stadium

เบญจพร ลิ้มพาณิชย์ คว้าแชมป์ซีเกมส์ด้วยหลักคิดของคุณแม่

9 มิถุนายน 2563

“มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่ในวันนี้หนูได้ทำความฝันของตัวเป็นจริงแล้ว หนูทำให้แม่ภูมิใจได้แล้ว” เหรียญทองซีเกมส์ 2019 ของ “ปิ่น” เบญจพร ลิ้มพาณิชย์ นักกีฬายิมนาสติกลีลา นับเป็นความสำเร็จครั้งแรกในรอบ 8 ปีของวงการยิมนาสติกลีลาไทยในซีเกมส์ ครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปในปี 2011 ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง ''โม'' ธาราทิพย์ ศรีดี อดีตนักยิมนาสติกสาวทีมชาติไทย ที่ทำได้ 2 เหรียญทองในครั้งนั้น

 

ความสำเร็จดังกล่าวยังเป็นรางวัลตอบแทนความพยายามตลอดระยะเวลา 15 ปี นับตั้งแต่เริ่มต้นเล่นกีฬายิมนาสติก ซึ่งเส้นทางกว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านช่วงเวลาที่ท้อแท้ สิ้นหวัง และเคยหันหลังให้กับกีฬาที่เธอรักมาแล้ว แต่มีเพียงหนึ่งกำลังใจและความเชื่อมั่นที่สำคัญจากครอบครัวเท่านั้นที่ผลักดันให้เธอกลับมาสู้ต่อ

 

Facebook : Benjaporn Limpanich

 

เด็กขี้กลัวที่ฝันอยากตีลังกาได้

 

“หนูแค่อยากตีลังกาเป็น ตอนเด็กๆ หนูเป็นคนขี้กลัวมาก แค่ม้วนหน้ายังไม่กล้าเลย” เบญจพร ลิ้มพาณิชย์ เริ่มเล่าถึงตัวตนและความฝันในวัย 6 ขวบ

 

เด็กสาวจากจังหวัดอุบลราชธานีคนนี้ เริ่มรู้จักกีฬายิมนาสติกจากการชักชวนของญาติที่ต้องการลูกของเขามีเพื่อนไปเรียนยิมนาสติกในวันว่างสุดสัปดาห์ด้วยกัน เธอตัดสินใจตอบรับคำชวนโดยไม่มีข้อแม้ เพราะนี่คือโอกาสดีที่จะทำให้เธอตีลังกาเป็นซึ่งเป็นความฝันสูงสุดในเวลานั้น แต่ปรากฏว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เพราะสิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้คือการทำตัวให้อ่อนช้อย และด้วยความเป็นเด็กขี้กลัวทำให้ทุกอย่างดูยากไปหมด แค่ม้วนหน้าลงมาจากที่สูงยังไม่กล้า ใช้เวลาทำใจอยู่นานก่อนที่สุดท้ายโค้ชต้องเป็นคนผลักลงมาจนเกือบร้องไห้ ซึ่งการม้วนหน้าในวันนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณเริ่มต้นเส้นทางนักกีฬายิมนาสติก

 

Facebook : Benjaporn Limpanich

 

แรงบันดาลใจจากทีมชาติกับการต่อสู้เพื่อความภูมิใจของแม่

 

“หนูเริ่มอยากติดทีมชาติเพราะได้เห็นพวกพี่ ๆ ทีมชาติเขาโชว์ลีลาที่สวยงาม หนูเห็นแล้วก็อยากทำได้บ้าง”

 

เบญจพร เรียนรู้พื้นฐานอยู่ประมาณปีกว่า ๆ ก็มีโอกาสได้จับอุปกรณ์ติดทีมสโมสรเข้ามาแข่งในกรุงเทพ ฯ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีโอกาสได้เห็นนักกีฬาระดับทีมชาติ อย่าง “โม” ธาราทิพย์ ศรีดี รวมถึงคนอื่น ๆ ลงแข่งอย่างใกล้ชิด ด้วยลีลาที่อ่อนช้อย สวยงาม ทำให้ เบญจพร เริ่มมีความฝันอยากที่จะทำแบบนั้นให้ได้บ้าง จึงเก็บเอามาเป็นแรงบันดาลใจ ด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น เธอเปลี่ยนจากเด็กที่เรียนยิมนาสติกฆ่าเวลาในวันว่าง ไปเรียนบ้างหยุดพักผ่อนบ้าง กลายเป็นตั้งใจเรียนโดยไม่เคยขาดเรียนเลยสักครั้ง 

 

“แต่พอแข่งไปเรื่อย ๆ แม่หนูเห็นรุ่นพี่ขึ้นแท่นรับเหรียญในรายการเยาวชนแห่งชาติ แม่ก็บอกหนูว่าแค่ได้ธงจังหวัดแม่ก็น้ำตาจะไหลแล้ว และยิ่งถ้าเป็นหนูทำได้คงร้องไห้ไปแล้ว คำพูดนั้นของแม่เป็นเหมือนแรงกระตุ้นที่ทำให้เรายิ่งผลักดันตัวเองมากขึ้น ยิ่งแม่ภูมิใจมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งภูมิใจไปอีก อยากให้แม่มีความสุข”

 

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้เป็นตัวแทนจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ที่จังหวัดมหาสารคาม แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จจนถึงขั้นได้เหรียญรางวัล แต่ว่าลีลาของเธอในวันนั้นเกิดประทับใจ “ครูไก่” ดร.กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ได้ชักชวนให้เธอเข้ามาซ้อมด้วยกันที่สโมสรยิมนาสติกจินตนา ซึ่งเป็นสโมสรที่ปั้นนักกีฬายิมนาสติกเข้าสู่ทีมชาติเป็นประจำ

 

แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าความฝัน เธอตอบตกลงโดยแทบไม่คิด หลังจากนั้นทุกสุดสัปดาห์ เบญจพร จะนั่งรถไฟในช่วงเย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพเพื่อไปซ้อมยิมนาสติก และทุกวันอาทิตย์ก็จะนั่งรถไฟกลับเข้าอุบลราชธานี เพื่อมาให้ทันเรียนในเช้าวันจันทร์ เธอทำแบบนี้ซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนเรียนจบชั้นประถมศึกษา จากนั้นได้ตัดสินใจเก็บข้าวของมาเรียนต่อมัธยมศึกษาที่กรุงเทพเพียงลำพัง เพื่อที่จะได้มีเวลาซ้อมยิมนาสติกได้เต็มเวลามากยิ่ง ขึ้น

 

เมื่อเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ เบญจพร ได้ทุ่มเทเวลาให้ยิมนาสติกมากขึ้น ซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียน ทำให้เธอพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่การเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ

 

Facebook : Benjaporn Limpanich

 

อดทน มุ่งมั่น พยายาม หลักปรัชญาจากแม่สู่ลูก

กว่าจะมาถึงครึ่งทางของความฝันที่เธอวาดเอาไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตั้งแต่แต่เด็ก ๆ สมัยที่เธอเริ่มเล่นยิมนาสติกใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบันเธอต้องเจอทั้งคำดูถูกนินทาว่าร้ายต่าง ๆ จากคนที่ไม่หวังดีมาโดยตลอด แม้ว่าการเป็นนักกีฬาจะสอนให้รู้จักอดทนแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะรับมือไหวได้เหมือนกันทุกคน

 

ในปี 2017 เธอไม่ผ่านการคัดตัวเป็นทีมชาติชุดใหญ่ไปแข่งซีเกมส์ ที่ประเทศมาเลเซีย ทั้ง ๆ ที่ในเวลานั้นเธอเป็นมือ 2 ของทีมยิมลีลา ด้วยความผิดหวังเธอจึงตัดสินใจหันหลังให้กับกีฬาที่เธอรักเป็นเวลานานเกือบปี  โดยใช้เวลาในช่วงนั้นฟื้นฟูสภาพจิตใจและทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่เคยฝ่าฟันมา พร้อมกับนึกถึงคำพูดของคุณแม่สอนรู้จักอดทนและพยายามอยู่เสมอ

 

“ท้อมาก คิดถึงแม่ทุกวัน ในหัวหนูตอนนั้นมันเหมือนมีสองฝั่ง ฝั่งซ้ายก็บอกว่าไม่ไหว ส่วนฝั่งขวาก็บอกให้กลับสู้ต่อ คือเถียงกันอยู่ตลอด แต่สุดท้ายฝั่งที่ชนะก็คือฝั่งที่บอกตัวเองว่า ที่ผ่านมาเราทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร เราแค่มองสิ่งที่แม่ลงทุนให้ครึ่งค่อนชีวิต เราเองก็พยายามมาทั้งชีวิตแต่ยังมีเป้าหมายที่ยังไปไม่ถึง เมื่อได้คำตอบก็ทำให้หนูมองเห็นเป้าหมายที่ไกลกว่าเดิม หนูอยากคว้าเหรียญทองซีเกมส์ให้ได้สักครั้ง พอคิดได้แบบนั้นก็บอกตัวเองว่าเหนื่อยก็ช่างมัน เหนื่อยแค่วันนี้นอนหลับตื่นขึ้นมาก็เริ่มใหม่” 

 

Facebook : Benjaporn Limpanich

 

เอาความสำเร็จตอบกลับคำดูถูก

เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะสู้ต่ออีกครั้ง โดยเธอเลือกที่จะเก็บเอาคำสอนของคุณแม่เป็นแรงผลักดันไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง จนในที่สุดเธอก็เป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมกับคว้าเหรียญทองในประเภทอุปกรณ์คฑากลับมาได้ โดยเอาชนะแชมป์เก่าจากมาเลเซีย และเป็นเหรียญทองแรกของยิมนาสติกลีลาไทยในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ “โม” ธาราทิพย์ ศรีดี ไอดอลของเธอคว้า 2 เหรียญทองในปีนั้น

 

“วันนี้หนูทำความฝันสำเร็จแล้ว ขึ้นแท่นรับเหรียญรางวัลพร้อมธงชาติไทย เป็นอะไรที่ยิ่งกว่าความ หนูทำให้แม่ภูมิใจได้แล้ว”

“หนูกับกีฬายิมนาสติก เราเสียน้ำตาให้กันมาหลายร้อยลิตร มันมีตลอดทุกช่วงทุกวัย พอมองย้อนกลับไป ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้หนูเข้มแข็งและมาจนถึงจุดขนาดนี้

 

Facebook : Benjaporn Limpanich

stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose