stadium

พรจากแม่ : การยอมให้ขาดเรียน 7 วัน ที่กลายเป็น 9 ปีใน NBA

10 กุมภาพันธ์ 2563

ริกกี้ รูบิโอ 1 ในพ้อยการ์ดชั้นนำระดับยุโรปที่โลดแล่นอยู่วงการ NBA มาก 9 ปี โดยลีลา ทักษะ และ พรสวรรค์ ที่ได้โชว์ในสนาม บวกกับ หน้าตาและไลฟ์สไตล์ ที่มีความเท่และเฉพาะตัว ส่งผลให้ พ้อยต์การ์ดชาวสเปนคนนี้ เป็นขวัญใจของแฟนบาส และ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เส้นทางชีวิตของอดีตหนุ่มหน้าคล้าย จัสติน บีเบอร์ เหมือนจะประสบความสำเร็จมาอย่างมากมาย แต่เอาเข้าจริงมันยังไม่สมบูรณ์แบบเสียโดยสิ้นเชิง แต่ก็นับได้ว่าเขาก้าวมาไกลเมื่อเทียบกับนักบาสจากฟากยุโรปรายอื่นๆ 

 

และเบื้องหลังแห่งความสำเร็จนั้น คือ โอกาสจากผู้เป็นแม่ ที่ให้ความเข้าใจและสนับสนุนความฝันของ รูบิโอ้ นั่นเอง

 

แม่ คือเพื่อนสนิทมากที่สุดของผม ... การจะไปที่สอนคำว่า "พรุ่งนี้ไม่มีอยู่จริง"

 

นอกจากความมุ่งมั่น มีเรียบวินัย และ ความพยายามอันแรงกล้วของตัวบุคลแล้ว องค์ประกอบที่สำคัญอย่างมากที่จะทำให้วัยรุ่นทั่วไป ได้เติบโตและค้นพบเส้นทางที่ใช่สำหรับตัวเอง คงหนีไม่พ้นความเข้าใจจากผู้ปกครอง เช่นเดียวกับ นักบาสชาวสเปน ที่มักใช้เวลาว่างในการขลุกอยู่กับกีฬาบาสเกตบอล ไม่ว่าจะทั้งเล่น หรือ ชมวิดีโอการแข่งขัน 

 

"ถ้าจะบอกว่าชีวิตผมมีเพื่อนสนิทมั้ยนะหรอ ... ผมยกให้ตำแหน่งนี้เป็นของแม่เลย เพราะ ผมกับแม่ สนิทกันมากๆ" คำให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหนึ่งเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว

 

รูบิโอ คือนักกีฬาในบุคลิกอินดี้พอตัวเลยก็ว่าได้ ในวัยเด็กเขามีหน้าตาหล่อเอาการ กระทั่งสื่อสเปนตั้งฉายาว่า "หมอนี่คือ จัสติน บีเบอร์ แห่งสเปน" ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามภาพที่เราเห็นทุกวันนี้ เขาได้กลายเป็น วูลฟ์เวอรีน ซะแล้ว

 

"แม่คงเกลียดผมมากแน่ๆตอนนี้ เธอคงช็อคกับการตัดสินใจเปลี่ยนลุคของผม เพราะแต่ก่อน แม่ผมเนี่ยแหละที่คอยเตือนให้ผมโกนหนวดหรือเคราทุกครั้ง ที่เธอเห็นว่ามันเริ่มจะยาวออกมาแล้ว" ประโยคการให้สัมภาษณ์ที่แสดงถึงความคิดถึงอยู่ตลอดเวลาและไม่แปลกใจที่ แม่ จะเป็นเพื่อสนิทที่สุดของ รูบิโอ เพราะโดยปกติ เขามักจะโทรศัพท์หาแม่ช่วงเดินทางไปซ้อม เช่นเดียวกับเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาท้อแท้ แน่นอนว่า แม่ (Tona) มีอิทธิพลต่อ รูบิโอ้ 

 

"การที่ผมสูญเสียแม่ของผมไป คือจังหวะที่เปลี่ยนแปลงความคิดและการใช้ชีวิตของผมโดยสิ้นเชิง ผมได้เรียนรู้ที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุด เสมือนว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ และแน่นอนว่า มันทำให้ผมรู้จักคุณค่าของการใช้ชีวิตมากขึ้น .... บาสเกตบอลคือเรื่องสำคัญแต่ชีวิตก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุดในเรื่องอื่นๆด้วย" รูบิโอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับบทเรียนที่ยอมรับว่า ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจน

 

การจากไปของ โทน่า ไม่ได้มีอิทธิพลที่ทำให้นักบาสรายนี้มีมุมมองที่โตขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อย้อนกลับไปในชีวิตวัยเด็ก เธอคือส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ รูบิโอ ได้เทิร์นโปรกลายเป็นนักบาสเกตบอล

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง และคุณอาจสนใจ 

โอกาส 7 วันจากคุณแม่ ... สู่การเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในลีกสเปน

 

รูบิโอ ลงเล่นเกมส์แรกในฐานะนักบาสอาชีพ ด้วยวัยเพียง 14 ปี ซึ่งในขณะนั้นเหล่าบรรดาเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังกังกวลเกี่ยวกับเรื่องการเป็นสิว การได้ไปเที่ยวทะเลหรือชายหาด รวมถึงการมีเพื่อนใหม่ และ การจีบสาว แต่กับ รูบิโอ สิ่งที่ยากที่สุด ในช่วงอายุ 14 ปี คือการขออนุญาตคุณแม่ออกจากโรงเรียน เพื่อไปร่วมแคมป์ฝึกซ้อมบาสเกตบอล ตามที่เขาต้องการ

 

“My mom let me skip school for a week, and I became pro,” 

 

แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามเมื่อคุณแม่ของเขาอนุญาตให้พักการเรียนเพื่อร่วมเข้าแคมป์ฝึกซ้อม บาสเกตบอลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้สัมผัสเกม Spanish ACB League และเกมแรกกับทีม จูเวนตุด บาดาโลน่า เขาเปิดตัวด้วยการทำ 2 สตีล (ขโมยบอล) จากการลงเล่น 5 นาที อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีก้าวต่อไปสำหรับเวทียัดห่วงที่ใหญ่กว่าเดิม

 

 

เด็กหนุ่มจาก Catalonia สู่การดราฟต์อันดับ 5 ของ NBA

 

ความปราดเปรียวและการอ่านเกมส์ที่เฉลียวฉลาดส่งผลให้ในเวลาเพียงแค่ 2 ปี เขาได้ลงเล่นในรายการยูโรลีก ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับอีก 3 วัน (อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 6 ของผู้ที่ได้สัมผัสเวทีชิงแชมป์ยุโรป) จนมาถึงงานดราฟต์ตัวผู้เล่นในปี 2009 ที่แม้จะดูอุรุงตุงนังไปหน่อย กับการที่หนุ่มริกกี้ถูกเลือก เป็นอันดับที่ 5 โดย มินนิโซต้า ทีมเบอร์วูลฟ์ แต่เจ้าตัวยังต้องกลับไปรับใช้ในลีกสเปนต่อ จากเงื่อนไขเกี่ยวกับการต้องจ่ายค่ายกเลิกสัญญา ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ รูบิโอ ท้อแท้ใจเลยแม้แต่น้อย หลังกลับไปสู้ศึกที่สเปน เขาได้โอกาสย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า ระหว่างปี 2009 – 2011 โดยพาทีม คว้าแชมป์ยูโรลีกในปี 2010 และ แชมป์ลีกในประเทศปี 2011 ซึ่งเส้นทางความสำเร็จของเขาพึ่งจะเริ่มต้น

 

'I'm not worried, because I'm here to grow up”

 

คือคำกล่าวในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับทีม มินนิโซต้า ทิมเบอร์วูลฟ์ และตลอดเส้นทาง 6 ปี ในถิ่นหมาป่า รูบิโอ ก็ถือเป็นหนึงในขวัญใจของแฟนๆอย่างแท้จริง ด้วยสไตล์และลีลาที่เน้นความหวือหวา แต่ชีวิตใน NBA การย้ายทีมย่อมเป็นเรื่องธรรมดา โดยปี 2017 เขาถูกเทรดให้กับทีม ยูธ่าห์ แจ๊ซ และ ใช้เวลาอยู่ที่นั่น 2 ปี จนกระทั่งหมดสัญญากันไปในฤดูกาลล่าสุด ซึ่งในวัย 28 ปี เขาได้รับสัญญา 3 ปี 51 ล้านเหรียญ จาก ฟินิกซ์ ซันส์ ซึ่งถือเป็นอีกความท้าทายในเส้นทางนักบาสอาชีพของเขา

 

“Ricky makes everyone around him better and we couldn’t be happier to add a player of his caliber and experience to our franchise.”

 

ซันส์ ซึ่งเป็นทีมพลังหนุ่มเลือกประสบการณ์ และ ความสร้างสรรค์ของ รูบิโอ มาขับเคลื่อนให้ทีม เข้าสู่เพลย์ออฟอีกครั้ง แน่นอนว่ามันทำให้แฟนๆอดคิดถึงยุครุ่งเรืองที่มี สตีฟ แนช ตำนานการ์ดจ่ายชาวแคนาดา คอยนับทัพไล่ขยี้คู่แข่งด้วยเกมเร็วและสวยงามอยู่เสมอ ด้วยอายุอานาม เส้นทางโลดแล่นใน NBA ของ รูบิโอ ยังเล่นได้อีกหลายปี ต้องรอดูว่าความสำเร็จในลีกสูงสุดของเจ้าตัวจะเป็นอย่างไร แต่จะว่าไป ในนามทีมชาติ รูบิโอ ก็มีเกียรติประวัติที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน


ความสำเร็จเกินวัย ด้วยการเล่นที่ใช้ I.Q ผสานกับทักษะที่มี

 

สิ่งที่เป็น DNA ระบุความยอดเยี่ยมของ รูบิโอ ได้อย่างเด่นชัดคือความชาญฉลาดในการเล่น วิสัยทัศน์ และความเข้าใจ รวมถึงการอ่านเกมส์ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะ I.Q. ที่ใช่ว่า จะมีอยู่ในตัวนักกีฬาทุกคน ด้วยวัยเพียง 15 ปี ระหว่างการแข่งขันในรายการ FIBA Europe Under-16 Championship เขาสามารถทำ ทริปเปิ้ล ดับเบิ้ล ได้ 2 ครั้ง และ ควอดรูเบิ้ล ดับเบิ้ล 1 ครั้ง และ 1 ในผลงานที่ตราตรึงใจที่สุดคงหนีไม่พ้นการระเบิดฟอร์มทำคนเดียว 51 คะแนน เก็บ 24 รีบาวนด์ จ่ายอีก 12 แอสซิตส์ และ สตีล 7 หน ในนัดชิงชนะเลิศซึ่งพาทีมคว้าเหรียญทองสำเร็จด้วยการเชือด รัสเซีย ในช่วงต่อเวลา 110 – 106 คะแนน ถือเป็นการลบล้างความล้มเหลวจากปีก่อนหน้า ที่ทีมยัดห่วงแดนกระทิงดุคว้าได้แค่อันดับ 3 เท่านั้น

 

 

กระหึ่มไปทั่วโลก ในการปรากฏตัวบนเวทีโอลิมปิก ครั้งแรก ที่กรุงปักกิ่ง

 

นักบาสหน้าเด็กคนนั้นคือใคร นั่นคือเสียงจากคนจำนวนถามถึงเมื่อเห็นลีลาการเล่นของ รูบิโอ ในการรับใช้ทีมชาติสเปน ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก เมื่อปี 2008 รูบิโอ ในวัย 17 ปี โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่น และ มีส่วนสำคัญในการพาทีมชาติสเปน (ซึ่งถือเป็นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดชุดหนึ่ง) คว้าเหรียญเงินได้สำเร็จ ซึ่งถือได้ว่าเขากลายเป็นนักบาสเกตบอลชายที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศในศึกบาสเกตบอลโอลิมปิกเกมส์ แม้จะพลาดท่าต่อสหรัฐฯ ในรอบชิงชนะเลิศ แต่ปีต่อมา เขาสามารถสร้างความสำเร็จกับทีมชาติชุดใหญ่ ครั้งแรกด้วยการมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์การแข่งขัน ยูโร บาสเก็ต 2009 ที่ประเทศโปแลนด์ได้สำเร็จ

 

ความสำเร็จที่ยังไม่สมบูรณ์แบบเสียที

 

แม้จะเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สเปนกลับเริ่มมีผลงานที่ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะในเวทีใหญ่อย่างศึก บาสเกตบอลชิงแชมป์โลก และ โอลิมปิกเกมส์ ซึ่งนั่นคือความสมบูรณ์แบบในนามทีมชาติที่ยังขาดหายไปของ ริกกี้ รูบิโอ อีกด้วย สเปน ไม่ได้สามาถคว้าเหรียญใดได้เลยในการแข่งขันชิงแชมป์โลก นับตั้งแต่ปี 2006 ที่ประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับโอลิมปิก ที่พวกเขาทำได้แค่เหรียญเงินในปี 2012 (ซึ่ง รูบิโอ ไม่ติดทีมชุดนั้นจากอาการบาดเจ็บ) และ ปี 2016 ที่ดีกรีพวกเขาลดเหลือแค่เหรียญทองแดงเท่านั้น 

 

“I'm always trying to be, since i was a kid, trying to be the leader. But now i feel more mature ... more with the experience that i've had, I think i can lead the team.” คำกล่าวที่แสดงความเชื่อมั่นว่าตัวของเขาเองพร้อมแล้วสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีม

 

สำหรับการแข่งขันในนามทีมชาติ เพื่อทวงความยิ่งใหญ่ให้กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะโอกาสสำหรับการคว้าเหรียญทอง โอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับศึกบาสชิงแชมป์โลกที่กำลังดำเนินอยู่ และจะแข่งขันเสร็จในวันที่ 15 สิงหาคม นี้

 

I’d like to win the ring being the protagonist because a ring without playing  wouldn’t feel like mine. I want to have a leading role 

and now it’s time to find a team where I can achieve that goal.

 

ส่วนในการคว้าแหวนวงแรกสำหรับการแข่งขัน NBA  รูบิโอ เชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีพอที่ยังเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ โดยไม่ต้องเอาตัวเองไปอยู่กับเหล่าบรรดาซูเปอร์ทีม แล้วเป็นได้แค่ตัวประกอบเท่านั้น

          

 

แด่คุณแม่ผู้จากไป … แรงบันดาลใจสู่การจัดตั้ง Ricky Rubio Foundation    

 

26 พฤษภาคม 2016 คือวันที่ รูบิโอ ได้สัมผัสกับลมหายใจสุดท้ายของ โทนา วีฟส์ คุณแม่ของเขา อย่างไรก็ตาม การจากไปในครั้งนั้นทำให้หนุ่มจากสเปน ค้นพบเป้าหมายใหม่ในชีวิต ที่มีคุณค่าเกินจะบรรยาย

 

“In one of the last conversations I had with her, I promised her that I would do everything in my power to help others going through situations like hers, situations we unfortunately need to live through,”

 

โรคมะเร็งปอดพรากคุณแม่ไปจากเขา ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ทำให้ รูบิโอ ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น และก่อตั้งมูลนิธี ริกกี้ รูบิโอ เพื่อการให้ความรู้และส่งเสริมการป้องกัน เกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆที่ส่งเสริมเด็กอายุระหว่าง 8-14 ปี และนั่นคือแรงปรารถนาอันแรงกล้า ที่พูดแล้วลงมือทำอยู่เสมอ แบบชายที่ชื่อว่า ริกกี้ รูบิโอ

 


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

นวพล เกียรติไพศาล

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose