23 กรกฎาคม 2564
1-0, 2-0, 3-0 และเกือบจะเป็นสี่ก่อนพักครึ่งหากลูกยิงของศูนย์หน้าจากแฮร์ธ่า เบอร์ลินอย่างกุนญ่าไม่ถูกฟลอเรียน มึลเลอร์ นายทวารจากสตุ๊ตการ์ทพุ่งปัดได้ถูกทาง เป็นครึ่งแรกที่ผมอาจพูดได้อย่างเต็มปากว่าพลพรรคแซมบ้าดูจะสนุกอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่อินทรีเหล็กเยอรมันเหมือนจะยังจูนกันไม่ค่อยติด
สิ่งที่ผมเห็นและกล้าคอนเฟิร์มได้เลยโดยไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนหลังจากได้ชมครึ่งแรกในรีแมตช์นัดชิงฯโอลิมปิกครั้งก่อนและถือเป็นการประเดิมโอลิมปิกครั้งใหม่ของสองทีมยักษ์ใหญ่ที่ถือว่าเป็นตัวเต็งช่วงชิงเหรียญทองหนนี้นั่นก็คือ “แผงหลังเยอรมันชุดนี้ช้าเป็นเรือเกลือ ในขณะที่เกมรุกแซมบ้าโหดกว่าที่คิดเยอะ” (โดยเฉพาะเจ้าริชาร์ลิสัน..มันจะคมอะไรขนาดนั้น)
ผมยังคิดเลยว่าถ้าบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวระหว่างช่วงพักครึ่งเกิดโค้ชอันเดร จาร์ดีนยังต้องการความมันส์และสั่งให้ลูกทีมของเขาเดินเครื่องต่อแบบ “เต็มสูบ” ชนิดติดเครื่องเทอร์โบเพื่อหวังโกยประตู 4-5-6 ผมคิดว่าเราอาจได้เห็นสกอร์หฤโหดแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในบอลโลกระหว่างสองทีมนี้อีกครั้งแน่ๆ (เหมือนในครั้งที่เยอรมันชุดใหญ่ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้บราซิลชนิดเละตุ้มเปะไปถึง 7 ลูกหนนั้นนั่นแหละ)
เพียงแต่ในรอยหยักบนสมองของกุนซือแซมบ้าคงคิดว่านี่มันแค่แมตช์แรกเท่านั้นและงานของบราซิลยังมีอีกตั้งสองแมตช์ที่ทิ้งเวลาไม่นานรออยู่ ดังนั้นการลงเล่นแบบเพลย์เซฟแบบไม่ต้องเอาตัวไปสุ่มเสี่ยงรับใบเหลือง-แดงหรือทำให้ผู้เล่นต้องเสี่ยงเจ็บคงดีกว่าการสร้างเฮดไลน์บนหน้าหนังสือพิมพ์ มันก็เลยไม่แปลกที่ว่าทำไมเราถึงไม่เห็นการโหมบุกเข้าใส่แบบในครึ่งแรกของนักเตะแซมบ้าตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง (ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารูปแบบการบุกของนักเตะแซมบ้าในต้นครึ่งหลัง ตัวที่เติมขึ้นมามีน้อยกว่าในครึ่งแรกกว่าครึ่งแถมสปีดบอลก็ดร็อปลงไปอย่างชัดเจน)
สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับเยอรมันคือหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้และความเป็นมืออาชีพ เพราะแม้ตัวผู้เล่นจะน้อยกว่าแถมสกอร์ก็ตามหลังห่างเป็นวาแต่พวกเขาก็เลือกที่จะแสดงออกซึ่งความพยายามที่จะเอาประตูคืนมาให้ได้
เยอรมันชุดนี้ยังไม่เป๊ะเท่าไหร่ในสายตาผมนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผงหลังที่ช้ามากบวกกับการขาดหายไปของโทนี่ โครสกองกลางตัวเก๋าจากเรอัลมาดริดที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ซึ่งมันส่งผลโดยตรงอย่างชัดเจนทั้งเรื่องสมดุลของทีมและการดีเลย์เกม เพราะจากที่เราได้เห็นคือแนวรุกแซมบ้าบุกฝ่าทะลุแดนกลางเยอรมันชนิด “ปลอดโปร่งโล่งสบาย” นั่นจึงทำให้เกมที่เราได้เห็นส่วนใหญ่เป็นบราซิลที่ดูเหมือนจะเต้นระบำท่ามกลางเสียงเพลงและสนุกอยู่ฝ่ายเดียว
และกับคำถามที่ว่า “ความพ่ายแพ้ของเยอรมันในนัดนี้จะส่งผลให้พวกเขาไม่ได้ไปต่อเลยมั้ย?”
“ไม่หรอก!” ผมยังเชื่อว่าเยอรมันยังไงก็ยังเป็นเยอรมันอยู่วันยังค่ำ! และกับคู่ต่อสู้ในสองเกมที่เหลือของพวกเขาอย่าง ไอวอรี่โคสต์ และ ซาอุฯ ผมว่าสองทีมนี้ยังไงก็ยังไม่ใช่ภัยคุกคามของพวกเขาอยู่ดีเพราะทั้งชื่อชั้น, ประสบการ์ณและเกรดตัวผู้เล่น เยอรมันก็ขี่กว่าเห็นๆ
และถ้าจะว่าไปเกมระหว่างบราซิลและเยอรมันในแมตช์ประเดิมสนามของทั้งคู่นัดนี้ถือเป็นเกมคุณภาพอีกเกมที่มีครบทุกอรรถรสจริงๆ ทั้งแฮตทริก, จุดโทษ, ใบแดงและนาทีบาปอย่างการสังหารประตูช่วงทดเจ็บ คุ้มค่ากับเวลา 90 นาทีบวกๆที่ได้ติดตามชมตลอดทั้งเกม แม้ว่าหนนี้อาจดูเหมือนว่าบรรยากาศมันอาจจะเงียบๆลงไปบ้างจากผลพวงของโควิดระบาด
แมตช์แรกในโตเกียวโอลิมปิกของบอลชายจบลงไปเป็นที่เรียบร้อย และจะว่าไปก็มีผลการแข่งขันที่เซอร์ไพร์สเกิดขึ้นหลายสนามเหมือนกัน นั่นทำให้หลังจากนี้คงเป็น “กำไรผู้ชม” เพราะบรรดาทีมใหญ่ๆที่ดันจั่วหัวด้วยการไม่มีแต้มอย่างฝรั่งเศส, อาร์เจนตินาและเยอรมันคงจะ “ใส่ไม่เลี้ยง” ในสองแมตช์หลังจากนี้ไปแน่ๆ
โอกาสการเข้ารอบต่อไปยังคงเปิดกว้างและแต่ละทีมยังมีหวัง
ว่าแต่ท่านผู้อ่าน..โอลิมปิกครั้งนี้ท่านเชียร์ทีมไหนอยู่ล่ะ? และผลการแข่งขันแบบนี้ “อกหักหรือเข้าทาง..?”
TAG ที่เกี่ยวข้อง