13 กรกฎาคม 2564
หากใครจะกล่าวถึงโอกาสของบรรดาตัวแทนจากทวีปเอเชียในการลุ้นเหรียญในกีฬาอย่างฟุตบอลในโอลิมปิกครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้นเต้ยทวีปอย่างทีมชาติญี่ปุ่น
เพราะจากข่าวสารที่ออกมาและจากลิสต์นักเตะที่โค้ชฮาจิเมะ โมริยาสุ เลือกใช้ ขุมกำลังเมื่อเทียบกันกับเพื่อนร่วมทวีปอีกสามชาติอย่างเกาหลีใต้, ออสเตรเลียและซาอุฯ ดูยังไงญี่ปุ่นก็ดูจะแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า
เกาหลีใต้ไม่มี ซน ฮึง-มิน ดาวยิงตัวความหวัง-เดอะแบกประจำทีม ในขณะที่แกนหลักของทีมส่วนใหญ่ก็มาจากลีกภายในแทบทั้งสิ้น ส่วนออสเตรเลียของโค้ชเกรแฮม อาร์โนลด์ แม้จะมีนักเตะอยู่กันครบทีมและกว่าครึ่งก็เล่นอยู่ในอังกฤษแต่ผลการแข่งขันที่ผ่านมาในเกมอุ่นเครื่องตลอดทั้งปีนี้ พวกเขาก็ดันดวงแตกแพ้รวดมาได้ทุกนัด (แพ้แม้กระทั่งไอร์แลนด์ชุดยู 21) ฟอร์มบู่แบบกู่ไม่กลับจนหลายคนบอกว่าทีมจิงโจ้ยังคงจูนกันไม่ติดนั่นล่ะ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทีมเศรษฐีน้ำมันอย่างซาอุฯกับประสบการ์ณอันน้อยนิดในเวทีที่มีสเกลใหญ่ระดับนี้และด้วยเกรดนักเตะที่พวกเขามีก็คงเป็นเรื่องยากหากจะเชียร์ให้ขึ้น(ซาอุฯถูกกูรูหลายสำนักทั้งในและนอกชูมือออกเสียงแบบพร้อมเพรียงกันยกให้เป็นเต็งบ๊วยแบบที่ไม่มีใครกล้าเถียง)
และถ้าจะมองกันยาวๆผมว่ามันก็มีเหตุผลหลักๆอยู่ 2 ข้อนะที่จะทำให้ญี่ปุ่นไปได้ไกลในโอลิมปิกหนนี้
ข้อแรกเลยคือคำว่า “เจ้าบ้าน”
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการได้ลงเล่นในฐานะเจ้าบ้านทุกเกมย่อมได้เปรียบกว่าคู่แข่งในหลายๆด้าน ทั้งการปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศ, เวลาและความคุ้นเคยกับพื้นหญ้าในสนาม และถ้าหากไอโอซีและรัฐบาลญี่ปุ่นเกิดไฟเขียวอนุญาตให้มีผู้ชมเข้าชมได้อีก นั่นก็จะยิ่งเป็นแรงส่งให้พวกเขาได้เปรียบคู่แข่งตลอดทั้ง 90 นาที
คิดกันง่ายๆ โอลิมปิกหนนี้ที่ทีมคู่แข่งของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ล้วนมาจากต่างทวีปแทบทั้งนั้นและการจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆมันต้องอาศัยเวลาที่นานพอสมควรอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องระบบการหายใจ, การเคลื่อนไหวของลูกฟุตบอลบนพื้นหญ้าในสนาม และไหนจะเรื่องการให้ร่างกายปรับตัวกับไทม์โซนใหม่ที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องแบบนี้มักทำให้ทีมใหญ่ตกม้าตายมาแล้วตั้งไม่รู้กี่สิบหน
ข้อต่อมา คือ ผลจับติ้วที่เป็นใจ
การได้ผลการจับฉลากที่มีทั้งเม็กซิโก, แอฟริกาใต้และฝรั่งเศสอยู่ร่วมสายดูผิวเผินอาจมองว่าเป็นฝันร้ายของญี่ปุ่น แต่ถ้าหากเรามาโฟกัสกันให้ดีๆ บางทีนี่ก็อาจไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้นก็เป็นได้
เพราะอะไรหน่ะหรอ?
อย่าลืมว่าเม็กซิโกมีคิวลงเล่นคอนคาเคฟ โกลด์คัพที่ถือเป็นรายการชิงแชมป์ระดับทวีปซึ่งคิวหวดมันดันทับกับโตเกียวโอลิมปิกพอดิบพอดี นั่นก็จะเท่ากับว่าบรรดาแข้งตัวเก่งของทีมหลายคนจะต้องถูกโยกไปใช้ที่อเมริกาและมาช่วยทีมที่โตเกียวไม่ได้
ในขณะที่ทีมชาติฝรั่งเศสของโค้ชซิลเวน รีปอล์ บรรดาบิ๊กเนมอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป, พอล ป็อกบา และอุสมาน เดมเบเล่ ต่างไม่มีชื่อในทีมชุดนี้ และจากข่าวที่ออกมาว่าบรรดาสโมสรใหญ่ในยุโรปหลายทีมโดยเฉพาะจากฝั่งเกาะอังกฤษ, สเปนและอิตาลีที่ต่างพร้อมใจกันปฎิเสธส่งนักเตะมาร่วมทีมเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในเรื่องโควิด-19 บวกกับแถลงการ์ณของฟีฟ่าที่อนุญาติให้สโมสรพิจารณาไม่ปล่อยตัวนักเตะได้หากปรากฎว่าอาจส่งผลกระทบต่อการเตรียมทีม นั่นยิ่งทำให้ญี่ปุ่นมีหวังมากขึ้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพื่อนร่วมกลุ่มอีกทีมอย่างแอฟริกาใต้ ซึ่งระหว่างที่ท่านผู้อ่านกำลังอ่านบทความชิ้นนี้อยู่ ทีมชาติแอฟริกาใต้ก็พึ่งได้รับข่าวร้ายว่ามีนักเตะแกนหลักของทีมมากถึงห้าคนต้องประกาศถอนตัวอย่างกะทันหันเนื่องจากพวกเขาติดโควิด-19 แถมรายงานข่าวยังบอกอีกด้วยว่ายังมีกลุ่มเสี่ยงในทีมอีกหลายคนที่กำลังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจ พูดง่ายๆแคมป์ทีมชาติแอฟริกาใต้ในตอนนี้คงกำลังวุ่นวายและดูจะไม่พร้อมเอาเสียเลย
อีกเรื่องเกี่ยวกับผลของการจับติ้วที่ผมมองไปไกลขึ้นอีกนิดว่าหากญี่ปุ่นเกิดเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ โอกาสที่พวกเขาจะบินสูงก็ดูจะมีมากเสียด้วยหน่ะสิ!
เพราะการไขว้กันกับกลุ่มบีที่มีฮอนดูรัส, เกาหลีใต้, นิวซีแลนด์และโรมาเนีย ไม่ว่าใครจะเข้ารอบมองยังไงญี่ปุ่นก็สู้กับทีมเหล่านี้ได้
และนี่แหละครับคือสองเหตุผล(ใหญ่ๆ)ที่ผมมองว่าจะช่วยส่งให้ทีมซามูไรบูลไปได้ไกลในโอลิมปิกหนนี้
ว่าแต่ท่านผู้อ่าน...เห็นด้วยหรือเห็นต่าง?
TAG ที่เกี่ยวข้อง