stadium

เกิดอะไรขึ้นไปแล้วบ้าง กับ ยูโร 2020

28 มิถุนายน 2564

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 ดำเนินมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายกันแล้ว และได้ผู้ชนะที่เข้าไปรอในรอบ 8 ทีมสุดท้ายบ้างแล้วเช่นกัน มีเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในการแข่งขันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เราไปย้อนดูกันดีกว่ามา นอกจากผลแพ้ชนะแล้ว มีเกร็ดอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษบ้าง

 

  • มีการพลาดจุดโทษเกิดขึ้นไปแล้ว ถึง 6 ครั้ง จากการยิงจุดโทษทั้งหมด 13 ครั้ง ได้แก่ ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก vs ฟินแลนด์, แกเร็ธ เบล vs ตุรกี, เอซยาน อลิออสกี้ vs ยูเครน, รัสลาน มาลินอฟสกี้ vs มาซิโดเนียเหนือ, เคราด โมเรโน่ vs โปแลนด์ และอัลบาร์โร่ โมราต้า vs สโลวะเกีย

 

  • มีการทำเข้าประตูตัวเองทั้งหมด 8 ครั้ง มากกว่าจำนวนประตูของดาวซัลโว(คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 5 ประตู) ได้แก่ เมห์ริล เดมิราล vs อิตาลี, วอยเซ็ก เชสนี vs สโลวะเกีย, มัตส์ ฮุมเมล vs ฝรั่งเศส, รูเบน ดิอาส กับ ราฟาเอล เกอร์เรโร vs ฝรั่งเศส, ลูคัส ฮราเดคกี vs เบลเยี่ยม และ มาร์ติน ดูบราฟก้า กับ ยูราจ คุกกา vs สเปน
  • การทำเข้าประตูตัวเองของเชสนี นายทวารชาวโปแลนด์ ในเกมที่เจอกับสโลวะเกีย นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยูโร ที่ผู้รักษาประตูทำเข้าประตูตัวเอง

 

  • โรเมลู ลูกากู, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, อีวาน เปเรซิซ และ เชอร์ดาน ชากิรี่ เป็นนักเตะเพียงแค่ 4 คน ที่สามารถทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ระดับชาติถึง 4 รายการติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 2014, ยูโร 2016, ฟุตบอลโลก 2018 และล่าสุดในรายการนี้ ยูโร 2020

 

  • แม้จะไม่สามารถทำประตูได้แม้แต่ลูกเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ แกเรธ เบล ก็ทำสถิติใหม่ เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร ที่สร้างสรรค์โอกาสใหญ่ได้ถึง 5 ครั้งในเกมเดียว คือเกมที่เวลส์เอาชนะตุรกีไป 2-0 ซึ่งเบลก็ทำได้ 2 แอสซิสต์ในเกมนั้น

 

  • แพทริก ชิค กองหน้าร่างยักษ์ชาวเช็ก ซัดไกลเกือบครึ่งสนามใส่สกอตแลนด์ ในระยะ 49.7 หลา ซึ่งถูกนับว่าเป็นประตูที่ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยูโร โดยศูนย์หน้าจาก ไบเออร์ เลอเวอร์คูเซ่น ซัดไปแล้ว 4 ประตูในรายการนี้ ยังคงมีลุ้นคว้าดาวซัลโวอีกด้วย
  • ไม่เพียงแค่พาทีมชาติเล็ก ๆ อย่างมาซิโดเนียเหนือ มาลุยศึกยูโรครั้งแรก แต่ตัวรุกวัย 37 ปี โกราน พานเดฟ ยังเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูให้ชาติของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้อีกด้วย และเจ้าตัวก็ได้ยุติอาชีพในระดับทีมชาติหลังจบนัดที่สามในรอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย โดยทางเนเธอร์แลนด์ก็ได้มอบเสื้ออัศวินสีส้ม พร้อมสกรีนชื่อเขาเป็นของที่ระลึกก่อนแข่ง

 

  • มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ผู้รักษาประตูของเนเธอร์แลนด์ คือนักเตะที่อายุมากที่สุด ที่ลงเล่นในศึกยูโรครั้งนี้ ด้วยอายุ 38 ปี 5 เดือน โดยเขาได้เฝ้าเสาให้ทีมกังหันลมทั้งหมด 4 นัด เก็บไปได้ 2 คลีนชีต

 

  • ส่วนทางนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนาม คือ แคกเปอร์ คอสโลสกี้ มิดฟิลด์จากโปแลนด์ ที่ลงประเดิมสนามในฐานะตัวสำรอง เกมพบกับสเปน โดยเขามีอายุเพียง 17 ปี 246 วัน 

 

  • ทีมชาติอิตาลี โชว์ฟอร์มสุดร้อนแรงที่สุดในรอบหลายปี พวกเขาเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการชนะทั้งหมด 3 นัด โดยไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว!!! ความแกร่งของทัพอัซซูรี ยังพาพวกเขาเก็บสถิติไร้พ่ายไปเป็น 31 นัดติดต่อกัน ทำลายสถิติเดิมที่พวกเขาเคยทำไว้ช่วงปี 1935-1939
  • ทีมชาติเดนมาร์ก เจอกับมรสุมรุมล้อมตั้งแต่สองเกมแรก ทั้งอุบัติเหตุสุดช็อคโลกของคริสเตียน อีริคเซ่น ในเกมพ่ายให้ฟินแลนด์ 1-0, การถูกเบลเยี่ยมแซงชนะ 2-1 แต่ทีมโคนมก็ไม่ย่อท้อ เดินหน้าถล่มรัสเซียในเกมที่สาม 4-1 พลิกแซงฟินแลนด์เข้ารอบ 16 ทีมมาได้สำเร็จ นับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยูโร ที่พลิกเข้ารอบได้หลังจากพ่ายแพ้ไปใน 2 เกมแรก แถมต่อจากนั้นยังโชว์ฟอร์มเด็ด ปราบเวลส์ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ขาดลอย 4-0 อีกด้วย 
  • สถิติเดิมของ มิเชล พลาตินี่ ที่ซัดไป 9 ประตูในศึกยูโร ได้ถูกทำลายลง และผู้พิชิตก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นยอดดาวยิงแห่งยุค คริสเตียโน่ โรนัลโด้นั่นเอง โดย “ซีอาร์เซเว่น” ที่เดิมซัดไปแล้ว 9 ประตูเท่ากัน ได้ซัดอีก 2 ประตูในเกมเจอฮังการี ต่อด้วยหนึ่งประตูในเกมกับเยอรมัน และปิดท้ายด้วย 2 ประตูในเกมเจอฝรั่งเศส ทำให้เขาสร้างสถิติใหม่ไว้ที่ 14 ประตู แถมยังล้มสถิติของมิโลสลาฟ โคลเซ่ ที่ยิงรวมทั้งฟุตบอลโลกและยูโรไว้ 19 ประตู โดยยอดรวมสองทัวร์นาเมนต์ของโรนัลโด้ในตอนนี้คือ 21 ประตู และแน่นอนว่าสถิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโรนัลโด้ ก็เกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์นี้เช่นกัน คือการยิง 109 ประตูในนามทีมชาติ เทียบเท่ากับสถิติสูงสุดตลอดกาลของ อาลี ดาอี ดาวยิงชาวอิหร่าน แต่น่าเสียดายที่โรนัลโด้ยังคงไม่ได้เพิ่มตัวเลขของเขาในเร็ว ๆ นี้ หลังจากพ่ายให้กับเบลเยี่ยม ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไป

 

  • จากที่ถูกคาดการว่าจะมาเป็นทีมไม้ประดับในกลุ่มเอฟ แต่ว่าฮังการี ก็ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับโลกฟุตบอล ยันเสมอกับโปรตุเกสมาจนถึงนาทีที่ 84 ได้(ก่อนจะโดนรัว 3 ประตู) ขึ้นนำฝรั่งเศส และเยอรมัน(2ครั้ง) ก่อนจะเสมอกับทั้งสองทีมได้ แม้สุดท้ายฮังการีจะต้องตกรอบด้วยการจบอันดับที่ 4 แต่ในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาได้ตกเป็น “ทีมตาม” เพียงแค่ 11 นาทีเท่านั้น คือช่วงนาทีที่ 84 ถึง 90+5 ในเกมที่พ่ายให้โปรตุเกสไป 3-0
  • แม้จะมีการเปิดให้แฟนบอลเข้ามารับชมในสนามได้ แต่ส่วนมากแฟนบอลก็จะได้เข้าชมในประมาณเพียงแค่ครึ่งของความจุในสนามนั้น ๆ ยกเว้นสนามเดียวคือ ปุสกัส อารีน่า ของฮังการี ที่สามารถเปิดรับแฟนบอลเข้ามาได้เต็มความจุ 64,000 ที่นั่ง เรียกบรรยากาศสุดฮึกเหินของการชมฟุตบอลกลับมา โดยสาเหตุนี้ก็มาจากการที่ประเทศฮังการี ได้มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19สำหรับการนี้โดยเฉพาะ แต่ก็ยังมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยผู้ที่จะเข้าชมต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ และแฟนบอลต่างชาติก็จะต้องแสดงผลตรวจ PCR ที่ตรวจภายใน 72 ชั่วโฒงก่อนเกมอีกด้วย 
  • อัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ ต้องอกหักหลังจากพ่ายให้กับสาธารณรัฐเช็กไป 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ไม่ใช่แค่ความผิดหวังหลังจากได้กลับมาเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในรอบ 7 ปี แต่ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยูโร ที่ทีมอัศวินสีส้ม ไม่สามารถยิงเข้ากรอบได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

  • ลูกยิงไกลบอลส่ายสุดสวยดับโปรตุเกสของ ธอร์แกน อาซาร์ ทำให้ปีกวัย 28 ปี จากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำประตูรวมในศึกยูโรได้มากกว่าพี่ชายของเขาเอเดน อาซาร์(2 ประตู - 1 ประตู) ที่เคยลงเล่นในฟุตบอลยูโรมาแล้วในปี 2016 แต่อย่างไรก็ตาม การได้ลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่ของพี่น้องแห่งเบลเยี่ยมในระดับนี้ ก็สร้างความภาคภูมิใจให้กับตระกูล “อาซาร์” อย่างมากมายเลยทีเดียว

 

ศึกยูโร 2020 ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ยังเหลือเกมสุดสนุกให้แฟน ๆ ได้มันส์กันอีกไม่น้อย ชาติใดจะเถลิงความยิ่งใหญ่ในฐานะเจ้ายุโรปได้ในท้ายที่สุด แฟนบอลทุกคน ห้ามพลาด!!! 

**สถิติทั้งหมดในคอนเทนต์นี้ อัพเดทล่าสุดวันที่ 28 มิถุนายน 2021


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

พัฒนันต์ บุญญาสะอาด

Changsuek Content Creator

MAR 2024 KV