stadium

จับตา 8 เหตุการณ์สำคัญ เส้นทางกีฬาไทยสู่โอลิมปิก 2020

1 มกราคม 2563

ปี 2020 เป็นอีกปีที่มีความสำคัญต่อวงการกีฬาโลกอย่างมาก เพราะในระหว่าง 24 กรกฎาคม ถึง 9 สิงหาคม จะมีมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ที่นักกีฬาทั่วโลกต่างรอคอย 4 ปี มีครั้ง

 

ถึงตอนนี้นักกีฬาไทยได้โควตาโอลิมปิกไปแล้ว 11 ที่นั่ง และในช่วงโค้งสุดท้ายของควอลิฟาย หลายชนิดกีฬาก็มีวิธีการคัดเลือกแตกต่างกันออกไป ทั้งในรูปแบบของการเก็บคะแนนสะสมหรือแบ่งการคัดเลือกตามรายการต่างๆ  และนี่คือ 8 กีฬาไทย ที่น่าจับตามองที่จะสร้างปรากฎการณ์ในโอลิมปิก 2020
 

1) วอลเลย์บอล

** วอลเลย์บอลสาวไทย การรวมตัวของ 6 เซียนครั้งสุดท้าย สู้ยิบตาเพื่อโอลิมปิกสมัยแรก **

 

7-12 มกราคมนี้ วอลเลย์บอลสาวไทย จะทำศึกคัดโอลิมปิก 2020 ทวีปเอเชีย ที่จังหวัดนครราชสีมา บอกเลยว่ารายการนี้ไม่มีที่ว่างให้กับผู้แพ้ เพราะมีแต่แชมป์เท่านั้นที่จะได้โควโอลิมปิกใบสุดท้ายของทวีปเอเชียไปพร้อมกับญี่ปุ่น และจีน ที่ได้โควตาไปแล้ว

 

โดยจะแข่งขันกันที่สนามชาติชายฮอลล์ สนามที่เราเคยล้มจีน ญี่ปุ่น จนคว้าแชมป์เอเชีย ปี 2013 อีกทั้งรายการนี้จะเป็นการลงแข่งพร้อมกันครั้งสุดท้ายของ 6 เซียน เพราะ กัปตันกิ๊ฟ วิลาวัลย์ ยืนยันแล้วว่าต่อให้ได้โควตาโอลิมปิกก็จะวางมือแน่นอนแล้ว

 

การที่จีนและญี่ปุ่น ได้โควตาจากการคัดระดับโลกและในฐานะเจ้าภาพ ทำให้ในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะได้ไปโอลิมปิก เพราะคู่แข่งในรอบแรกเราอยู่ร่วมสายกับ ออสเตรเลีย และไต้หวัน ซึ่งไม่ใช่งานยาก แต่อาจจะต้องไปพบคู่แข่งสำคัญคือ เกาหลีใต้ ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งคู่นี้ผลัดกันแพ้ชนะตลอดในช่วงหลัง ผลออกได้ทุกหน้าอยู่ที่การเตรียมตัว

การที่ได้เล่นในบ้านทำให้เราได้เปรียบในเรื่องเสียงเชียร์เข้าไปอีก ดังนั้นเชื่อว่าแฟนวอลเลย์บอลและนักกีฬาทุกคนพร้อมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวสู้กันเพื่อไปโอลิมปิกด้วยกันเป็นครั้งแรก

 

 

2) ฟุตบอล

** แข้งช้างศึก U23 ลุ้นไปโอลิมปิกครั้งแรกรอบ 52 ปี ที่บ้านเกิดนิชิโนะ **

 

หายหน้าจากโอลิมปิกเกมส์ไปนานถึง 52 ปี ครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปปี 1956 ที่ออสเตรเลีย ซึ่งการเข้ามาคุมทีมด้วยตัวเองของ อกิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ผนวกกับการคัดเลือกโอลิมปิกในครั้งนี้จัดขึ้นที่บ้านเรา วันที่ 8-26 มกราคมนี้

 

ในส่วนของ นิชิโนะ เองก็ตั้งใจที่จะพาช้างศึกไปเล่นโอลิมปิกที่บ้านเกิดของตัวเองให้ได้เช่นกัน ในส่วนของตัวผู้เล่นเรียกได้ว่า จัดเต็มดึงเอาผู้เล่นจากทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด , สุภโชค สารชาติ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา รวมไปถึงลูกครึ่งอย่าง เบนจามิน เจมส์ เดวิส ที่เล่นให้กับฟูแล่ม ทีมระดับเดอะแชมเปี้ยนชิพ ลีกรองในอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจรังกับการไปให้ถึงโอลิมปิก สมัยที่ 3

 

อย่างไรก็ตามในรอบนี้ มี 16 ทีมที่ดีสุดของทวีปชั่วโมงนี้ แม้ว่ารุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ฝีเท้าจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ก็ใม่ใช่งานง่าย ทั้งโควตาโอลิมปิกนั้นมีไว้ 3 อันดับแรก และจะเพิ่มเป็น 4 ทีม ในกรณีที่ ญี่ปุ่น เจ้าภาพ ติดอันดับ 1 ใน 3
 

** ชบาแก้ว สายเลือดใหม่ พร้อมชนยักษ์ใหญ่ของเอเชีย เพื่อไปโอลิมปิกสมัยแรก **

 

หลังจบฟุตบอลโลก 2019 ชบาแก้ว มีการปรับเปลี่ยนใหม่พอสมควร โดยเฉพาะการลาดออกของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม และ “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน กุนซือ คู่บุญ ที่พาแข้งชบาแก้วไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 2 สมัย

 

ต้องยอมรับว่าทั้งสองคนเป็นส่วนสำคัญมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ในการยกระดับฟุตบอลหญิงไทยไปเข้าใกล้คำว่าระดับโลกมากขึ้น

ขณะที่การเข้ามาของ นฤพล แก่นสน กุนซือคนใหม่ ในช่วงที่ผ่านมาได้ทดลองอะไรใหม่ๆหลายอย่าง ทั้งระบบการเล่น การผสมผสานระหว่างดาวรุ่งและนักกีฬารุ่นเก่า แต่จากผลงานในซีเกมส์ต้องบอกว่าไม่เข้าตา จึงเป็นการบ้านที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เพราะเหลือเวลาเตรียมตัวอีกแค่ 1 เดือนเท่านั้น ก่อนแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ จะเปิดฉากขึ้น

 

และเมื่อมองดูไปคู่แข่งในกลุ่ม ต้องยอมรับว่ามาใช่งานง่ายอยู่ดี เพราะอยู่ร่วมสายเอ กับ ออสเตรเลีย อันดับ 8 ของโลก , จีน อันดับ 15 ของโลก และไต้หวัน อันดับ 40 ของโลก ซึ่งการแข่งขันรอบแรกจะคัดเอา 2 ทีมที่ดีสุดผ่านเข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะมีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่ได้โควตาของทวีปเอเชียไป

 

3) แบดมินตัน

** จับตาหญิงเดี่ยว ครีม , หมิว , แน๊ต ชิงตั๋วโอลิมปิกตาม เมย์ รัชนก **

 

ประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ กับ “ครีม” บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ โอลิมปิกแรงกิ้งอยู่ที่ 4 และ 11 ตามลำดับ ซึ่งสถานการณ์ของ เมย์ ไม่น่ามีปัญหา ส่วน ครีม จะต้องรักษาอันดับให้อยู่ 16 อันดับแรกให้ได้

 

ขณะที่ “แน๊ต” ณิชชาอร จินดาพล อยู่อันดับ 17 กับ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ อันดับ 20 มีคะแนนตามหลัง ครีม อยู่ประมาณ 6,000 คะแนน ซึ่งทั้ง 2 คน ก็ยังมีสิทธิ์เบียดขึ้นไปแย่งโควตาโอลิมปิกได้เช่นกัน แต่ช่วงเวลาที่เหลือต้องทำผลงานให้ดีมากๆ

 

ส่วนประเภทชายเดี่ยว กันตภณ หวังเจริญ อยู่อันดับ 10 โอลิมปิกครั้งแรกน่าพลาด ส่วนที่ต้องเร่งฟอร์มคือ สิทธิคม ธรรมศิลป์ อยู่อันดับ 19 ยังมีโอกาสจะได้ไปโอลิมปิกอยู่ไม่น้อย เพีย

แต่ต้องทำคะแนนขึ้นไปติด 1 ใน 16 ให้ได้ ซึ่งตอนนี้มีคะแนนตามหลัง ทอมมี่ ซูกิอาโต้ จากอินโดนีเซีย อันดับ 16 อยู่ประมาณ 1,000 คะแนนเท่านั้น

 

ส่วนประเภทคู่ของเราไม่น่ามีปัญหา ทั้งในประเภหญิงคู่ “กิ๊ฟ-วิว” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ รวินดา ประจงใจ มีคะแนนอยู่อันดับ 8 และในประเภทคู่ผสม “บาส-ปอป้อ” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย รั้งอยู่อันดับ 3

 

 

4) มวยสากล

** ตั้งเป้า 6 โควตา จาก 2 รายการคัดโอลิมปิก **

 

สมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้ส่งชื่อ 20 นักทั้งชายและหญิง ที่จะเป็นตัวเลือกลงชิงตั๋วโอลิมปิกโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ระหว่างวันที่ 3-14 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศจีน ให้กับฝ่ายจัดการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว

 

มีทั้งนักชกชุดซีเกมส์และชุดเยาวชน นำโดย ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี กับ วุฒิชัย มาสุข แต่จะต้องมีการคัดเลือกกันภายในเพื่อเลือกตัวแทนรุ่นละ 1 คน โดยการคัดตั๋วโอลิมปิกที่จีน ถือเป็นสนามที่สำคัญมาก และต้องคว้าโควตามาให้มากที่สุด เพราะเป็นการคัดในทวีป คู่แข่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

 

หลังจบคัดโซนทวีป มีเวลาพักไม่ถึง 2 เดือนในการเตรียมตัวคัด เวิลด์ โอลิมปิก ที่ฝรั่งเศส  วันที่ 13 - 24 พฤษภาคม ซึ่งรอบนี้ความยากคือจะต้องเจอกับคู่แข่งฝีมือดีจากทวีปอื่นๆทั่วโลกที่พลาดตั่วมาจากทวีปของตนเอง ซึ่งทุกคนที่มานั้น หลังผิงฝาเหมือนกันหมด ละต้องการคว้าโอลิมปิกจากโอกาสสุดท้ายนี้เอาไว้ให้ได้เช่นกัน

 

 

5) เทควันโด

** ขอลุ้นตั๋วโอลิมปิกอีก  2 ใบ **

 

ได้ไปแล้ว 1 ที่ นั่งจาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในรุ่น 49 กิโลกรัม ความหวังเหรียญทองโอลิมปิก 2020

 

ซึ่งวันที่ 10-11 เมษายนนี้ ที่ประเทศจีน จะมีการคัดตั๋วโอลิมปิกโซนเอเชีย จอมเตะไทยยังมีลุ้นอีก 2 รุ่น คือ “นก” พรรณภา หาญสุจินท์  ในรุ่น 57 กิโลกรัมหญิง และในรุ่น 58 กิโลกรัมชาย ที่ตอนนี้มีแคนดิเดตอยู่ 2 คน “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี กับ “เทม” เทวินทร์ หาญปราบ ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิก 2016

 

โดยเจ้าเทม ที่ก่อนหน้านี้มีอาการบาดเจ็บจนต้องพักยาว มีข่าววว่าจะหายทันและสามารถเรียกความฟิตกลับมาได้ทันพร้อมเป็นตัวเลือกในรุ่นนี้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ทั้ง เทม และ จูเนียร์ จะต้องแข่งกันเองเพื่อตัดตัวกันอีกครั้ง หลังเคยทำมาแบบนี้มาแล้วเมื่อปี 2016

 

ซึ่งไม่ว่าใครจะได้เป็นตัวแทนก็ตาม เมื่อถึงเวลาแข่งจำเป็นต้องเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศให้ได้เป็นอย่างน้อย เพราะในรุ่น 58

 

6) จักรยาน

** ทีเจ จาย ลุ้นเป็นนักปั่นชาย ประเภทคีริน คนแรกที่ได้ไปโอลิมปิก **

 

สองล้อไทยตอนนี้ได้โควตาโอลิมปิกมาแล้ว 1 คน คือ “บีช” จุฑาธิป มณีพันธุ์ ที่ได้จากประเภทบุคคลถนน และยังเหลือให้ลุ้นอีก 2 ต่อ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลงานของ "ทีเจ" จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นลูกครึ่งไทยออสเตรเลีย ในประเภทคีริน เจ้าของเหรียญทองประวัติศาสตร์ในเอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย

 

โดยต่อที่ 1 จาย กำลังอยู่ระหว่างการเก็บคะแนนอันดับโลก ในรายการเวิลด์คัพ ซึ่งเหลือให้ลุ้นอีก 1 สนาม วันที่ 24-26 มกราคมนี้ ที่ประเทศแคนาดา เพื่อทำอันดับโลกไปแข่งขัน คีรินชิงแชมป์โลก 2020 ที่เยอรมันในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะเป็นรายการสุดท้ายในการเก็บคะแนนก่อนประกาศโควตาโอลิมปิก ในอีก 2-3 วันให้หลัง

 

โดยอันดับโลกของ จาย ตอนนี้อยู่ที่ 9 มี 2,555 คะแนน ถ้าหากทำผลงานเข้ารอบชิงชนะเลิศ 2 รายการที่เหลืออยู่ได้ โควตาโอลิมปิกในประเภทคีรินบุคคล คงไม่พ้นมือ จาย

 

ส่วนที่ลุ้นอีก 1 ต่อ คือ ด้วยคะแนนสะสมประเภททีมจะต้องติด 1 ใน 15 เป็นอย่างน้อย  ซึ่งตอนนี้ ไทย อยู่อันดับ 17 มี 2,285 คะแนน ตามหลัง เวเนซูเอล่า อันดับ 16 มี 2,430 คะแนน และ คาซัคสถาน อันดับ 15 มี 2,537 คะแนน โดยจายถือเป็นความหวังเดียว ที่จะต้องทำคะแนนทิ้งห่าง 2 ชาตินี้ให้ได้ประมาณ 250 คะแนน

 

 

7) เทเบิลเทนนิส

** นันทะนา คำวงศ์ ลุ้นไปโอลิมปิกสมัยที่ 6 **

 

ทีมเทเบิลเทนนิสไทย มีลุ้น 3 ต่อในการไปโอลิมปิก ต่อที่ 1 คัดประเภททีมวันที่ 22-26 มกราคมนี้ ซึ่งทั้งทีมชายและหญิง มีโปรแกรมคัดโอลิมปิกในประเภททีมชิงแชมป์โลก ที่โปรตุเกส โดยรายการนี้จะคัด 9 ทีมที่ดีที่สุดไปโอลิมปิกแบบยกทีม

 

โดยทั้งทีมชายและทีมหญิงจะยึดผู้เล่นชุดเดิมจากซีเกมส์ นำโดย สุธาสินี เสวตรบุตร , นันทะนา คำวงศ์ , ภาดาศักดิ์ ตันวิริยะเวชกุล , ศุภณัฐ วิสุทธิ์เมธางกูร

 

ต่อที่ 2 ลุ้นจากการคัดประเภทบุคคลโซนเอเชียที่ไทยเป็นเจ้าภาพ วันที่ 6-12 เมษายนนี้ โดยจะคัดเอาอีกแค่ 6 คน และต่อที่ 3 ลุ้นจากคะแนนโอลิมปิกแรงกิ้ง อีก 12 คน

 

ประเภททีมหญิง ต้องบอกว่ากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีมากสำหรับทีมเทเบิลเทนนิสทีมหญิง ที่คว้า 1 ทอง 1 เงิน ในเกมส์โดยเอาชนะคู่ของสิงคโปร์ได้ทั้ง 2 คู่ ว่ากันตามตรงจากการมีลุ้นถึง 3 ชั้น สุธาสินี เสวตรบุตร มีโอกาสได้ไปมากที่สุด มีคะแนนโอลิมปิกแรงกิ้งอยู่ที่ 42 ส่วนที่เหลือหลุดท็อป 100 กันหมด

 

ซึ่งต้องพยายามทำผลงาให้ดีที่สุดในการคัดทั้งประเภททีมและบุคคล โดย นันทนา คำวงศ์ ลุ้นไปโอลิมปิกสมัยที่ 6 ถ้าทำได้จะถือว่ามากที่สุดของนักกีฬาไทยเพียงคนเดียว หลังก่อนหน้านี้ทำสถิติไปโอลิมปิก 5 สมัยเท่ากับ บุญศักดิ์ พลนะ อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย

 

 

8) เรือใบ

** ลุ้นโควตาโอลิมปิก ใบที่ 3 **

 

ในโอลิมปิกเกมส์ เรือใบและวินด์เซิร์ฟ จัดอยู่ในชนิดกีฬาเดียวกัน ยอดรวมไทยตอนนี้ได้มา 2 โควตา จาก กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม และ ศิริพร แก้วดวงงาม ในเดือนมีนาคมนี้ ทีมเรือใบไทยมีคิวทำศึกคัดโอลิมปิกโซนเอเชียที่จีน ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายของทีมเรือใบไทยแล้ว

 

โดยจะส่งลงแข่งทั้งหมด 3 ประเภท ประกอบด้วย ดอน และ ดีแลน วิทคราฟท์ จากเรือ 49er , ณิชาภา ไหวไว - กมลชนก กล้าหาญ เรือ 49er fx และ กีระติ บัวลง เรือ Laser Standard ซึ่งเป็นคนเดียวที่เคยไปโอลิมปิกมาแล้วถึง 2 สมัย มีประสบการณ์มากที่สุดในการรับมือกับความกดดัน

 

อย่างไรก็ตามทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในยามแข่งขัน คลื่น ลมทะเล มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก อยู่ที่ใครจะรับมือได้ดีกว่ากัน

 


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

StadiumTH Content Creator

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose