5 คู่นักแบดชายที่ดีที่สุดตลอดกาล

แบดมินตันแบ่งการแข่งหลัก ๆ ออกเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทเดี่ยว และประเภทคู่ ซึ่งต้องมีชุดทักษะแตกต่างกัน และมีเสน่ห์ต่างกันออกไป

ประเภทเดี่ยวแน่นอนว่าความสามารถเฉพาะตัวคือสิ่งสำคัญ เพราะคุณต้องดูแลพื้นที่ในแดนตัวเองทั้งหมด และพยายามหาทางเอาแต้มจากคู่แข่งให้ได้

ขณะที่ประเภทคู่ ดูเผิน ๆ อาจจะง่ายกว่า เพราะมีอีกคนมาช่วยเล่น แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ แต่ความจริงแล้วสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากทักษะคือความเข้าขารู้ใจของนักกีฬา

ประเภทคู่เกมจะเร็วกว่าประเภทเดี่ยวแบบหายใจหายคอแทบไม่ทัน ดังนั้นถ้ามีความเข้าใจกันคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงเสียแต้มหรือเสียเปรียบคู่แข่งในจังหวะถัดไปได้เลยทีเดียว

การจะประสบความสำเร็จในประเภทนี้จึงไม่ใช่ว่าเก่งคนเดียวหรือเก่งทั้งคู่แล้วจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ เพราะคำว่าทีมเวิร์กต้องมาก่อน ซึ่งในประเภทชายคู่เก่ง ๆ หลายคนมีสิ่งนี้เป็นจุดแข็ง

แล้ว 5 คู่นักแบดชายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลจะมีใครบ้างนั้น ติดตามได้ที่นี่

5. อี ยอง-แด / จุง แจ-ซุง (เกาหลีใต้)

หากวัดที่สถิติการเจอกันเพียว ๆ คู่จากแดนโสมขาวเหนือกว่า ไช่ หยุน กับ ฟู่ ไห่เฟิง คู่ตำนานแดนมังกรด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ อี ยอง-แด กับ จุง แจ-ซุง มักจะคว้าน้ำเหลว ได้เพียงบทพระรองหรือตกรอบรองชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็น 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงจากศึกชิงแชมป์โลก หรือ 1 เหรียญทองแดงโอลิมปิกปี 2012 มีเพียงแชมป์เอเชียปี 2008 เท่านั้นที่เป็นเกียรติยศยมรับใช้ชาติของทั้งคู่ แต่ก็คว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรี่ส์ได้ 18 รายการ และ กรังด์ปรีซ์อีก 6 รายการ ซึ่งหลังจาก จุง แจ-ซุง เลิกเล่นทีมชาติหลังจบลอนดอน เกมส์ ก่อนเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อปี 2018 อี ยอง-แด ก็เปลี่ยนไปจับคู่กับคนอื่น ๆ ลงแข่งต่อไป ทั้ง โค ซุง-ฮยุน, ยู ยอน-ซอง และปัจจุบันคือ คิม กี-จุง

4. โทนี่ กูนาวาน / แคนดรา วิจาจา (อินโดนีเซีย)

คู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการจับคู่กันเอง หรือแยกไปคู่กับคนอื่น ต่างก็ประสบความสำเร็จ โดย กูนาวาน / วิจาจา ร่วมกันคว้าเหรียญทอง โอลิมปิก ปี 2000, 1 แชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ และ 13 แชมป์กรังด์ปรีซ์ ซึ่ง กูนาวาน ยังไปจับคู่กับ เร็กซี่ ไมนากี้ โค้ชทีมชาติไทยคนปัจจุบัน คว้าแชมป์เอเชีย 1 สมัย ก่อนจับคู่กับ ฮาลิม ฮาร์ยานโต้ คว้าแชมป์โลก 1 สมัย ปี 2001 รวมทั้งโอนสัญชาติเป็นอเมริกันจับคู่ โฮเวิร์ด บัค คว้าแชมป์โลกในปี 2005 ขณะที่ วิจาจา ประสบความสำเร็จมาก่อนจับคู่กับกูนาวานแล้ว โดยได้ แชมป์โลก 1 สมัย (ซิกิต บูดิอาร์โต้) และ แชมป์เอเชีย 1 สมัย (อาเด้ สุตริสน่า)

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

• 5 นักแบดชายเดี่ยวที่ดีที่สุดตลอดกาล
• 5 นักแบดหญิงเดี่ยวที่ดีที่สุดตลอดกาล
• 5 ประเด็นที่อาจเกิดขึ้นในวงการแบดมินตันปี 2021
• 8 นักแบดมินตันหญิงแห่งปี 2020

3. เฮนดรา เซเตียวาน / โมฮัมหมัด อาซาน (อินโดนีเซีย)

แม้จะยังจับคู่กันลงแข่งขันอยู่ในปัจจุบัน แต่ความสำเร็จของ เซเตียวาน / อาซาน ก็เข้าขั้นตำนานไปแล้ว ทั้งคู่คว้าแชมป์โลกร่วมกัน 3 สมัย, แชมป์เอเชียน เกมส์ 1 สมัย, เวิลด์ ทัวร์ 4 รายการ, ซูเปอร์ซีรี่ส์ 9 รายการ และกรังด์ปรีซ์ อีก 1 รายการ ซึ่งไม่น่าจะหยุดอยู่แค่นี้ เพราะแม้ เซเตียวาน จะอายุ 36 ปี ขณะที่ อาซาน 33 ปี แต่ก็ยังรั้งมืออันดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้งเข้าชิงถึง 11 รายการเมื่อปี 2019 ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของพวกเขา ย่อมไม่พ้นเหรียญทอง โอลิมปิก เกมส์ 2020

2. เฮนดรา เซเตียวาน / มาร์คิส คิโด (อินโดนีเซีย)

ก่อนที่ เฮนดรา เซเตียวาน จะจับคู่กับ โมฮัมหมัด อาซาน คว้าแชมป์มากมายหลายรายการ เขาเคยพุ่งถึงจุดสูงสุดในการจับคู่กับ มาร์คิส คิโด มาแล้ว โดยเฉพาะการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี 2008 ด้วยการหักหน้า ไช่ หยุน กับ ฟู่ ไห่เฟิง ถึงถิ่น รวมทั้งคว้าแชมป์โลกในปีก่อนหน้านั้น ซึ่งมีเพียงไม่กี่คู่ที่คว้าทั้งแชมป์โลกและแชมป์โอลิมปิกได้สำเร็จ นอกจากนั้น เซเตียวาน / คิโด ยังคว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรี่ส์อีก 9 รายการ, กรังด์ปรีซ์ 6 รายการ, แชมป์เอเชีย 2 สมัย, เอเชียน เกมส์ 1 สมัย และซีเกมส์ 3 สมัย

1. ไช่ หยุน / ฟู่ ไห่เฟิง (จีน)

ไม่มีคู่ไหนจะประสบความสำเร็จมากไปกว่า ไช่ หยุน / ฟู่ ไห่เฟิง อีกแล้ว 4 แชมป์โลก, 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินโอลิมปิก, 14 แชมป์ซูเปอร์ซีรี่ส์, 7 แชมป์กรังด์ปรีซ์ แค่นี้ก็บ่งบอกว่าทั้งคู่เก่งกาจ และรักษาผลงานได้อย่างสม่ำเสมอมากเพียงใด ซึ่งทั้งหมดมาจากทักษะที่เยี่ยมยอด และทีมเวิร์กที่ยอดเยี่ยม ไช่ หยุน ถูกยกให้เป็นสุดยอดในการเล่นหน้าเน็ต ขณะที่ ไห่เฟิง ก็ไม่เป็นสองรองใครในแดนหลัง โดยหลังจากที่ ไช่ หยุน เลิกเล่นไปแล้ว เขาก็ไปจับคู่กับ จาง หนาน แชมป์โอลิมปิกคู่ผสมปี 2012 และคว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรี่ส์อีกหลายรายการ ที่ยิ่งกว่านั้นยังคว้าเหรียญทองชายคู่ใน ริโอ เกมส์ 2016 อีกด้วย ทำให้ ฟู่ ไห่เฟิง เป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์แบดมินตันที่เข้าชิงโอลิมปิก 3 สมัยติด และเป็นคนเดียวที่คว้า 2 เหรียญทองจากประเภทชายคู่