stadium

ทอม เบรดี้ ตำนานผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา

2 กุมภาพันธ์ 2564

ชื่อของ ทอม เบรดี้ อยู่ในสารบบของ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล มานานมากกว่า 20 ปี เรียกว่าเท่ากับครึ่งชีวิตของตัวเขาเอง

 

ควอเตอร์แบ็กวัย 43 ปี ประสบความสำเร็จสุดขีดจากการลงเล่นให้ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ โดยคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลได้ถึง 6 สมัย และเข้ารอบชิง 9 ครั้ง

 

เอาแค่การลงเล่นจนถึงวัยเลข 4 ก็น่าทึ่งแล้ว แต่เบรดี้ทำสิ่งที่ท้าทายกว่านั้น นั่นคือการย้ายไปอยู่กับ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ เมื่อต้นปีที่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนทีม เปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนเพื่อนร่วมทีม แต่เบรดี้ ก็ยังพาต้นสังกัดทะลุเข้าถึงศึกซูเปอร์โบว์ลและคว้าแชมป์ได้สำเร็จ

 

แต่กว่าที่เบรดี้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ "ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล" ของเอ็นเอฟแอล ต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง ติดตามได้ที่นี่

 

 

สารตั้งต้นของตำนาน

 

ทอม เบรดี้ เกิดที่เมือง ซาน มาเตโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี 1977 โดยเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นคนสุดท้องจากลูกทั้ง 4 คนของ โธมัส เบรดี้ ซีเนียร์ และ กาลีนน์ แพทริเซีย

 

ด้วยความที่ ซาน มาเตโอ ห่างจาก ซาน ฟรานซิสโก เพียง 32 กิโลเมตร ทอม เบรดี้ จึงเป็นแฟนของทีม โฟร์ตี้ไนเนอร์ส ไปโดยปริยาย และแน่นอนว่าไอดอลของเขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตำนานควอเตอร์แบ็กอย่าง โจ มอนทาน่า แชมป์ซูเปอร์โบว์ล 4 สมัย เพราะในสมัยนั้นไม่มีใครเก่งกาจมากไปกว่านี้อีกแล้ว และกีฬาอเมริกันฟุตบอลก็ฝังรากลึกลงในใจของเบรดี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

อย่างไรก็ตาม ในสมัยเรียนไฮสคูลนั้น เบรดี้ เริ่มต้นด้วยการเป็นควอเตอร์แบ็กสำรองเนื่องจากโค้ชมองว่าฝีมือยังไม่ถึงขั้น แม้ทีมจะมีสถิติ 0-8 และทำทัชดาวน์ไม่ได้เลยตลอดทั้งปีก็ตาม แต่แล้วโอกาสก็มาถึงเมื่อควอเตอร์แบ็กตัวจริงเจ็บทำให้เบรดี้ได้เป็นตัวจริง ก่อนที่จะแสดงฝีมือและยึดตำแหน่งไปครองจนจบการศึกษาเลยทีเดียว

 

 

ตำนานที่ถูกเมิน

 

จากผลงานในระดับไฮสคูลทำให้เบรดี้ได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะเลือกม.มิชิแกน ซึ่งเบรดี้ลงเล่นในช่วงปี 1995-1999 และได้เล่นเป็นตัวจริงทุกเกมใน 2 ปีสุดท้าย ซึ่งตลอด 4 ปี เบรดี้ขว้างทำระยะรวม 4,773 หลา 30 ทัชดาวน์ พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ ซิตรัส โบว์ล ปี 1999 และออเรนจ์ โบว์ล ปี 2000

 

ถึงแม้จะมีสถิติยอดเยี่ยม และประสบความสำเร็จในระดับคอลเลจ แต่เมื่อเข้าสู่การทดสอบสมรรถภาพก่อนพิธีดราฟต์เข้าสู่เอ็นเอฟแอลหรือเอ็นเอฟแอลคอมไบน์ เบรดี้กลับถูกแมวมองเกือบทุกคนมองข้าม ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำได้ดีในเอ็นเอฟแอล "รูปร่างแย่, ผอมบาง, ขาดความแข็งแกร่งทางร่างกาย, กำลังแขนไม่ดีพอ, ขาดความคล่องตัว และไม่สามารถพาลูกไปเองได้" นี่คือคำวิจารณ์ที่เขาได้รับ ขณะที่ผลการทดสอบของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

 

เบรดี้วิ่ง 40 หลา ในเวลา 5.28 วินาที ซึ่งช้ามาก ๆ และกระโดดแนวดิ่งได้เพียง 24.5 นิ้ว อย่างไรก็ตามเบรดี้ก็ไม่ย่อท้อ เพราะเขารู้ดีว่าศักยภาพข้างในของตัวเองดีพอจะอุดปากนักวิจารณ์เหล่านั้น

 

แต่ตำนานของเขาจะเริ่มขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีทีมที่ชื่อว่า นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ และเฮดโค้ชที่ชื่อว่า บิลล์ เบลิชิค

 

 

 

จากส่วนเกินสู่ควอเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดของเอ็นเอฟแอล

 

ถ้าไม่รู้ในรายละเอียด หลายคนอาจคิดว่า เพเทรียตส์ แค่โชคดีที่เสี่ยงดราฟต์เบรดี้ในรอบที่ 6 (อันดับ 199) แล้วทำผลงานเหนือความคาดหมาย แต่ความจริงแล้วมีปัจจัยหลายอย่างมากกว่านั้น ไล่ตั้งแต่การที่นักรบกู้ชาติปลด พีท แคร์โรลล์ ที่พาทีมแพ้ 6 จาก 8 เกมสุดท้ายในฤดูกาล 1999 แล้วตั้ง บิลล์ เบลิชิค เป็นเฮดโค้ช ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้ง ดิค เรห์ไบน์ เป็นโค้ชควอเตอร์แบ็กทั้งที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน พร้อมกับมอบหมายให้เจ้าตัวตามหาจอมทัพที่เหมาะกับแผนการเล่นของทีม

 

ด้วยความไม่รู้ เรห์ไบน์จึงมีมุมมองที่สดใหม่เรื่องควอเตอร์แบ็ก และสะดุดตากับเบรดี้เข้าอย่างจังก่อนที่จะกลับไปแจ้งเบลิชิครวมทั้งทีมโค้ชว่าเขาเจอเพชรเม็ดงามเข้าแล้ว ซึ่งตัวเบลิชิคและทีมโค้ชคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับเรห์ไบน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความแข็งแกร่งทางจิตใจ และทักษะการเป็นผู้นำทีม  

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีชื่อเบรดี้อยู่ในใจ แต่พวกเขามี ดรูว์ เบลดโซ และ ไมเคิล บิชอป รวมทั้ง จอห์น ฟรีสซ์ อยู่แล้ว การมีควอเตอร์แบ็ก 4 คนจึงมากเกินไป เพเทรียตส์จึงเลือกตำแหน่งที่จำเป็นเข้าสู่ทีมก่อน แต่เหมือนเป็นความโชคดีในความโชคร้าย ด้วยการที่เพเทรียตส์ปล่อยผู้เล่นเป็นฟรีเอเยนต์หลายรายเพราะไม่สามารถแบกรับภาระค่าจ้างได้ ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ดราฟต์เพิ่มเติม และหลังจากเมียงมองเบรดี้อยู่นาน พวกเขาจึงให้ใจอยู่เหนือเหตุผล และดราฟต์เด็กหนุ่มจากม.มิชิแกนเข้าสู่ทีม

 

นับจากวันนั้น ที่เหลือคือประวัติศาสตร์

 

 

แหวนวงแรก และวงต่อ ๆ มา

 

"หากคุณไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วคนอื่นจะเชื่อมั่นในตัวคุณได้อย่างไร" นี่คือคติประจำใจของเบรดี้ที่เขาใช้มาตั้งแต่เด็ก และการเข้ามาเล่นเอ็นเอฟแอลปีแรก ไม่ต่างอะไรจากสมัยเรียนไฮสคูลที่เขาต้องรอคอยโอกาส แต่เบรดี้ก็รู้ดีว่าเมื่อโอกาสมาถึงเขาจะคว้ามันไว้ไม่ให้หลุดมือ

 

1 ฤดูกาลผ่านพ้นไป โอกาสก็มาถึงเขาจริง ๆ เมื่อ เบลดโซ ควอเตอร์แบ็กตัวจริงบาดเจ็บ เบลิชิคจึงมอบหมายให้เบรดี้นำทีม และจอมทัพหมายเลข 12 ก็พิสูจน์ความสามารถและความเป็นผู้นำของตัวเองได้ทันที

 

ผลงานของเบรดี้ในฤดูกาลนั้น ทำเอาแมวมองตอนคอมไบน์ต้องขยี้หัวตัวเอง เมื่อเขาพานักรบกู้ชาติชนะ 11 แพ้แค่ 3 เกม ก่อนจะระเบิดฟอร์มต่อเนื่องในช่วงโพสต์ซีซั่น พาทีมเอาชนะ เซนต์ หลุยส์ แรมส์ คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 36 ได้สำเร็จ โดยเบรดี้ได้รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในเกมดังกล่าวอีกด้วย  

 

แชมป์ครั้งนั้นทำให้ไม่มีใครกังขาในความสามารถของเบรดี้อีกต่อไป เขาและเบลิชิคร่วมกันทำให้เพเทรียตส์ขึ้นชั้นเป็นยอดทีม ทำสถิติชนะ 40 แพ้ 2 ใน 3 ฤดูกาลแรกที่ยึดตำแหน่งตัวจริง และในปี 2004 เบรดี้ก็พาทีมเอาชนะ แคโรไลน่า แพนเธอร์ส คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลได้อีกครั้ง รวมทั้งรางวัลเอ็มวีพีนัดชิงสมัยที่ 2 ก่อนจะป้องกันแชมป์สำเร็จในปีต่อมาด้วยการเอาชนะ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ลส์

 

เบรดี้ลงเล่นให้ เพเทรียตส์ ทั้งหมด 20 ฤดูกาล เป็นควอเตอร์แบ็กที่ลงเล่นให้ทีมเดียวยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นเอฟแอล เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าหรือเอ็มวีพีในฤดูกาลปกติ 3 สมัย, แชมป์ซูเปอร์โบว์ล 6 สมัย, เอ็มวีพีนัดชิง 4 หน และติดทีมโปรโบว์ล 14 ครั้ง แค่ตัวเลขเท่านี้ก็ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลแล้ว

 

ตอนที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยที่ 6 ในวัย 41 ปี ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเบรดี้ คงถึงคราวอำลาวงการ รอวันบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศต่อไป

 

แต่เบรดี้ไม่คิดแบบนั้น รวมถึงยังท้าทายตัวเองมากขึ้นไปอีกด้วยการตัดสินใจแบบช็อกโลกใน 2 ฤดูกาลต่อมา

 

 

ตำนานบทใหม่ที่แทมปาเบย์

 

ในเดือนมีนาคมปี 2020 ก่อนที่สัญญาของเขากับ เพเทรียตส์ จะหมดลง เบรดี้ก็ประกาศช็อกโลกด้วยการบอกว่าเขาจะไม่เซ็นสัญญาใหม่กับทีม หลายฝ่ายต่างคาดเดาเหตุผลไปต่าง ๆ นานา ทั้งการมีปัญหากับเบลิชิค, ไม่พอใจแผนการสร้างทีม, เพดานค่าจ้าง และไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ความผูกพันยาวนานกว่า 20 ปี และความเป็นสุภาพบุรุษรวมทั้งความเป็นมืออาชีพของเบรดี้ ทำให้เขาเลือกที่จะเก็บไว้กับตัว รวมทั้งพูดถึงแต่สิ่งที่ดีระหว่างเขากับเพเทรียตส์ในถ้อยคำอำลาเท่านั้น  

 

ส่วนการลงหลักปักฐานกับทีมใหม่อย่าง แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส เรียกว่าแทบไม่มีปัญหา ถึงแม้จะอายุ 43 ปี และต้องย้ายไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ รวมถึงต้องทำงานกับโค้ชที่ไม่คุ้นเคยอย่าง บรูซ เอเรียนส์ แต่เบรดี้ก็ยังพาโจรสลัดแดงทำสถิติชนะ 11 แพ้ 5 พร้อมเข้าถึงรอบชิงซูเปอร์โบว์ลหนแรกของทีมนับตั้งแต่ปี 2003 ขณะที่เบรดี้เข้ารอบชิงเป็นหนที่ 10 แต่คราวนี้อุปสรรคของเขาคือ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ยอดทีมยุคปัจจุบันที่นำโดย แพทริก มาโฮมส์ ที่ว่ากันว่านี่คือคนที่จะมารับช่วงต่อตำนานของเบรดี้นั่นเอง

 

อย่างไรก็ตาม เบรดี้ ก็ยังเป็น เบรดี้ อยู่วันยันค่ำเมื่อจอมทัพหมายเลข 12 สอนมวยรุ่นน้องอีกครั้ง หลังจากขว้างสำเร็จ 21 จาก 29 ครั้ง ทำระยะ 201 หลา 3 ทัชดาวน์ ไม่เสียอินเตอร์เซ็ปต์ พาบัคคาเนียร์ส คว้าแชมป์สมัยที่ 2 และเป็นแชมป์สมัยแรกของทีมในรอบ 18 ปี ขณะที่ เบรดี้ ได้แชมป์สมัยที่ 7 มากกว่าทุกทีมในลีก และยังได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบชิงฯ เป็นสมัยที่ 5 อีกด้วย

 

นอกจากนั้น เมื่อดูปฏิกิริยาในช่วงที่รับโทรฟี่ วินซ์ ลอมบาร์ดี้ แล้ว สายตาของเบรดี้บ่งบอกชัดเจนว่ายังไม่วางมือง่าย ๆ อย่างแน่นอน

 

ตัวเลขมหัศจรรย์ในซูเปอร์โบว์ลและเกร็ดน่ารู้ของ TB12

 

เอ็มวีพีซูเปอร์โบว์ลมากที่สุด : 5

คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลมากที่สุด : 7

ขว้างทำระยะรวมในซูเปอร์โบว์ลมากที่สุด : 3,039 หลา

ทำระยะในซูเปอร์โบว์ลต่อครั้งมากที่สุด : 505 หลา

ขว้างทัชดาวน์ในซูเปอร์โบว์ลมากที่สุด : 21

 

เบรดี้เกือบได้เป็นนักเบสบอลอาชีพ : เบรดี้เล่นกีฬาหลายอย่างสมัยเรียนไฮสคูล ทั้งอเมริกันฟุตบอล, เบสบอล และบาสเกตบอล ซึ่งในกีฬาเบสบอลนั้นเจ้าตัวแววดีถึงขั้นถูกดราฟต์ในรอบที่ 18 เมื่อปี 1998 โดยทีม มอนทรีอัล เอ็กซ์โปส์ แต่เบรดี้ปฏิเสธเนื่องจากต้องการเล่นอเมริกันฟุตบอลมากกว่า

 

คุมอาหารอย่างเคร่งครัด : เคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ทำให้ เบรดี้ยึดอาชีพของตัวเองได้ยาวนานนั่นคือการคุมอาหารอย่างเคร่งครัดตามทฤษฎีของตัวเองที่ชื่อว่า TB12 Method ซึ่งเขาจะดื่มน้ำไม่กี่ร้อยออนซ์ต่อวัน และหลีกเลี่ยงผลไม้หลายชนิดรวมทั้ง เห็ด, มะเขือเทศ, พริกไทย, มะเขือม่วง, กาแฟ, เกเตอเรด, น้ำตาลทรายขาว, แป้ง, กลูเตน, นม, โซดา, ซีเรียล, ข้าวขาว, มันฝรั่ง และขนมปัง

 

แหวนล้นมือ : จากการมีแหวนแชมป์ถึง 7 วง ทำให้เบรดี้มีแหวนมากกว่านิ้วมือข้างเดียว และเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในปัจจุบันที่มีแหวนแชมป์มากขนาดนี้

 

สายแฟ : เบรดี้ชื่นชอบแฟชันพอตัว ด้วยการที่มีภรรยาเป็น จีเซล บุนด์เช่น นางแบบระดับโลก ทำให้เบรดี้ดูแลเรื่องสไตล์การแต่งตัวของตัวเองเป็นอย่างดี สังเกตได้จากเวลาออกงานเลี้ยงพร้อมกับภรรยา หรือการแต่งตัวหลังจบการแข่งขัน


stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator

MAR 2024 KV