทีมฟุตบอล แน่นอนว่าฟุตบอลในปัจจุบันนอกเหนือจากเรื่องของแพชชั่นและความรักในฟุตบอลแล้ว เรื่องของสตุ้งสตางค์ก็ยังถือเป็นเรื่องที่สำคัญและคงไม่มีเจ้าของทีมรายไหนที่จะกล้าทุ่มโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะคุ้มมั้ย? บั้นปลายจะกำไรหรือขาดทุน? ฉะนั้นหากเตะกันต่อแบบที่ต้องเล่นแบบปิด ว่ากันด้วยเรื่องของรายรับ-รายจ่ายและเรื่องเงินสนับสนุนที่จะได้ลดลงไปจากเดิม การตัดจบอาจเป็นการ “เพลย์เซฟ” ที่ดีที่สุด
ในขณะที่ในมุมของนักฟุตบอล บางทีการตัดจบอาจเป็นฝันร้ายแบบฟ้าผ่าของพวกเขาเพราะเมื่อไม่มีการแข่งขันบรรดานักฟุตบอลที่เปรียบเสมือนพนักงานในองค์กรก็ไม่มีงานทำและแน่นอนเมื่อมันเป็นอย่างนั้นมันก็สุ่มเสี่ยงต่อเหตุการณ์ “ยกเลิกสัญญาและพาเหรดกันกลับบ้าน”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องของทีมชาติเมื่อลีกภายในประเทศถูกยกเลิกหรือตัดจบ ทีมชาติไทยที่มีนักฟุตบอลที่เล่นในลีกภายในประเทศอยู่เกือบยกทีมแบบนี้การไร้ซึ่งแมตช์ฟิตย่อมส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักเตะและนั่นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าปลื้มนักสำหรับลุงโนะ
ในขณะที่ก็มีหลายเสียงที่บอกว่าไม่ต้องตัดจบก็ได้แต่เร่งให้กลับมาแข่งให้เร็วขึ้นสิ ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าการทำอย่างที่ท่านว่าจะมีผลในด้านความได้เปรียบ-เสียเปรียบหรือไม่ เมื่อขนาดของทีมแต่ละทีมนั้นต่างกัน, ตำแหน่งในตารางคะแนนต่างกัน และบางทีมในตอนนี้ก็อาจจะยังไม่พร้อมกลับมาแข่งกันใหม่ก็เป็นได้ (ยังไม่ได้มีการเรียกนักเตะกลับมาฝึกซ้อม หรือมีการปล่อยนักเตะตัวเก่าพ้นทีมออกไปโดยที่ยังไม่มีรายใหม่เข้ามาทดแทน)
แม้จะยังไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดบนสถานการณ์ที่เป็นอยู่แบบนี้แต่การร่อนจดหมาย “ปุจฉา” เพื่อขอวิสัชนาของสมาคมฯก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่อาจเป็นประตูนำไปสู่แนวทางที่ดีที่สุด
“เอาใจช่วยทุกฝ่าย” และเชื่อว่าเราจะหาแนวทางที่ดีที่สุดออกมาจนได้นั่นแหละ!
ว่าแต่ท่านผู้อ่าน..เอาไงดีกับลีกไทยในฤดูกาลนี้?
อภิวัฒน์ เเจ่มเจริญ : ตัวเล็กไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่ใจมากกว่าจะสู้หรือจะถอย
TAG ที่เกี่ยวข้อง