stadium

ไถ้ ซื่อ หยิง กับขวบปีที่จะไปต่อหรือพอแค่นี้

27 มกราคม 2564

นับตั้งแต่ที่ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2016 ไถ้ ซื่อ หยิง ไม่เคยหล่นจากการเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือวาง 1 ใน 4 อันดับแรกของโลกแม้แต่ครั้งเดียว และที่แย่ที่สุดคือการหล่นเป็นมือ 4 ในช่วงเดือนกันยายนปี 2019 เท่านั้น

 

จนถึง ณ ชั่วโมงนี้ ไถ้ ซื่อ หยิง ครองมือ 1 ของโลกมาทั้งหมดรวมแล้วถึง 148 สัปดาห์ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก ซูซี่ ซูซานติ ตำนานชาวอินโดนีเซียเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

ขณะที่เรื่องการคว้าแชมป์ นักตบลูกขนไก่ชาวไต้หวัน ก็คว้ามาได้เกือบหมดแล้วไม่ว่าจะเป็น เวิลด์ ซูเปอร์ซีรี่ส์ ไฟนัลส์ 3 สมัย, ออลอิงแลนด์ 3 สมัย, อินโดนีเซีย โอเพ่น 2 สมัย, แชมป์เอเชีย 2 สมัย และหรียญทองเอเชียน เกมส์ 1 สมัย ขาดก็เพียงรายการใหญ่อย่าง โอลิมปิก เกมส์ และชิงแชมป์โลกเท่านั้น

 

แล้วทั้งที่เป้าหมายใหญ่ยังไม่สำเร็จ อีกทั้งยังมีอายุเพียง 26 ปี เหตุใดเธอจึงประกาศว่าอาจแขวนแร็กเก็ตหลังจบปี 2021 ติดตามได้ที่นี่

 

 

จากลูกนักดับเพลิง สู่นักกีฬาความหวังของประเทศ

 

เมื่อเทียบกับ ไถ้ หนาน ไค่ ผู้เป็นพ่อแล้ว ไถ้ ซื่อ หยิง จัดว่ามีอาชีพที่ปลอดภัยกว่าและรายได้สูงกว่ามาก เมื่อเธอเป็นนักแบดมินตัน ขณะที่พ่อเคยเป็นนักดับเพลิงที่มีรายได้เฉลี่ยเหมือนกับคนทั่วไป

 

โชคดีที่ครอบครัวของเธอคลั่งไคล้แบดมินตันแบบเข้าเส้น และด้วยความที่ไม่ต้องการให้ลูกก้าวตามเส้นทางอาชีพแสนอันตรายเหมือนตัวเอง ไถ้ หนาน ไค่ ที่เป็นระดับผู้อำนวยการสมาคมแบดมินตันของเมืองเกาสงจึงพาลูกไปคลุกคลีกับกีฬาลูกขนไก่ตั้งแต่เด็ก

 

"พ่อแม่ไม่อยากให้ฉันทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย เลยพาไปเล่นแบดมินตันตั้งแต่ที่พวกเขาเล่นเป็นงานอดิเรก ฉันเข้าใจดีว่าอาชีพของพ่อต้องเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งมันช่วยสอนให้ฉันไม่รู้จักยอมแพ้ ฉันได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากสักเพียงใด ฉันก็จะสู้จนถึงที่สุด"

 

ด้วยพรสวรรค์ที่เปล่งประกาย ไถ้ ซื่อ หยิง กลายเป็นนักแบดแถวหน้าของประเทศตั้งแต่อายุ 12 ปี ขณะที่สหพันธ์แบดมินตันโลกรับรองผลการแข่งของเธอตั้งแต่ต้นปี 2007 หรือตอนอายุแค่ 13 ปีเท่านั้น

 

และ 4 ปีต่อมา ไถ้ ซื่อ หยิง ในวัย 17 ปี ก็สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก เมื่อคว้าแชมป์ระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์รายการ ยูเอส โอเพ่น

 

นับตั้งแต่รายการนั้น กราฟอาชีพของเธอก็ไม่มีลูกศรชี้ลงอีกต่อไป

 

 

 

 

 

จอมสร้างประวัติศาสตร์

 

แม้จะอายุแค่ 18 ปี แต่ด้วยฝีมือที่ขึ้นไปถึงอันดับ 13 ของโลก ไถ้ ซื่อ หยิง ก็ได้เข้าร่วมแข่ง โอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงลอนดอน ในฐานะมือ 10 ของรายการ เธอผ่านรอบแบ่งกลุ่มหลังจากชนะทั้ง 2 เกม แต่ตกรอบ 16 คนสุดท้ายด้วยน้ำมือของ หลี่ เสี่ยวเร่ย ที่ก้าวไปคว้าเหรียญทองในภายหลัง

 

สิ่งแตกต่างอย่างหนึ่งระหว่างนักกีฬาชั้นนำกับนักกีฬาทั่วไปคือสามารถกลับมาจากความผิดหวังได้อย่างรวดเร็ว และ ไถ้ ซื่อ หยิง ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้กลับจากกรุงลอนดอนมือเปล่า แต่เธอก็มาคว้าแชมป์ เจแปน โอเพ่น ในเดือนถัดมาได้ทันที กลายเป็นนักแบดหญิงเดี่ยวอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรี่ส์ (ก่อนจะถูก อากาเนะ ยามากูชิ ทำลายสถิติในภายหลัง)  

 

2 ปีต่อมา ไถ้ ซื่อ หยิง ก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังกลายเป็นนักแบดไต้หวันคนแรกที่คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ปิดท้ายฤดูกาลอย่าง เวิลด์ ซูเปอร์ซีรี่ส์ ไฟนัลส์ ก่อนที่จะทำได้อีกครั้งในปี 2016 ซึ่งเป็นหนึ่งในปีแห่งความทรงจำ

 

ในปีนั้น ถึงแม้จะถูกอดีตตามมาหลอกหลอนใน โอลิมปิก เกมส์ ที่ ริโอ ด้วยการตกรอบ 16 คน เพราะแพ้ พีวี สินธุ อย่างชอกช้ำ แต่เธอก็มาเร่งเครื่องช่วงปลายปี รวมถึงการคว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรี่ส์ รายการ ฮ่องกง โอเพ่น จนทำให้อันดับขยับขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกได้เป็นครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม ก่อนที่จะฉลองตำแหน่งด้วยการคว้าแชมป์ เวิลด์ ซูเปอร์ซีรี่ส์ ไฟนัลส์ เป็นสมัยที่ 2 ตามด้วยแชมป์ออลอิงแลนด์ในปี 2017 รวมทั้งแชมป์เอเชียในปีเดียวกัน และมาคว้าเหรียญทองเอเชียน เกมส์ ในปีต่อมา

 

นับตั้งแต่นั้น ไถ้ ซื่อ หยิง ก็ไม่เคยหลุดจากการเป็นมือวาง 4 อันดับแรกของโลกอีกเลย

 

 

อาถรรพ์รายการใหญ่

 

ฝีมือและความสำเร็จของ ไถ้ ซื่อ หยิง ไม่มีใครโต้แย้ง ติดอยู่แค่ 2 รายการใหญ่ที่เธอยังไม่เคยแม้แต่จะไปถึงคำว่าใกล้เคียง นั่นก็คือแชมป์โลก และเหรียญโอลิมปิก

 

จากการลงแข่งทั้ง 2 รายการรวม 7 ครั้ง ไถ้ ซื่อ หยิง ไม่เคยไปไกลกว่ารอบก่อนรองชนะเลิศ โดยใน โอลิมปิก เกมส์ หยุดอยู่แค่รอบ 16 คนทั้ง 2 ครั้ง ส่วนการลงแข่งชิงแชมป์โลก 5 ครั้งก็ตกรอบ 8 คนสุดท้ายทั้งหมด

 

นอกจากนั้น ขนาดตอนฟอร์มพีกจัดในปี 2017 ที่เธอจะได้เป็นมือ 1 ของรายการ ไถ้ ซื่อ หยิง กลับติดภารกิจต้องคว้าเหรียญทองให้ชาติบ้านเกิดที่เป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยโลกช่วงเดียวกันพอดี ทำให้ต้องถอนตัวจากศึกชิงแชมป์โลก ซึ่งแม้จะคว้า 2 เหรียญทองได้ตามเป้าหมายของสมาคมแบดไต้หวัน แต่เทียบไม่ได้เลยกับโอกาสใกล้เคียงที่เธอจะเป็นแชมป์โลกหนแรก

 

 

 

 

 

2021 ปีแห่งโชคชะตาว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้

 

ในปี 2019 ไถ้ ซื่อ หยิง ประกาศช็อกโลกว่า เธอจะแขวนแร็กเก็ตหลังจบ โอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงโตเกียว ในปี 2020 ไม่ว่าผลงานจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะแก้ข่าวในภายหลังว่า มีการคิดถึงเรื่องรีไทร์จริง ๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอคิดมาตั้งแต่ ริโอ เกมส์ แล้วว่า ตัวเองคงไม่สามารถเล่นไปได้ถึง โอลิมปิก ปี 2024

 

ขณะเดียวกัน ไถ้ ซื่อ หยิง ยังให้เหตุผลที่เธอคิดถึงเรื่องอำลาวงการทั้งที่ยังลงแข่งได้อีกหลายปีว่าเธอใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องหลายปี ซึ่งมันควรจะพอได้แล้ว

 

"ฉันทุ่มเททุกอย่างให้แบดมินตันมาเป็นเวลานับสิบปี และมันน่าจะเพียงพอแล้ว ฉันวิ่งในคอร์ตมากกว่านักแบดคนอื่น ๆ เกือบทั้งหมด เพื่อกลบจุดอ่อนเรื่องร่างกายของตัวเอง ดังนั้นฉันคิดว่าควรจะพอสักที"  

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทำให้การแข่งขันปี 2020 ต้องยกเลิกและหยุดชะงักไปนานหลายเดือน รวมทั้ง โอลิมปิก เกมส์ ที่ต้องเลื่อนไปเป็นปี 2021 ชนกับศึกชิงแชมป์โลก (BWF ยังไม่ประกาศโปรแกรมอย่างเป็นทางการ) ซึ่งส่งผลในแง่บวกให้ ไถ้ ซื่อ หยิง มีเวลาคิดและเตรียมความพร้อมสำหรับ 2 รายการใหญ่ที่เธอยังทำไม่สำเร็จเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสเปลี่ยนใจเรื่องการแขวนแร็กเก็ตเช่นกัน

 

"ฉันจะตัดสินใจหลังจากลงแข่งครบทุกรายการในปี 2021 การที่โอลิมปิกเลื่อนออกไปอีกปีไม่ได้ทำให้แผนของฉันเปลี่ยนแปลงมากนัก และฉันคิดว่ายังเป็นเรื่องดีอีกด้วย เพราะทำให้ได้หยุดพักหลังจากฝึกซ้อมรวมทั้งลงแข่งแบบไม่มีเบรกมานานนับ 10 ปี ดังนั้นจึงเหมือนการได้ชาร์จแบต และได้รับพลังในด้านบวก ก่อนจะลุยศึกในปี 2021 ต่อไป"

 

จะว่าไปแล้ว ไถ้ ซื่อ หยิง ก็เริ่มปี 2021 ได้ดีทีเดียว หลังจากผ่านเข้าชิงฯ 3 รายการรวดทั้ง โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น, โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น และเวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ ซึ่งแม้ 2 รายการแรกจะได้เพียงแค่รองแชมป์จากการแพ้ กาโรลิน่า มาริน แต่ในรายการหลังเธอก็แก้มือนักแบดชาวสเปนได้สำเร็จ ถึงแม้จะเสียเกมแรกไปก่อนก็ตาม


stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator