20 กรกฎาคม 2564
ถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติในทุกๆกิจกรรมการแข่งขันของเหล่าบรรดานักเสี่ยงโชคที่จะถือโอกาสลุ้นรวยทางลัด และกีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอลก็คงจะหนีไม่พ้นที่ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทาง
แน่นอนว่าในแวดวงเสี่ยงโชคในทุกๆทัวร์นาเมนต์ย่อมมีการตัดเกรดปล่อยเรตของทีมลุ้นเหรียญทองออกมาก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นให้เหล่าบรรดานักเสี่ยงโชคได้เลือกจิ้มตามอัธยาศัย และในโตเกียวโอลิมปิกหนนี้ก็หนีไม่พ้นด้วยเช่นกัน
บราซิลถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งตามคาด ตามมาด้วยฝรั่งเศส, สเปน และเยอรมัน ที่สองรายหลังสำนักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่เลือกจ่ายที่เรตเท่ากัน ในขณะที่เจ้าภาพอย่างญี่ปุ่นเองก็ถูกวางให้เป็นเต็งห้าด้วยความเชื่อที่ว่าพวกเขาหมายมั่นกับการคว้าเหรียญให้ได้ในบ้านตัวเอง
จุดที่น่าแปลกใจคือตัวแทนจากทวีปคอนคาเคฟทั้งสองรายอย่างเม็กซิโกและฮอนดูรัสกลับถูกสำนักเสี่ยงโชคหลายเจ้าจัดอันดับให้ไปอยู่โซนท้ายๆ บางเจ้าถึงขนาดออกเรตแบบกึ่งสบประมาทด้วยเรตแทง 1 จ่ายถึง 50 เลยก็มีให้เห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮอนดูรัสพวกเขาถูกตัดเกรดให้อยู่ในระนาบเดียวกับเต็งบ๊วยอย่างซาอุฯและแอฟริกาใต้ด้วยการแทง1จ่ายถึงปาเข้าไปถึงตั้ง 500 นู่น
“โห!..ใครจะไปเชื่อ เม็กซิโกโอ้โหบาทเดียวได้ตั้ง 50”
มีคนเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าอยากรู้อะไรให้ถามนักเสี่ยงโชคเพราะคนพวกนี้เหมือน “นกรู้” ที่คลุกคลีอยู่แต่เรื่องอินไซด์แถมยังมีสกิลวิเคราะห์เก่ง-แม่นยำไม่ต่างจากนอสตราดามุสเสียอีก
ผมว่าการที่เม็กซิโกถูกบรรดาโต๊ะตัดเกรดแบบนี้(ในแบบที่ตามหลังแม้กระทั่งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วยซ้ำ) นั่นเพราะสำนักเสี่ยงโชคทั้งหลายแหล่ดูจะไม่ให้ภาษีทีมนี้เท่าไหร่ และที่สำคัญมันอาจจะมาจากสองเหตุผลใหญ่ๆที่ผมจะกล่าวหลังจากนี้ไปก็อาจจะเป็นไปได้
ข้อแรกเลยนะ “จังโก้หนนี้มาแบบไม่ฟูล!”
ด้วยความที่ว่าทีมเม็กซิโกชุดใหญ่มีคิวลงหวดรายการคอนคาเคฟ โกลด์ คัพ รายการที่มีสเกลใหญ่ระดับชิงแชมป์ทวีปซึ่งรายการที่ว่าดันจัดตารางแข่งทับกับโอลิมปิกพอดี ดังนั้นบรรดาแข้งดาวดังมากมายทั้งหลายแหล่จึงต้องถูกโยกไปอเมริกาอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และนั่นส่งผลโดยตรงต่อขุมกำลังของเม็กซิโกที่โตเกียวขึ้นมาทันที เพราะอย่างที่เราๆท่านๆเห็นๆกันว่าทีมเม็กซิโกจูเนียร์ที่มาโตเกียวหนนี้มีแต่นักเตะโนเนมทั้งนั้นและนี่แหละคือเหตุผลสำคัญที่อาจทำให้พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ข้อต่อมา คือความซวยจากผลจับติ้ว
ยอมรับตามตรงว่าการที่เม็กซิโกถูกจับให้ไปอยู่ร่วมกลุ่มกับทั้งเต็งสองฝรั่งเศสและเจ้าภาพญี่ปุ่นถือเป็นความซวยที่ไม่มีใครกล้าปฎิเสธ เพราะด้วยเกรดตัวผู้เล่นของเม็กซิโกเองที่ฟอร์มทีมมาจากผู้เล่นจากลีกภายในประเทศเกือบทั้งหมด การจะมาวัดวากับฝรั่งเศสและญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยนักเตะจากยุโรปเต็มทีมแบบนี้ดูยังไงก็ไม่ต่างอะไรกับการ “เอาไข่กระทบหิน” หรือพูดง่ายๆมันอ่อนกว่ากันชนิดแทบไม่เห็นไฟท้าย
ไหนจะเรื่องความเสียเปรียบในตารางการแข่งขันที่พวกเขาต้องดวลกับทีมตราไก่ตั้งแต่ไก่โห่แล้วต่อด้วยเจอกับเจ้าบ้านญี่ปุ่นอีก ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงโอกาสที่พวกเขาจะมีแต้มจากในสองนัดนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันปัสสาวะเหนียว (ฝรั่งเศสคงเน้นเต็มสูบตั้งแต่นัดแรกแน่ๆ ในขณะที่ญี่ปุ่นคงผ่านแอฟริกาใต้ได้แบบแช่แป้งและน่าจะโฟกัสนัดดวลจังโก้เป็นหลักเพราะหากพวกเขาชนะนั่นก็จะเพียงพอให้พวกเขาได้ไปต่อแบบที่ไม่ต้องไปลุ้นนัดสุดท้ายในการดวลกับตราไก่ฝรั่งเศสทันที)
นั่นแหละคือสองเหตุผลใหญ่ๆที่ว่าทำไมเหล่ากูรู, เซียนอยู่ตู้ และรวมไปถึงบรรดาโต๊ะเล็กโต๊ะใหญ่ถึงต่างพากันเบือนหน้าหนีทีมจังโก้กับความหวังในการคว้าเหรียญทองที่ญี่ปุ่นหนนี้
เพียงแต่ว่าถ้าถามความเห็นผมนะ ผมว่าเม็กซิโกทีมนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากขนาดนั้น และจริงอยู่ที่ว่าพวกเขาใช้นักเตะจากลีกภายในประเทศของพวกเขาเองเป็นแกนหลักแถมส่วนใหญ่ยังเป็นพวกโนเนม จะมีให้เห็นก็แค่ดิเอโก้ ไลเนซ ปีกตัวเก่งจากเรอัล เบติสและกิลเยร์โม่ โอชัว นายทวารอดีตเด็กเก่าอฌักซิโอ้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเดอะแบกประจำทีม แต่ผมว่านี่แหละคือสิ่งที่อาจทำให้พวกเขากลายเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเม้นต์
คิดกันง่ายๆนักเตะโนเนมที่ว่าหากอยากเด่นอยากดังพวกเขาจะต้องทำยังไงล่ะ?
“ใช่ครับ! ต้องเล่นให้ปังที่สุดในรายการใหญ่เท่านั้น” และโอลิมปิกนี่แหละคือรายการที่ว่า
ใครจะว่าไงก็ช่างแต่สำหรับผมนะ ยังไงจังโก้ก็ยังน่ารักน่าลุ้นอยู่ดีนั่นล่ะ!
TAG ที่เกี่ยวข้อง