8 กรกฎาคม 2563
คัดบอลโลกของทีมชาติไทยกับอานิสงส์จากโควิด-19
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
หากนับกันคร่าวๆ จะเหลือเวลาอีก 3 เดือนพอดิบพอดีที่รายการใหญ่อย่างคัดบอลโลกรอบที่ 2 โซนเอเชียจะกลับมาแข่งกันใหม่ตามโปรแกรมที่ทางเอเอฟซีและฟีฟ่าได้ประกาศไว้ภายใต้วงเล็บตัวใหญ่ๆว่ามันจะไม่ใช่รูปแบบๆฟูลออฟชั่นเหมือน 4 และ 5 นัดที่ผ่านมา พูดง่ายๆคือเรื่องสุขภาพของนักฟุตบอล, โค้ช, เจ้าหน้าที่ในทีมและแฟนบอลยังคงเป็นไพออริตี้อันดับหนึ่งที่ทางสหพันธ์ลูกหนังยังคงให้ความสำคัญ
แน่นอนว่าทางเอเอฟซีและฟีฟ่าต่างต้องการรันการแข่งขันในรอบ 2 นี้ให้จบให้ได้ภายในสิ้นปีนี้(จากบทสัมภาษณ์ที่เราเคยเห็นกันในหลายๆสื่อ)มันจึงค่อนข้างแน่นอนว่าคงจะไม่มีการเลื่อนออกไปอีก ดังนั้นในเวลานี้ที่ในบางประเทศสถานการณ์ของโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นโคม่าก็เริ่มมีการพูดกันถึงการเตะแบบปิดหรือแม้แต่การขอเช่าสนามกลางเพื่อเป็นแผนสองรองรับกันบ้างแล้ว(โดยเฉพาะชาติในอาหรับที่มีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยราย)
คำถามสำคัญจึงมีอยู่ว่า(หากเป็นจริงตามข่าวที่ว่ามา) แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไทย? เราจะได้อะไรเมื่อหลายทีม(ที่ว่า)ต้องเตะแบบปิดหรือสนามกลาง?
ผมมองแบบกว้างๆอย่างนี้ก่อนนะครับ เรื่องแรกเลยคือโอกาสของไทยในการทะลุเข้ารอบต่อไปจากสถานการณ์ที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้คงต้องยอมรับตามตรงว่าค่อนข้างง่อนแง่นเพราะเราเองไม่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดี เพราะทั้งคะแนนและประตูได้-เสียก็ตามหลังเวียดนามซึ่งเป็นจ่าฝูงแถมการต้องออกไปเยือนตะวันออกกลางในแมตช์กับยูเออีที่พึ่งได้โค้ชใหม่ไปไม่นานก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะได้แต้มกลับบ้าน(สถิติมันบอกมาแบบนั้น) ดังนั้นการเผื่อใจกับการเข้ารอบแบบอัตโนมัติในฐานะอันดับ 1 ของตารางและมองเป้ารองอย่างการติดสอยอีก 3 หรือ 4 ทีมในฐานะโควต้าอันดับสองที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นแพลนบีที่เราควรต้องมองๆกันไว้บ้าง
และจากสถานการณ์ในกลุ่มอีที่ทั้งกาตาร์และโอมานต่างโกยแต้มกันเป็นว่าเล่นมันมีความเป็นไปได้สูงเลยแหละที่โควต้าทีมอันดับสองที่ดีที่สุดจะผุดขึ้นมาอีกหนึ่งที่นั่งเป็นตั๋ว 5 ใบที่มีความหมายอย่างมากและหลายทีมที่ยังอยู่ในเส้นทางก็ต่างมองตั๋วที่ว่านี้ “ตาเป็นมัน” ไม่ต่างจากเรา (ทั้งฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, คีร์กิซสถาน, ทาจิกิสถาน, เลบานอนและเกาหลีเหนือต่างเข้าข่ายเป็นผู้ท้าชิงตั๋ว 5 ใบสุดท้าย)
เมื่อสถานการณ์ของโควิด-19 ในหลายประเทศโดยเฉพาะเปอร์เซียและตะวันออกกกลางมีแนวโน้มที่จะจบไม่ทันก่อนวันแข่งคัดบอลโลกความเป็นไปได้ที่ทีมจากโถ 1 และ 2 อย่างอิหร่าน, เกาหลีใต้, ยูเออี, อิรัก, ซาอุฯ หรือแม้แต่จีนเองที่มีรายงานการกลับมาแพร่ระบาดของเชื้ออีกครั้ง ทีมทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็มีสิทธิ์ต้องลงเล่นภายใต้โมเดล “แข่งแบบปิด” และเผลอๆหากมีปัญหาจากการปฎิเสธวีซ่าคนต่างชาติในบางประเทศหรือทีมเยือนเกิดความวิตกกังวลและยื่นเรื่องของเตะสนามเป็นกลางก็อาจนำมาซึ่งการอดเล่นในบ้าน
ทั้งอิหร่าน, จีน, ซาอุฯ, ยูเออี และเกาหลีใต้ในฐานะทีมจากโถ 1 ที่มีเกมในบ้านอยู่ในมือถึงสามเกม หากสถานการ์ณปกติก็คงเป็นเรื่องง่ายที่จะกวาดรวดเดียว 9 แต้มเต็มบวกประตูได้-เสียอีกเป็นกระบุงจากทีมที่อ่อนชั้นกว่ากรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปไม่ว่าจะในฐานะทีมอันดับ1หรือขอชิงโควต้าอันดับสองที่ดีที่สุด
เพียงแต่ฟุตบอลคือกีฬาที่ต้องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น, โค้ชและคนดูในสนาม และการต้องเล่นท่ามกลางความว่างเปล่าบนอัฒจันทร์คงไม่ใช่เรื่องแฮปปี้สำหรับเจ้าบ้าน
จินตนาการง่ายๆบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวจากเสียงเชียร์ของกองเชียร์เจ้าถิ่นที่ทั้งกดดันคู่แข่งและเสริมแรงให้นักเตะของพวกเขาเองตลอด 90 นาทีถ้ามันถูกเสกให้หายไป ในขณะที่หากต้องเตะในสนามกลางเรื่องของความคุ้นสนามและการปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศก็อาจพาให้ทีมไม่ได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้าน
และหากทีมโถ 1 เกิดพลาดท่าทำแต้มหล่นขึ้นมานี่อาจเป็นอานิสงส์ให้ทีมไทยได้ลุ้นโควต้าอันดับสองที่ดีที่สุดได้ง่ายขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้
ในขณะที่เรา “การ์ดยังไม่ตก” และดูดีในสถานการณ์โควิด-19 ในบ้านส่งผลให้ความพร้อมในการเตรียมตัวสำหรับคัดบอลโลกที่จะมาถึงได้เปรียบคู่แข่งทั้งยูเออีและอินโดฯ บวกกับสถานการณ์ในกลุ่มอื่นๆที่โควิด-19 ยังสาปพวกเขาอยู่ บางทีนี่อาจเป็นรางวัลจากการทำงานหนักของคนไทยที่ร่วมกันมีวินัยในการรับมือกับโรคร้าย
“โชคเริ่มเข้าข้างเราบ้างแล้ว” แต่ก่อนที่จะไปลุ้นให้ทีมโถ 1 และ 2 ต้องเตะกันแบบปิดหรือสนามกลาง เราเองก็ต้องทำผลงานในนัดที่เหลือให้ออกมาให้ดีที่สุดให้ได้ก่อน( 6 แต้มเต็มต้องได้จากเกมในบ้าน ในขณะที่การไปเยือนดูไบต้องพกแต้มกลับออกมาให้ได้ ถ้าได้ตามนี้ก็พอมีหวัง)
“ลุ้นกันทั้งในและนอกสนามชนิดวันต่อวัน” เราคงต้องมาดูกันว่าเวลาสามเดือนที่เหลืออยู่นี้ ใครจะใช้มันได้ดีไปกว่ากัน?
TAG ที่เกี่ยวข้อง