stadium

การเผชิญหน้าของ 2 เมสซี่

5 มิถุนายน 2563

การเผชิญหน้าของ 2 เมสซี่
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย

7 ประตูต่อ 5 คือผลรวมสองนัดที่ช่วยส่งให้ทีมชาติไทยเข้าสู่รอบตัดเชือกรอบสุดท้ายหรือที่ใครหลายคนมักเรียกรอบนี้ว่า “รอบเพลย์ออฟอินเตอร์-คอนเฟดไปบอลโลก” ได้สำเร็จ (ในช้างศึก โรดทู กาตาร์ 2022 (Changsuek road to Qatar 2022) บนแพลตฟอร์มแบบเวอร์ชวล ทัวร์นาเม้นท์ของ PES2020)

และอย่างที่ใครหลายคนทราบคู่ต่อสู้ของเราในรอบต่อไปคือกระดูกชิ้นใหญ่อย่างอาร์เจนตินาทีมอันดับ 9 ของโลก ถือเป็นการพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการในแพลตฟอร์มที่ว่า ภายใต้เงื่อนไขที่ใครมีชัยจากเกมทั้งสองนัดจะได้สิทธิ์ไปกาตาร์แบบอัตโนมัติ

อุ้มจังปะทะกุน อเกวโร่, มุ้ยซังวัดเกือกกับโอตาเมนดี้, แชมป์ ศิวรักษ์ต้องบินหยุดลูกยิงดิบาล่าให้ได้ ในขณะที่เมสซี่ไทยได้ดวลลีโอเนล เมสซี่ คิดกันแค่นี้ดีกรีของความตื่นเต้นก็พุ่งปรี๊ดชนิดปรอทแทบแตก

จะว่าไปในโลกแห่งความเป็นจริงจากบันทึกอย่างเป็นทางการในเกมที่ฟีฟ่ารับรองระหว่างทีมชาติไทยกับอาร์เจนตินา เราเองยังไม่เคยมีโอกาสได้พบกับเขาแบบจริงๆจังๆเลยซักครั้ง และการดวลกันระหว่างนักเตะไทยกับเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 6 สมัยอย่างลีโอเนล เมสซี่ที่ใกล้เคียงที่สุดก็เห็นจะเป็นในรายการแชมเปี้ยนคัพที่ไทยเปิดบ้านพ่ายให้บาร์เซโลน่าเมื่อปี 2013 (พ่ายคาบ้านแบบขาดลอย1-7) โดยแมตช์ดังกล่าวเมสซี่ก็เหมาคนเดียวสองลูกในขณะที่ไทยได้ประตูโทนจากจุดโทษของมุ้ยช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 3 นาที

ผมจำได้ว่าเรื่องราวของเจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ก่อนที่เจ้าตัวจะมีวันนี้วันที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ เจเองต้องฝ่าฟันอุปสรรค์มามากมายและหนึ่งในอุปสรรค์ที่ยากที่สุดคือการที่คนรอบข้างไม่ได้ให้การยอมรับ

ด้วยความที่เป็นเด็กรูปร่างเล็ก แม้จะมีความคล่องแคล่วว่องไวแต่ฟุตบอลในสมัยก่อนนั้นโค้ชหลายท่านก็ให้ความสำคัญกับสรีระมากกว่าด้านทักษะ (เพราะทักษะมันฝึกฝนกันได้แต่สรีระร่างกายนั้นแตกต่าง) ทำให้การเดินสายตัดตัวในหลายครั้งทั้งคุณพ่อก้องภพ สรงกระสินธ์และตัวเจเองต่างได้รับแต่ความผิดหวังกลับบ้าน

เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวของลีโอเนล เมสซี่ที่ในช่วงอายุแค่ 10 ปี หมอได้บอกกับแม่ของเขาถึงอาการผิดปกติจากภาวะขาดฮอร์โมนเจริญเติบโตในเด็กที่พบได้ในอัตราส่วน 1 ต่อ 20 ล้านคน ซึ่งการรักษาจำเป็นต้องใช้เวลานานหลายปีแถมยังมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ประกันสุขภาพของพ่อของเขาจะสามารถจ่ายได้

เมสซี่ซึ่ง ณ ขณะนั้นกำลังเป็นที่สนใจจากสองสโมสรใหญ่ในอาร์เจนตินาอย่างนีเวลส์ โอลด์บอยส์ และ ริเวอร์เพลท แต่ด้วยปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศในตอนนั้น สองสโมสรที่ว่าก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาให้กับครอบครัวของเมสซี่ จนสุดท้ายจากความพยายามของครอบครัวด้วยการส่งเทปการเล่นฟุตบอลของเจ้าตัวให้บาร์เซโลน่าจึงเป็นที่มาของสัญญาฉบับแรกที่ทำกันในร้านอาหารผ่านกระดาษทิชชู่เช็ดปาก

เกมระหว่างทีมชาติไทยกับอาร์เจนติน่าในแมตช์ชิงตั๋วไปบอลโลกใบสุดท้าย หากใครจะบอกว่า “เหมือนสวรรค์เล่นตลก” ก็คงจะไม่ผิด เพราะกว่าที่เราจะฝ่าฟันผ่านรอบแบ่งกลุ่ม 12 ทีมสุดท้ายที่มีทั้งญี่ปุ่น, ออสเตรเลียและซาอุฯ มาได้ก็ต้องลุ้นกันน้ำลายเหนียวคอแบบที่ต้องรอกันจนถึงนัดสุดท้าย แถมการดวลอิรักในรอบเพลย์ออฟแม้จะเป็นการเก็บชัยได้ทั้งสองนัดแต่มันก็ไม่ใช่งานที่ง่าย

เพราะ “ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป” และความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่คือการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค บางทีคนเขียนบทที่เจาะจงให้รอบนี้เป็นการพบกันระหว่างทีมชาติไทยกับอาร์เจนตินาและการเผชิญหน้ากันระหว่างสองเมสซี่ นอกเหนือจากเรื่องอรรถรสในการรับชมแล้วบางทีมันอาจแฝงเรื่องของข้อคิดและทำให้เรานึกถึงแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง

แรงบันดาลใจที่ว่าสวรรค์อาจเล่นตลกกับเราด้วยการมอบบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ผ่านพรสวรรค์และตำหนิที่มอบมาให้ อยู่ที่ตัวเราว่าเราจะคิดกันอย่างไร? จะยอมแพ้และเอาแต่โทษดวงชะตาแบบที่ไม่ยอมทำอะไร หรือจะลุกขึ้นสู้ด้วยความมุ่งมั่นและยืนหยัดในความอดทนเพื่อก้าวข้ามบททดสอบนั้น? ก็เหมือนกับความสำเร็จในช่วงข้ามคืนที่เราเห็นจากเจ และ เมสซี่ ที่มันเกิดขึ้นจากการไม่ยอมแพ้และจากการทำงานหนักมาตลอดหลายปีนั่นแหละ

ไทยปะทะอาร์เจนตินาชิงตั๋วไปบอลโลกใบสุดท้ายและการเผชิญหน้าระหว่างสองนักเตะผู้ไม่ยอมแพ้ให้แก่ชะตากรรมเมื่อตอนเป็นเด็ก บทสรุปจะออกมาเป็นแบบไหน? 9 มิ.ย.นี้ได้เริ่มรู้กัน...


stadium

author

“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย

โฆษณา