stadium

กิเลนผยอง กับการถ่ายเลือดที่ห้ามมองข้าม

1 มิถุนายน 2563

กิเลนผยอง กับการถ่ายเลือดที่ห้ามมองข้าม

#ChangsuekFocus

 

"ไม่ต้องกลัวว่าเราจะถอดใจ ไม่ลุ้นอะไรกับใครเขาแล้ว เรายังลุ้นทุกถ้วย แต่ลุ้นในวิถีของเรา วิธีการของเรา"

 

ส่วนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์จากคุณระวิ โหลทอง ประธานที่ปรึกษาสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยังให้คำมั่นต่อแฟนบอลหลังเกิดดีลฟ้าผ่าลงกลางใจสาวกกิเลน กับการปล่อย 2 สตาร์ของทีมอย่าง อดิศร พรหมรักษ์ และกัปตันทีมอันเป็นที่รักของแฟนบอลอย่าง สารัช อยู่เย็น ออกจากทีม จนเกิดคำถามตามมาว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด จะยังเป็นทีมที่น่าเกรงขามอีกต่อไปหรือไม่ ?

 

ย้อนกลับไปดูการที่พวกเขาเริ่มสูญเสียสตาร์ดังของทีมหลังจากสิ้นยุคดรีมทีมเมื่อปี 2016 เริ่มตั้งแต่ เคลตัน ซิลวา , ธนบูรณ์ เกษารัตน์ , ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่เริ่มย้ายออกเมื่อปี 2017 ต่อเนื่องด้วยการเสียผู้เล่นสำคัญอีกระลอกในปี 2018 นำโดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ , ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร , พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี , ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา โดยมี 4 รายที่ส่งออกไปค้าแข้งต่างประเทศซึ่งนับเป็นเรื่องดีสำหรับวงการฟุตบอลไทย แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสูญเสียสถานะภาพการเป็นยักษ์ใหญ่ในไทยลีกของกิเลนผยองเช่นกัน เพราะปี 2017 พวกเขาจบด้วยรองแชมป์ไทยลีก (ห่างจากบุรีรัมย์ 14 คะแนน) และปี 2018 พวกเขาจบด้วยอันดับ 4

 

จนฤดูกาล 2019 ทริสตอง โด และ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา เป็นอีก 2 แข้งที่เดินออกจากถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยม พร้อมกับหายนะตั้งแต่ต้นฤดูกาลของทัพกิเลน ใครจะไปคิดว่าทีมที่ยิ่งใหญ่ในไทยลีกอย่างเมืองทอง ยูไนเต็ด ต้องจมบ๊วยอยู่จนถึงนัดที่ 14 ของการแข่งขัน ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 5 จากการเข้ามาของอเล็กซานเดร์ กาม่า กุนซือมือฉมังและการระเบิดฟอร์มของเฮร์แบร์ตี้ แฟร์นันเดส ที่ปลุกชีพกิเลนขึ้นมาได้ทันท่วงที

 

แต่แล้วปี 2020 การสูญเสียแข้งหลักยังเกิดขึ้นต่อไป แม้จะมีบทเรียนจากปี 2019 ก็ตาม นำโดย เฮร์แบร์ตี้ แฟร์นันเดส , เจนรบ สำเภาดี และ ธีรศิลป์ แดงดา (กลับไปเจลีกอีกครั้ง) ซึ่งผลงาน 4 นัดแรกก่อนหนีโควิดยังพอทำเนา ชนะ 2 แพ้ 2 อยู่อันดับ 7 ของตารางไทยลีก แต่ไม่ทันไรก็ต้องมาเสีย 2 แข้งหลักอย่าง อดิศร พรหมรักษ์ และ สารัช อยู่เย็น สิ้นสุดยุคดรีมทีม 2016 ท่ามกลางความวิตกกังวลของแฟนบอลว่าหลังจากนี้ สโมสรจะวางจุดยืนไว้ตรงไหน ?

 

“การสร้างฐานเยาวชนในประเทศ สโมสรก็ยังคงเน้นหนักและน่าจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในแนวทางของสโมสร..ว่าเรายังมีอนาคตที่ดีรออยู่”

 

คุณระวิ โหลทอง หัวเรือใหญ่ของทัพกิเลน ประกาศแนวทางที่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ในประโยคข้างต้นจะเห็นได้ว่า การพัฒนาเยาวชนของเมืองทองเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างนาวนานและต่อเนื่อง ที่สำคัญคือปฏิเสธไม่ได้ว่านักเตะระดับท็อปของไทยเกิดจากอะคาเดมี่ของเมืองทอง ยูไนเต็ดหลายต่อหลายคน

 

ไล่รายชื่อดูคร่าวๆ ศิวกรณ์ เตียตระกูล , พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล , ชัยวัฒน์ บุราญ , สุริยา สิงห์มุ้ย , ชินภัทร์ ลีเอาะ , ปฏิวัติ คำไหม , พิชา อุทรา , พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี , ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ , อดิศักดิ์ ไกรษร , สุพรรณ ทองสงค์ และคนอื่นๆที่อาจจะกล่าวถึงไม่หมด นี่คือแข้งระดับพรีเมี่ยมที่ล้วนแจ้งเกิดบนเวทีไทยลีก และหลายคนก็ติดทัพช้างศึกทั้งชุดเล็ก-ชุดใหญ่มาแล้ว

 

ที่กล่าวมาสะท้อนอะไรบ้าง ?

 

นั่นหมายความว่า การสูญเสียแข้งระดับสตาร์ของเมืองทอง ยูไนเต็ดเป็นปัญหาใหญ่ที่คนภายนอกมองเห็นเพียงด้านเดียว แต่อีกมุมนึงในระดับเยาวชนของทัพกิเลน กลายเป็นกลไกสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างดี โดยมีเงื่อนไขคือ "เวลา" ที่พวกเขาต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์และขึ้นมายืนหยัดเป็นตัวหลักของสโมสรให้เร็วที่สุด ซึ่งในตอนนี้เป็นโอกาสดีที่บรรดาแข้งสายเลือดใหม่จะพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่ามีดีพอ ในช่วงที่ไม่มีผู้เล่นระดับสตาร์มาขวางเส้นทางแจ้งเกิดในถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยมเหมือนในอดีตที่เมืองทอง ยูไนเต็ด ต้องสูญเสียดาวรุ่งดีๆมากมายเพียงเพราะ "ไม่มีตำแหน่ง" ให้ลงเล่น

 

"นิวสารัช" "นิวฐิติพันธ์" "นิวธีรศิลป์" อาจจะเป็นสิ่งที่เราได้เห็นในเร็วๆนี้ เพราะเลือดใหม่ของทัพกิเลนมีหลายคนที่น่าจับตามอง นำโดย สรวิทย์ พานทอง กองกลางหมายเลข 7 เด็กปั้นระดับมาสเตอร์พีซจากอัสสัมชัญธนบุรี ที่โชว์ผลงานอย่างโดดเด่นในศึก AFC U23 ที่ผ่านมา หรือจะเป็นเจ้าของฉายา "นิวธีรศิลป์" อย่าง กรวิชญ์ ทะสา ที่เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นจากปีก่อน รวมถึงคนอื่นๆที่พร้อมเป็นกำลังสำคัญในยุคใหม่ของกิเลน เช่น พัชรพล อินทนี , ซัลดี้ วงษ์เดอรี , วีระเทพ ป้อมพันธุ์ , ปรเมศย์ อาจวิไล , สกุลชัย แสงโทโพธิ์ , วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร , เพชรรัตน์ โชติปาละ , ชาติชาย แสงดาว ซึ่งจากรายชื่อที่กล่าวมา หลายคนมีดีกรีติดทีมชาติไทยชุดเยาวชนมาแล้ว แม้กระทั่งชื่อของ โอลุวะ เฟมี กองหน้าลูกครึ่ง ไทย-ไนจีเรีย วัย 16 ปี ที่ถูกเรียกว่าเป็นวันเดอร์คิดส์เมืองไทยอีกหนึ่งคนในขณะนี้ ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกอะคาเดมี่ของเมืองทอง ยูไนเต็ดเช่นกัน แถมยังถูกกล่าวขานว่าเก่งกว่า "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ในช่วงอายุเท่ากันอีกด้วย (ขณะนี้เล่นอยู่ในระดับเยาวชนกับโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี)

 

ฉะนั้นการสร้างเยาวชนที่กำลังจะถูกทำให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นของเมืองทอง ยูไนเต็ด อาจจะกลายเป็นแนวทางที่ "ดีที่สุด" ก็เป็นได้ ในวันที่ทีมไม่มีสตาร์มาขวางกั้นพรสวรรค์ของแข้งเยาวชน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนึ่งในทีมที่มีเยาวชนดีที่สุดของเมืองไทย และเป็นแหล่งเพาะบ่มแข้งระดับสตาร์ของทีมชาติไทย ซึ่งไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าในตอนนั้นไม่มีที่ว่างให้พวกเขาได้ฉายแสงบนทีมชุดใหญ่ อย่างไรก็ตามสาวกกิเลนผยองอาจจะต้องใจเย็น เพื่อรอการผลิดอกออกผลอย่างเต็มที่ และเมื่อวันนั้นมาถึง กลิ่นไอแห่งความสำเร็จจะกลับมาหอมหวานกว่าที่เคยผ่านมาอย่างแน่นอน


stadium

author

ICE Assist

Changsuek Content Creator

La Vie en Rose