18 เมษายน 2565
ครูซิเบิ้ล เธียร์เตอร์ โรงละครแห่งความฝันของนักสนุกเกอร์ทุกคนทั่วโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตนักสนุกเกอร์ต่างต้องการเข้าร่วมเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศรายการที่มนต์ขลังที่สุดในชีวิต สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ เปิดให้ใช้จัดการแข่งขันเฉพาะศึกชิงแชมป์โลกรายการเดียวเท่านั้น และจะมีเฉพาะนักสอยคิวที่ผ่านการคัดเลือก 32 คนได้เข้าร่วมแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลกรอบสุดท้าย
ตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา มีนักสนุกเกอร์ไทยทั้งหมด 5 คนเท่านั้นที่เคยได้สัมผัสประสบการณ์ในฝัน ซึ่งจะเป็นใครกันบ้างไปติดตามกัน
“ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม
อย่างที่ทราบกันดีว่า เจ้าของฉายา ไทย ทอร์นาโด เป็นผู้นำความนิยมกีฬาสนุกเกอร์มาสู่ทวีปเอเชียและประเทศไทย เป็นดั่งไอดอลของสนุกเกอร์เอเชียทุกคนและเป็นนักสอยคิวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของไทย นับตั้งแต่ได้ทัวร์การ์ดเข้าไปเล่นอาชีพครั้งแรกในปี 1988 ใช้เวลา 4 ปี ก้าวเข้าสู่ครูซิเบิลครั้งแรกในปี 1992 ไปได้ไกลเพียงแค่รอบ 16 คนสุดท้าย หลังจากนั้น ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ได้เข้าไปโชว์การสอยคิวรวมแล้ว 13 ครั้ง โดยผลงานที่ดีที่สุดคือปี 1993 และ 1997 ที่ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะไปแพ้ให้กับ จิมมี่ ไวท์ กับ สตีเฟ่น เฮนดรี่ ชวดเข้าชิงอย่างน่าเสียดาย
“ต่าย พิจิตร” ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์
หลังจากที่คว้าแชมป์สมัครเล่นโลกได้ในปี 1993 ฝีมือของเขาโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ จนมีโอกาสได้เข้าไปเล่นสนุกเกอร์อาชีพเป็นครั้งแรกในปี 1995 แม้ว่าจะเพิ่งมีประสบการณ์ระดับเวิลด์ทัวร์เป็นครั้งแรก แต่ว่าในปีนั้นเจ้าตัวได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะนักสอยคิวทั้งหมด 8 คนในรอบคัดเลือก ผ่านเข้าสู่รอบเมนดรอว์ 32 คนสุดท้ายในครูซิเบิลเป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นปีเดียวกับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีนักสนุกเกอร์ไทยผ่านเข้ารอบสุดท้ายพร้อมกันถึง 2 คน โดยในรอบ 32 คนพบกับ วิลลี่ ธอร์น มือวางอันดับ 16 ของโลกจากอังกฤษ แม้ว่า ต่าย พิจิตร จะขึ้นนำก่อน 2-0 แต่สุดท้ายแพ้ไป 6-10 เฟรม
“แจ็ค สระบุรี” เดชาวัต พุ่มแจ้ง
กว่าที่จะมีนักสนุกเกอร์ไทยคนที่ 3 จะผ่านเข้าไปเล่นในครูซิเบิล ต้องใช้เวลานานถึง 18 ปี โดยในปี 2013 แจ็ค สระบุรี ทำได้สำเร็จเอาชนะ ไมเคิล เลสลี่ย์ , หลิว ฉวง , แอนโธนี่ย์ แฮมิลตัน และ เจมี่ โคป ผ่านเข้าสู่รอบ 32 คนสุดท้าย โดยในครูซิเบิล แจ็ค สระบุรี มือ 70 ของโลกในขณะนั้น พลิกล็อคเฉือนชนะ สตีเฟน แม็คไกวร์ อันดับ 5 โลก ไปด้วยสกอร์ 10-9 เฟรม แม้ว่าในรอบ 16 คน จะพลาดท่าแพ้ให้กับ ไมเคิล ไวท์ อย่างขาดลอย
แต่ แจ็ค สระบุรี ได้สร้างชื่อให้ตัวเองเป็นที่จดจำ ทั้งการทำท่าทางโบกไม้โบกมือให้ลูกสนุ้กวิ่งไปในทิศทางที่ต้องการ หรือการแสดงออกด้วยท่าทางที่พอใจกับการออกคิว ด้วยคาแร็กเตอร์ที่ดูอารมณ์ดี เรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากผู้ชมในสนามได้ตลอดการแข่งขันทั้ง 2 แมตช์
“หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ
นักสนุกเกอร์ไทยอีกคนที่มีเส้นทางล้มลุกคลุกคลานในเวทีอาชีพโลก เทิร์นโปรครั้งแรกในฤดูกาล 2010-2011 ถึงแม้จะแพ้และตกรอบแรกมาหลายครั้ง และเคยหลุดเวิลด์ทัวร์มาแล้ว ปี 2012 แต่ หมู ปากน้ำ ก็ไม่เคยยอมแพ้พาตัวเองกลับเข้ามาสู่เส้นทางของความฝันอีกครั้ง ก่อนจะประสบความสำเร็จคว้าตั๋วไปครูซิเบิลได้เป็นครั้งแรกในปี 2017
ในปีนั้น หมู ปากน้ำ ถือเป็นนักสอยคิวไทยคนแรกที่เลือกใช้เพลงคนไทยในช่วงเปิดเดินเข้าสู่สนาม หลังก่อนหน้านี้ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย , ต่าย พิจิตร และแจ็ค สระบุรี ต่างก็เลือกใช้เพลงของศิลปินต่างประเทศ โดย หมู ปากน้ำ เลือกที่จะใช้เพลง “แสงสุดท้าย” ของวงบอดี้แสลม ที่มีเนื้อหาปลุกใจก่อนลงไปดวลคิวกับ นีล โรเบิร์ตสัน ออสเตรเลีย แต่ว่าท้ายที่สุดเส้นทางของเขาก็จอดป้ายเพียงแค่รอบ 32 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากเว้นว่างจาก ครูซิเบิ้ล ไปนานถึง 3 ปี ในปี 2020 หมู ปากน้ำ ก็สามารถผ่านเข้าไปเข้าสู่รอบสุดท้ายได้อีกครั้ง หนนี้เขาสู้ได้แบบน่าประทับใจ รอบแรหักปากเซียนเอาชนะ ฌอน เมอร์ฟี่ มือ 10 ของโลก ณ ขนาดนั้นไป 10-4 เฟรม, ส่วนในรอบ 2 หรือรอบ 16 คนสุดท้าย หมู ปากน้ำ ดวลกับ มาร์ค เซลบี้ โดยแมตช์นี้ หมู ปากน้ำ สู้สุดใจ ออกคิวละเอียดยิบในแต่ละเฟรม ทำเอานักสอยคิวเมืองผู้ดีถึงกับปาดเหงื่อ ต้องเล่นกันเต็มซีรีส์ 25 เฟรม แต่สุดท้าย หมู ปากน้ำ แพ้ไป 12-13 เฟรม
ส่วนในปี 2022 หมู ปากน้ำ ฝ่าฟันมาถึง ครูซิเบิล ได้เป็นหนที่ 3 ทำให้เขากลายเป็นนักสอยคิวไทยคนที่ 3 ที่เข้าร่วมครูซิเบิลมากกว่า 2 ครั้ง ต่อจาก ต๋อง ศิษย์ฉ่อย และ เอฟนครนายก โดยในรอบแรก จะพบกับ ลูก้า เบรเซล มือ 11 ของโลกจากเบลเยียม ซึ่งเคยเจอกันมา 4 ครั้ง "หมู ปากน้ำ" เอาชนะได้ 1 ครั้ง แต่ 3 ครั้งหลังเป็น เบรเซล ที่เอาชนะได้ทั้งหมด โดยคู่นี้ลงเล่นเซสชันแรกในคืนวันที่ 20 เมษายน เวลา 01.00 น. และวันที่ 21 เมษายน เวลา 19.00 น.
“เอฟ นครนายก” เทพไชยา อุ่นหนู
นักสอยคิวไทยคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ที่มีโอกาสได้เข้าไปยืนอยู่ในโรงละครแห่งความฝัน ความยอดเยี่ยมของเขานั้นคือการผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ถึง 4 ครั้ง โดยแบ่งเป็น 3 ครั้งติดต่อกัน ตั้งปี 2018, 2019, 2020 และครั้งล่าสุด 2022 นับเป็นนักสอยคิวไทยคนที่ 2 ต่อจาก ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ที่ทำได้มากกว่า 2 ครั้ง
เสน่ห์ของ เอฟ นครนายก อยู่ที่การออกคิวทั้งเร็วและแม่นยำอันเป็นเอกลักษณ์ จนเป็นที่มาของอีกหนึ่งฉายาคือ เอฟ วัน แม้ว่า 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เขาจะไปได้ไกลที่สุดเพียงแค่รอบ 32 คนสุดท้าย แต่ต้องยอมรับว่าผลการจับสลากนั้นค่อนข้างไม่เป็นใจเจองานหนักทั้ง 2 ครั้ง ในปี 2018 แพ้ จอห์น ฮิกกิ้น ไป 7-10 เฟรม ส่วนปี 2019 แพ้ จัดด์ ทรัมป์ มือ 7 ของโลกในเวลานั้น ในเฟรมตัดสิน 9-10 เฟรม ขณะที่ปี 2020 เอฟ ตกรอบแรกด้วยน้ำมือของ รอนนี่ โอซัลลิแวน แบบหมดรูป 1-10 เฟรม
ส่วนในปี 2022 เส้นทางตั้งแต่รอบคัดเลือก เอฟ นครนายก ต้องสู้แบบหลังพิงฝา เพราะมีทัวร์การ์ดเป็นเดิมพัน แต่ก็ท้ายที่สุดก็ฝ่าฟันเส้นทางเข้ามาถึงครูซิเบิลได้เป็นหนที่ 4 ในชีวิต โดยจะพบกับ จอห์น ฮิกกิ้นส์ อดีตแชมป์โลก 4 สมัยจากสกอตแลนด์ โดยเคยเจอกันมาแล้ว 6 ครั้ง "เอฟวัน" เอาชนะได้ 2 ครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดในรายการ ชู้ตเอาต์ เมื่อปี 2021 ซึ่งคู่นี้จะลงสนามวันที่ 19 เมษายน เวลา 20.30 น. และ 20 เมษายน เวลา 16.00 น.
TAG ที่เกี่ยวข้อง