stadium

การต่อสู้กับมะเร็งร้ายของ จุไรรัตน์ ผลเลขา อดีตลูกยางสาวเยาวชนทีมชาติ

8 มิถุนายน 2563

ในวันที่ชีวิตเจอกับเรื่องเลวร้ายที่ไม่คาดฝัน ความเข้มแข็งและกำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนอย่างที่ “ไหม” อัจฉราวดี สิริพัฒนสมบัติ  หรือในชื่อเดิมที่คุ้นหูกัน “ไหม” จุไรรัตน์ ผลเลขา อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลเยาวชนทีมชาติไทย ทั้ง ๆ ที่เธอกำลังมีอนาคตที่สดใสกับเส้นทางการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลอาชีพ กลับมาต้องมาพบว่าตัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ และต้องยุติเส้นทางการเป็นนักกีฬาไว้ด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปี เพื่อเข้ารับการรักษา

 

ในวันที่ชีวิตมืดแปดด้าน หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมชีวิตต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้ให้ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง จนวันนี้เธอรักษาหายขาดและกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง และนี่คือเรื่องจริงจากประสบการณ์ตรงของเธอที่เล่าอย่างหมดเปลือกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก และการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เธอรักษามะเร็งจนหายขาด ซึ่งเธอนั้นอยากส่งต่อเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ให้กับคนที่กำลังท้อหรือเจอเรื่องเลวร้าย ได้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

 

 

จุดเริ่มต้นเส้นทางวอลเลย์บอล?

เริ่มเล่นตั้งแต่ ป.6 ค่ะ ตอนเด็ก ๆ เราเป็นคนตัวสูง ก็เลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่โรงหนองเรือขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำของจังหวัดขอนแก่นที่ป้อนนักกีฬาวอลเลย์บอลเข้าสู่ทีมชาติมาตลอด สมัยนั้นเราก็กินนอนและซ้อมที่โรงเรียน เริ่มต้นจากการอันเดอร์ ก่อนจะถูกจับไปเล่นตัวเซต แรก ๆ ก็ชอบนะเป็นกีฬาที่สนุก แล้วเราชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว ได้เจอเพื่อน 

 

แต่พอซ้อมไปซ้อมมีบางวันที่เราเริ่มรู้สึกว่ามันเหนื่อย มันท้อ ไม่รู้จะทำยังไง เคยแอบเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วหนีกลับบ้านอยู่หลายครั้ง หนีไปแบบไม่บอกใครเลยนะ คือตอนนั้นมันขี้เกียจซ้อม แต่พอโค้ชรู้แกก็ไปตามถึงบ้าน ก็ถือว่าโชคดีที่โค้ชเขาก็ให้โอกาสเราในตอนนั้น

 

แสดงว่าต้องฝีมือพอตัวถึงได้ติดเยาวชนทีมชาติ?

จริง ๆ ตอนเด็ก ๆ ก็แอบคิดมาตลอดค่ะว่าอยากติดทีมชาติ ถึงจะมีแอบหนีกลับบ้านบ้าง แต่เอาเข้าจริงเวลาซ้อมเราก็เต็มที่ทุกครั้ง พยายามซ้อมให้มากกว่าเพื่อนที่โรงเรียนเสมอ บางวันเพื่อนเลิกซ้อมไปแล้ว เรายังซ้อมอยู่เลยก็มี ซึ่งพอโตขึ้นมาก็มีโอกาสได้เล่นวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก กับ ไทย-เดนมาร์ก หนองเรือ , ศรีสะเกษ วีซี ก็มีโอกาสได้ไปคัดตัวเยาวชนทีมชาต รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีชุดชิงแชมป์โลกที่ประเทศเม็กซิโก สุดท้ายก็ภูมิใจค่ะที่มีโอกาสได้รับใช้ชาติตามที่ฝัน

 

 

วอลเลย์บอลให้อะไรกับ ไหม บ้าง?

เรียกว่าให้ทุกอย่างในชีวิตก็ว่าได้ ทั้งโอกาสในการเรียนมหาวิทยาลัยจนจบปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตย์ ไม่เสียค่าเทอมสักบาท แถมยังให้อาชีพเรามีงานทำเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมีเงินเดือน คือตั้งแต่ติดเยาวชนทีมชาติก็แทบไม่เคยขอเงินแม่เลย ยิ่งพอได้เล่นลีกก็ไม่ได้ขอเลยสักบาทมีแต่ให้กลับไป นอกจากนี้ยังสอนให้เราเป็นคนรู้จักเข้าสังคม ได้ปรับตัวอยู่กับเพื่อนใหม่ คือสังคมกีฬามันกว้างขวางมาก การเป็นนักกีฬายังสอนให้เราเป็นคนมีระเบียบวินัย รู้จักรับผิดชอบและตรงต่อเวลา

 

ดูเหมือนกำลังไปได้สวยกับการเล่นวอลเลย์บอล แต่อยู่ ๆ ชีวิตกลับพบว่าเราเป็นโรคมะเร็ง เล่าเหตุการณ์วินาทีนั้นให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไร?

ปกติแล้ววอลเลย์บอลลีกจะแข่งกันประมาณ 6 เดือน ซึ่ง ไหม ก็จะมีว่างประมาณ 6 เดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดฤดูกาลพอดี ตอนนั้นก็ไปทำงานอยู่ที่ชลบุรี แต่อยู่มาวันนึง อยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาตอนแรกก็ยังไม่ได้ไปหาหมอ ดูอาการอยู่ 2-3 วัน ซึ่งมันปวดหนักขึ้นทุกวันเลยตัดสินใจไปหาหมอ ครั้งแรกหมอบอกว่าน่าจะเป็นกรวยไตอักเสบ ก็นอนโรงพยาบาลอยู่หลายวันพอไม่หายก็ตัดสินใจผ่าตัดครั้งแรกก็ไม่เจออะไร 

 

หลังจากนั้นก็กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ประมาณ 20 วัน ก็กลับมาปวดท้องอีกเข้านี้เลยเปลี่ยนโรงพยาบาลมาที่พญาไท ศรีราชา ก็ผ่าตัดอีกคราวนี้เจอฝีในท้อง แต่หลังจากผ่าได้ 5 วัน หมอเอ็กซเรย์ พบว่าลำไส้เรามันแตก มันทะลุออกมา ก็เลยต้องผ่าตัดอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 หนนี้หมอบอกว่ามีก้อนเนื้ออุดลำไส้ทำให้ขับถ่ายไม่ได้ ลำไส้เลยทะลุ เลยต้องผ่าตัดยกลำไส้มาวางไว้บนหน้าท้อง หมอก็เอาก้อนเนื้อไปตรวจ 10 วันต่อมาก้ได้รู้ว่าเป็นเนื้อร้าย ก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นอยู่เกือบปีค่ะ 

 

ความรู้สึกตอนนั้นมันท้อมาก เหมือนโดนคาร์บอมที่ท้อง เจ็บหนักมาก ลุกจากที่นอนไม่ไหวเป็นเดือน ๆ วินาทีแรกที่รู้เราถึงกับช็อคไปแปป หน้าชา หัวนี่โล่งเลย ในใจก็กลัวจะไม่ได้เก็บลำไส้เข้าไปไว้ในท้อง จะต้องใช้ชีวิตแบบนั้นไปตลอดชีวิต

 

 

มีสัญญาณมาก่อนบ้างไหม?

ไม่มีเลยค่ะ น่าจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์มากกว่า เพราะว่าลุงของ ไหม ก็เป็นมะเร็งลำไส้มาก่อน แต่ของลุงตอนนั้เจอในระยะสุดท้ายและอายุก็เยอะแล้วก็เลยสู้ต่อไม่ไหว แต่ของ ไหม ก็ถืว่ายังมีโชคอยู่บ้างที่ตรวจเจอในระยะที่ 2 อายุก็แค่ 24-25 เลยพอมีเวลารักษา

 

ชีวิตตอนนั้นเป็นยังไง?

ช่วงแรก ๆ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่หดหู่มาก ๆ เคยบอกกับตัวเองว่าไม่นาตื่นขึ้นมาเจออะไรแบบนี้เลย ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร ทำไมชีวิตต้องเจอเรื่องแย่ ๆ ขนาดนี้ด้วย ร้องไห้ทุกคืน ฟุ้งซ่านตลอดคิดอยู่อย่างเดียวเมื่อไหร่จะหาย แต่ช่วงนั้นได้กำลังใจจากคนรอบข้างดีมาก ๆ ทั้งครอบครัวเพื่อนนักกีฬาวอลเลย์บอลด้วยกัน พรพรรณ เกิดปราชญ์ , อัจฉราพร คงยศ , หัตทยา บำรุงสุข ก็ช่วยประมูลเสื้อเพื่อมาช่วยเป็นค่ารักษาพยายาลให้เรา ยอมรับเลยค่ะว่าสำหรับคนที่กำลังเจอเรื่องร้าย ๆ อย่าง ไหม ในตอนนั้น กำลังใจมันมีความหมายและสำคัญมาก ๆ

 

แต่พอเริ่มทำใจยอมรับได้ก็ค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้น กว่าจะใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติก็ทำใจยอมรับอยู่นาน ช่วงแรก ๆ ไม่กล้าไปไหนมาเลยอยู่แต่ในบ้านกับไปโรงพยาบาล ด้วยความที่ลำไส้เรามันอยู่ตรงหน้าท้องทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะลำบากเรื่องห้องน้ำ เพราะเวลาขับถ่ายมันก็จะออกตรงลำไส้ที่อยู่หน้าท้อง 

 

พอเริ่มอยู่กับมันได้ เอาจริง ๆ ก็ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกตินะ ตลอด 2 ปีเป็นมะเร็งลำไส้ พอเราเริ่มเบื่อกับการใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน มันทำให้เราจมอยู่กับความรู้สึก ฟุ้งซ่าน ไหม เลยเริ่มหาทางทำให้ตัวรู้สึกดีขึ้น ก็เริ่มจากขับรถเล่นคนเดียว ขับไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมาย วันไหนที่คิดมากก็ออกไปขับรถเล่น ขับมันทั้งวัน ตั้งแต่เที่ยงยันค่ำ แก้เครียดได้

 

หลังจากนั้นก็อัพเลเวลขึ้น ด้ยการออกไปเที่ยวต่างจังหวัด อย่างเช่น ภูทับเบิก เราก็ไป พวกสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้บ้านไกลบ้านไปหมดเลย ใครชวนก็ไป ไปแล้วมันทำให้เรารู้สึกดีขึ้น หัวสมองปลอดโปร่งคลายความกังวล ไปเที่ยวได้ไม่เป็นปัญหา หลังจากนั้นก็เที่ยวบ่อยขึ้นจนเหมือนคนปกติ ถ้าคนไม่รู้จักเจอเราไม่บอกก็ไม่รู้นะว่าเราป่วย

 

 

แสดงว่าโรคมะเร็งลำไส้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ถ้าเรามัวแต่อยู่เฉย ๆ มันก็ฟุ้งซ่าน ทำให้เราจมอยู่กับความรู้สึกนึกคิดไปเอง การเป็นคนป่วยไม่ได้หมายความว่าเราทำอะไรเองไม่ได้ ซึ่งพออยู่ไปสักพัก ไหม ก็เลือกที่ทำให้ความรู้สึกตัวดีเองขึ้นมามากกว่า เพราะถ้าอยู่แบบเดิมก็มีแต่จะแย่ลง 

 

อยู่บ้านเฉยๆมันทำให้เราหดหู่จริง ๆ นะ ยิ่งช่วงทำคีโมแรก ๆ มีแต่คนบอกให้อยู่บ้านเพราะภูมิต้านทานมันน้อย แต่เรากลับรู้สึกว่าถ้าให้อยู่อย่างนี้สภาพจิตใจเราไม่มีทางดีขึ้นแน่ เลยตัดสินใจที่ออกไปหาอะไรทำให้รู้สึกดีขึ้น เลือกที่จะไม่ทำให้ตัวเป็นเหมือนคนป่วย ซึ่งวิธีของไหมก็คือการออกไปเที่ยว เดิมทีเราเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว มันก็เลยทำให้เราดีขึ้นจน

 

ผ่าตัดตั้ง 3 ครั้ง แถมยังต้องทำคีโมอีก “ไหม” มีวิธีเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันโดยไม่จมกับความรู้สึกได้อย่างไร?

อย่างแรกเลยคิดว่ามันเป็นเพื่อนที่เราต้องคอยดูแลมันให้ดี ถ้าเราดูแลไม่ดีกินของหมักของดองเราก็แย่ตามไปด้วย กินข้าวไม่ได้ก็ต้องพยายามกินเข้าไป ช่วงนั้นก็คิดอย่างเดียวถ้าเราไม่กินก็จะผอมเหลือแต่กระดูก ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็จะไม่สวย (หัวเราะ) กลัวไม่สวยก็เลยต้องกินข้าว กินวิตามิน กินยาบำรุง กินทุกอย่างที่มีประโยชน์กับร่างกายเรา พอรู้ว่าโรคนี้รักษาให้หายขาดได้ก็ยิ่งมีกำลังใจดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งกำลังใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ และสุดท้ายก็คืออย่าจมอยู่กับความรู้สึก ลุกขึ้นมาหากิจกรรมทำไม่ให้ฟุ้งซ่าน แล้วเราก็จะดูไม่เหมือนคนป่วย

 

 

ความเข้มแข็งแบบนี้เกิดขึ้นเพราะเราเป็นนักกีฬาหรือเปล่า?

ก็อาจจะจริงส่วนหนึ่ง เพราะการเป็นนักกีฬาก็สอนให้เราเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ อดทนต่อปัญหาและอุปสรรค แต่ ไหม คิดว่าต่อให้ไม่ใช่นักกีฬาทุกคนก็เข้มแข็งได้ มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะกล้าที่จะลุกขึ้นมาจากที่นอนแล้วหาสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองหรือไม่มากกว่า

 

อัพเดทชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีทุกอย่างค่ะ กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หายขาดแล้ว ช่วงแรก ๆ หมอก็จะนัดติดตามผลเลือกปีละครั้ง แต่ตอนนี้ก็หายขาดมากได้ 2-3 ปี แล้ว ซึ่งผลเลือดครั้งล่าสุดก็ปกติทุกอย่าง แต่หมอก็บอกว่าให้ดูแลตัวเองดี ๆ เพราะมันจะมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกถ้าหากเราไม่ดูแลตัวเอง ขนาดตอนเป็นนักกีฬาที่ว่าแข็งแรงก็ยังเป็นได้ แต่ถ้าดูแลตัวเองดีแล้วไม่มีอะไรน่าห่วง ตอนนี้ก็มีแผนจะเปิดธุรกิจส่วนตัวก็กำลังศึกษาอยู่ว่าจะทำอะไรดี แต่ส่วนตัวแล้วอยากจะเปิดร้านกาแฟหน้าโรงเรียนเก่าสมัยเด็ก

 

สามารถกลับไปเล่นวอลเลย์บอลอีกครั้งได้ไหม?

ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ไม่ได้เล่นมา 4-5 ปี แล้ว จริง ๆ ในใจก็อยากกลับไปเล่นอีกครั้งนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ก็คิดถึงอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปเล่นเหมือนกัน ว่าง ๆ ว่าจะลองขอไปซ้อมกับทีม ไอเดีย ขอนแก่น ซึ่งเป็นทีมบ้านเกิด ถ้าเป็นไปได้อยากเล่นเลย แต่ก็ยอมรับว่านักกีฬารุ่นใหม่มีแต่คนเก่ง ๆ คงจะสู้น้อง ๆ ไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ)

 

 

ส่งต่อกำลังใจถึงคนที่กำลังท้อ หรือ เจอเหตุการณ์ร้ายๆ ในชีวิตหน่อย?

กำลังใจมันเกิดขึ้นจากตัวเอง เราสร้างขึ้นจากตัวเองต่อมาก็ครอบครัว ต้องอยู่กับมันให้ได้ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้มีทางออก อยู่ที่เราจะรับมือกับมันไหวไหม อยากให้ทุกคนลุกขึ้นสู้นะคะ ไม่ว่ากำลังเจอกับเรื่องอะไรที่บั่นทอนกำลังใจคุณอยู่ อยากให้กล้าทำในสิ่งที่คิดว่าดีกับตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในที่มีแต่กำลังใจ อย่าไปจมกับความรู้สึก ต้องอดทนให้มาก ๆ อย่าไปท้อ แรก ๆ อาจจะท้อแต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ซึ่ง ไหม เองก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่ก็สู้จนผ่านเรื่องที่คิดว่าหนักหนาที่สุดในชีวิตมาได้แล้ว และที่สำคัญอย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาท เพราะขนาด ไหม เป็นนักกีฬาคิดว่าตัวเองแข็งแรงมาก ไม่น่าจะป่วยเป็นโรคร้ายแบบนี้ได้


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator

โฆษณา