stadium

รู้จัก มาซาโยชิ มานาเบะ โค้ชมือทองของวงการวอลเลย์บอลญี่ปุ่น

28 มิถุนายน 2565

วอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก 2022 ผ่านไปแล้วครึ่งทาง แต่มีเพียงหนึ่งเดียวจาก 32 ทีม ทั้งประเภทชาย และหญิง ที่ยังรักษาสถิติไร้พ่ายมาได้ตลอด 8 นัด และได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากจากแฟนวอลเลย์บอลทั่วโลก ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น กำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงที่สุด พวกเธอโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด เก็บชัยชนะเหนือทีมชาติสหรัฐอเมริกา ทีมอันดับ 1 ของโลก เจ้าของแชมป์โตเกียวโอลิมปิก 2020 และต้อนเอาชนะทีมชาติจีน ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย อดีตแชมป์โอลิมปิก 2016 ไปได้อย่างขาดลอย

 

หลายๆ คนอาจจะเห็นว่าผลงานอันยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากฟอร์มการเล่นของ ซารินะ โคกะ ซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของทีม ที่ครองตำแหน่งผู้เล่นทำคะแนนสูงสุดของการแข่งขันอยู่ในขณะนี้ แต่นอกจากต้องให้เครดิตกับการเล่นของนักกีฬาภายในทีมแล้ว อีกหนึ่งเบื้องหลังของทีมที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ การกลับมาทำหน้าที่ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ชื่อ “มาซาโยชิ มานาเบะ” 

 

Photo Credit : volleyballworld

 

จากนักเบสบอลสู่มือเซตโอลิมปิก

 

มาซาโยชิ มานาเบะ เกิดวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2506 ที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโกะ ในวัยเด็กมานาเบะชื่นชอบและอยากเป็นนักเบสบอลมากตามประสาเด็กผู้ชายญี่ปุ่นทั่วไป จนกระทั่งเมื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมต้นก็ได้เข้าร่วมชมรมเบสบอลของโรงเรียน แต่สุดท้ายครูที่โรงเรียนก็ได้แนะนำให้เล่นวอลเลย์บอล ซึ่งนับจากนั้นเขาก็ได้โฟกัสและทุ่มเทให้กับวอลเลย์บอลมาโดยตลอด มานาเบะเริ่มเล่นวอลเลย์บอลในตำแหน่ง ตัวตบหัวเสา เป็นคนทำคะแนนหลักของทีม แต่ต่อมาก็ถูกโค้ชที่ Osaka University of Commerce จับย้ายให้มาเล่นตำแหน่ง ตัวเซ็ต และสามารถนำทีมคว้าแชมป์อินเตอร์ไฮ (รายการวอลเลย์บอลระดับมัธยมปลาย) ได้สำเร็จในปีนั้น และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในฐานะนักกีฬา

 

ในวัย 22 ปี มานาเบะได้ติดทีมมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น เข้าร่วมการแข่งขันมหาวิทยาลัยโลก 1985 ที่เมืองโกเบ และพาทีมคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ทำให้หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ถูกเรียกติดทีมชาติญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และในอีกหนึ่งปีถัดมา มานาเบะตัดสินใจเข้าร่วมทีม Nippon Steel (ปัจจุบันคือ Sakai Blazers) และเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยทีมคว้าแชมป์ V.League 3 สมัยซ้อน หลังจากนั้นในปี 1988 มานาเบะก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติญี่ปุ่น ชุดอันดับ 10 จากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงโซล 

 

 

Photo Credit : volleyballworld
Photo Credit : volleyballworld

 

จุดประกายการเป็นโค้ช

 

ในปี 1993 มานาเบะได้รับข้อเสนอให้ทำหน้าที่ โค้ชและนักกีฬา ให้กับทีม Nippon Steel โดยเขาได้ทำหน้าที่อยู่ 6 ปี และมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์วอลเลย์บอลลีกสูงสุดของญี่ปุ่นมาได้ 2 สมัย ในระหว่างนั้นเขาได้เรียนรู้จาก ยูโซะ นากามูระ อดีตนักกีฬาเหรียญทองวอลเลย์บอลชายโอลิมปิก 1972 ทำให้ประสบการณ์ในช่วงดังกล่าวเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเป็นโค้ชให้กับเขา

 

หลังจากนั้นมานาเบะได้ตัดสินใจไปเล่นอาชีพกับทีม Iveco Palermo ที่ประเทศอิตาลี ประสบการณ์หนึ่งฤดูกาลเต็มจากลีกอิตาลี ทำให้มานาเบะได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพว่า การที่จะประสบชัยชนะ และประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมุ่งมั่นและพยายามอย่างถึงที่สุด และไม่ใช่เพียงแค่นักกีฬาเท่านั้น โค้ชก็เป็นส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน

 

ในปี 2000 มานาะเบะกลับมาเล่นในประเทศญี่ปุ่น และในระหว่างที่เล่นวอลเลย์บอลอยู่นั้น มานาเบะได้เรียนต่อที่ Osaka University of Health and Sport Science ไปพร้อมกัน โดยเรียนด้านการเป็นโค้ช จิตวิทยา และชีวกลศาสตร์ (Biomechanics) เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นโค้ชในอนาคต โดยเขาจบการศึกษาปริญญาโทในเวลา 2 ปี และสุดท้ายมานาเบะก็ได้ประกาศเลิกเล่นวอลเลย์บอลในวัย 41 ปี

 

 

Photo Credit : volleyballworld

 

เริ่มต้นสร้างตำนาน

 

มานาเบะ รับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนครั้งแรกกับทีม ฮิซามิตซึ สปริงส์ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการวอลเลย์บอลญี่ปุ่น เขาพาทีมจบฤดูกาลแรกด้วยตำแหน่งรองแชมป์ และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 2006-2007

 

ในปี 2008 สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น (JVA) ประกาศแต่งตั้ง มาซาโยชิ มานาเบะ ให้รับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น ต่อจากโชอิจิ ยานากิโมโต้ ยอดโค้ชอีกคนหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งมานาเบะได้ริเริ่มระบบโค้ชชิ่งแบบใหม่ เพิ่มขั้นตอนความละเอียดมากยิ่งขึ้น และเพิ่มจำนวนทีมงานผู้ช่วยโค้ชที่มีความเชี่ยวขาญเฉพาะด้าน

 

การทำงานของมานาเบะเริ่มผลิดอกออกผล ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก 2010 (World Championship 2010) ทีมชาติญี่ปุ่นสามารถสร้างประวัติศาสตร์จบเป็นอันดับที่ 3 คว้าเหรียญรางวัลแรกในรอบ 32 ปี หลังจากนั้นก็สามารถพาทีมญี่ปุ่นประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการคว้าเหรียญทองแดง จากโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเหรียญโอลิมปิกอีกครั้งในรอบ 28 ปีของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น

 

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมดังกล่าว ทำให้ JVA ตัดสินใจต่อสัญญามานาเบะออกไปจนถึงโอลิมปิก ปี 2016 ถึงแม้ว่าในโอลิมปิก 2016 ทีมชาติญี่ปุ่นจะจบเพียงแค่อันดับที่ 5 ไม่สามารถไปถึงแท่นรับเหรียญรางวัลได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มาซาโยชิ มานาเบะ คือ หนึ่งในโค้ชที่พาทีมชาติญี่ปุ่นประสบความสำเร็จได้มากที่สุด

 

Photo Credit : volleyballworld
Photo Credit : volleyballworld

 

พัฒนาบ้านเกิด

 

หลังจากหมดสัญญากับสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น มานาเบะ ตัดสินใจสร้างสโมสรวอลเลย์บอลอาชีพขึ้นมาใหม่ โดยใช้เมืองฮิเมจิ บ้านเกิดของเขาเป็นสนามเหย้า ใช้ชื่อว่า “ฮิเมจิ วิคตอรินะ” (Himeji Victorina) โดยเขาเองรับตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้ทาบทาม “ทาเคชิตะ โยชิเอะ” มือเซ็ตคู่บูญชุดเหรียญทองแดงโอลิมปิก มาเป็นเฮดโค้ช ซึ่งสโมสรฮิเมจิ ใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นได้

 

Photo Credit : volleyballworld

 

การกลับมาของตำนาน

 

หลังจากวอลเลย์บอลทีมชาติญี่ปุ่นประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ด้วยการตกรอบแรกโอลิมปิกเกมส์ในบ้านของตนเอง สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น (JVA) ประกาศแยกทางกับเฮดโค้ชคุมิ นากาดะ และตั้งคณะกรรมการคัดเลือกหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีมชาติญี่ปุ่น ท่ามกลางรายชื่อ โค้ชตัวเต็งมากมายจากสโมสรต่างๆ ในวี.ลีก แต่สุดท้าย JVA กลับประกาศว่า มาซาโยชิ มานาเบะ จะกลับมารับหน้าที่อีกครั้ง โดยเซ็นสัญญา 4 ปี และมีเป้าหมายอยู่ที่โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส

 

ผลงานของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่นยุคมานาเบะ 2 จะออกมาเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ด้วยชื่อชั้นของกุนซือคนนี้แล้ว ย่อมไม่มีชาติใดกล้าประมาทสาวญี่ปุ่นแน่


stadium

author

Wantleyball

StadiumTH Content Creator / เจ้าของเพจ Wantleyball