ส่องแข้งไทย ใครกันมีลุ้นลุยลีกยุโรป?

#ChangsuekFocus ส่องแข้งไทย ใครกันมีลุ้นลุยลีกยุโรป

ในช่วงตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา แฟนกีฬาฟุตบอลคงทราบกันดีว่ามีกระแสข่าวลือมากมายที่นักเตะไทย ได้รับความสนใจจากหลายๆ ทีมในเอเชีย รวมไปถึงโอกาสในการไปค้าแข้งในลีกใหญ่ๆ ในยุโรป ตามรอยรุ่นพี่ในทีมชาติไทย ที่เคยไปค้าแข้งในยุโรป อาทิ ธีรเทพ วิโนทัย กับในสโมสรเบลเยี่ยม หรือแม้แต่ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ได้มีโอกาสไปวาดลวดลายบนแดนกระทิงดุในลาลีก้าสเปน ทำให้น่าสนใจว่าในอนาคตอันใกล้จะมีแข้งไทยคนใด ที่จะมีโอกาสได้ย้ายไปค้าแข้งในลีกยุโรป

วันนี้ 'ช้างศึก' จะพามาส่องแข้งไทยที่มีข่าว รวมไปถึงได้รับการจับตามองจากทีมในต่างประเทศ ว่าใครกันที่เข้าข่ายได้เก็บกระเป๋าไปลุยลีกยุโรปกันบ้าง

#ชนาธิป สรงกระสินธ์ 2.4 ล้านยูโร (85.5 ล้านบาท)

นับตั้งแต่ "เมสซี่เจ" เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมเป็นคีย์แมนของ คอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมดังจากเจลีก ญี่ปุ่น โดยโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ซัดไปแล้ว 12 ประตู 11 แอสซิสต์ โดยตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ในยุโรปรุมตามจีบทั้ง ลีกเบลเยียม, ลีกเยอรมนี รวมไปถึงลีกอังกฤษ

ถึงขนาดก่อนหน้านี้มีข่าวลืออย่างหนักว่าคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เตรียมที่จะขายเขาออกจากทีม เพื่อพยุงเรื่องการเงินของสโมสร ที่กำลังเจอวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเจ้าตัวเป็นดาวเตะที่มีค่าตัวสูงสุดอันดับ 1 ของทีม จึงมีความเป็นไปได้ที่คอนซาโดเล่ ซัปโปโร อาจจะต้องขาย “ชนาคุง” ออกจากทีมเพื่อหาเงินเข้ามาสู่ทีมหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น 

นอกจากนี้ Daily Mail สื่อชื่อดังแดนผู้ดี เคยตีผ่านตัวเขาว่า “ฟุตบอลญี่ปุ่นมีความเร็วและใช้พละกำลังสูง แต่ชนาธิป มีรูปร่างสูงแค่ 1.58 เมตรเท่านั้น แต่สามารถพาทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร  จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีที่สุด นอกจากนี้เขายังถูกเลือกติดทีม J-League XI (ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี) และกลายเป็นผู้เล่นอาเซียนคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้" จากการตีแพร่บทความนี้ออกไป

ทำให้ “ชนาคุง” ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทีมในอังกฤษในการเรียกตัวไปทดสอบฝีเท้า และมีโอกาสไม่น้อยที่ในอนาคตเราอาจได้เห็นเจ ไปสร้างชือกระหึ่มยุโรปหากเจ้าตัวยังรักษาฟอร์มการเล่นในเจลีกเอาไว้ได้ ด้วยทักษะการพลิ้วไหวการเลี้ยงกินตัวใส่คู่แข่ง

-----------------------------------

#ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา 500,000 ยูโร (18 ล้านบาท)

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับ วันเดอร์คิดส์รายนี้ด้วยฟอร์มการเล่นของ ”แบงค์” ตลอดปี 2019 ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ ทำให้แข้งดาวโรจน์รายนี้มีโอกาสไม่น้อยที่จะเดินตามรอยเพื่อนร่วมรุ่นทีมชาติอย่าง เบนจามิน เดวิส มิดฟิลด์ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จากสโมสรฟูแล่ม ไปค้าแข้งที่อังกฤษ 

หลังจาก เบน ออกมาเอ่ยปากชมว่า “เขาเป็นผู้เล่นที่มีความเร็วและทักษะดี เขามีความกระตือรือร้น พยายามที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมคิดว่าเขาสามารถเล่นให้กับสโมสรฟูแล่ม ทีมสำรองได้แน่นอน" 

จนครั้งหนึ่งถูก “The Guardian” สื่อชื่อดังของอังกฤษ ออกมาเปิดเผยถึงผู้เล่นดาวรุ่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลกจำนวน 60 คน ปรากฏว่ามีชื่อของ ศุภณัฏฐ์ ติดโผเข้ามาเคียงข้าง อันซู ฟาติ กองหน้าอนาคตไกลของบาร์เซโลนารวมอยู่ด้วยอีกทั้ง ”เจ้าแบงค์” ยังมีสัญญาใจกับทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เฝ้าจองตัวแข้งดาวรุ่งรายนี้ไปทดสอบฝีเท้า แต่ทางสโมสรบุรีรัมย์ จะปล่อยตัวไปตอนอายุครบ 18 ปี เพราะมองว่าทางอังกฤษ เข้มงวดกับการเซ็นสัญญากับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จึงไม่อยากให้กลายเป็นปัญหาของสโมสรในอนาคต

ทำให้เชื่อเหลือเกินว่าโอกาสในการเก็บกระเป๋าไปลุยลีกยุโรปของแบงค์มีไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยอายุที่กำลังสด ร่างกายที่สมบรูณืในทุกส่วนเหนือกว่า เด็กวัย 17 ด้วยกัน และทักษะฟุตบอลทั้งเรื่องของ ความเร็ว พละกำลัง

-----------------------------------

#สารัช อยู่เย็น 325,000 ยูโร (11.3 ล้านบาท)

กลับมาแจ้งเกิดใหม่อีกครั้งในนามทีมชาติ ยุคของ อากิระ นิชิโนะ จนทำให้มีข่าวลือหนาหูว่า ทางสโมสร ยะโฮร์ ดารุล ทะซิม ทีมถุงเงินถุงทอง ของประเทศมาเลเซีย ทีมที่เคยทุ่มซื้อ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ อดีตกองหน้า "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปล่าตาข่าย คงไม่ใช่เรื่องยากหาก ยะโฮร์ ต้องการดึงแข้งดีกรีทีมชาติไทยไปร่วมทีม เพราะด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ของทีมเรียกได้ว่าติดท็อประดับหัวแถวของเอเชีย ก่อนที่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีข่าวลืออีกครั้งว่าทีมจากเจลีก กำลังให้ความสนใจ สารัช อยู่เย็น กองกลางทีมชาติไทย อยู่ถึง 3-4 สโมสร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “เจ้าตังค์” ถือเป็นนักเตะที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาในนามทีมชาติไทยตั้งแต่สมัยของโค้ชซิโก้ เป็นกำลังสำคัญพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014 และต่อเนื่องมาถึงแชมป์ซีเกมส์ 2015 ที่สิงคโปร์ ซึ่งครั้งนั้นเจ้าตัวได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม สุดท้ายมาคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ ปี 2016 ได้อีกสมัย 

จนในช่วงเวลานั้น ESPN สื่อดังของอเมริกา เปรียบเทียบว่าเป็น "ชาบี อลอนโซ่ ไทยแลนด์" และกำลังถูกจับตามองจาก ไนเจล เพียร์สัน (อดีตกุนซือเลสเตอร์ ซิตี้) ที่ต้องการตัวดาวเตะรายนี้ไปโชว์เพลงแข้งในอังกฤษ

โดยปัจจุบัน สารัช เหลือสัญญากับทัพ "กิเลนผยอง" อีกเพียงแค่ 1 ปีครึ่ง เท่านั้น 

ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า สารัช ในวัยที่กำลังสุกงอมบวกกับฝีเท้าและทักษะของเขา อาจจะไม่ใช่ตัวหลักของทีมใหญ่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเป็นกำลังสำคัญของทีมขนาดเล็กได้ไม่ยาก

-----------------------------------

#ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ 475,000 ยูโร (16.5 ล้านบาท)

“มิดฟิลด์ไดนาโม” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานตลอดทั้งปี 2019 ทำให้ฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอ แม้จะถูกส่งไปเก็บเลเวลกับสโมสร โออิตะ ทรินิตะ ทีมในเจลีก 1 ฤดูกาล แต่ฟอร์มส่วนตัว ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่ากับนักเตะไทยที่ไปค้าแข้งก่อนหน้านี้  แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ล้มเหลวสำหรับ “เจ้านิว” เมื่อเขาได้นำประสบการณ์กลับมาช่วย “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สโมสรต้นสังกัดเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปแบบการเล่น ความฟิต และสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ สภาพร่างกาย ที่พาทีมเดอะ แรบบิท ไร้พ่ายอยู่บนหัวตาราง ณ เวลานี้  จนทางสโมสร ยะโฮร์ ดารุล ทะซิม ต้องการเบนเข็มมาล่า ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางกัปตันทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แทนที่ สารัช อยู่เย็น 

โดยปัจจุบัน “มิดฟิลด์ไดนาโม” รายนี้มีโอกาสไม่น้อยที่มีสิทธิ์ลุ้นไปค้าแข้งในเมืองผู้ดี เพราะทางสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มีพันธมิตรลูกหนังที่พร้อมซัพพอตและมี พาทเนอร์อยู่มากมาย 

นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในอนาคต ด้วยสไตล์การเล่นของนิว การมีพลังงานเหลือล้น ความเด็ดขาดในการตัดเกม การเปลี่ยนจากรับเป็นรุกโดยเร็วได้ และการวางบอลยาวที่แม่นจำ ตามแบบฉบับบอลเมืองผู้ ที่เน้นบอลไดเร็ค หรือ พยายามส่งบอลไปข้างหน้าให้เรวที่สุด และการพละกำลังที่เข้าถึงลูกถึงคน

-----------------------------------

สุดท้ายแฟนบอลไทยหวังว่านักเตะ “เลือดช้างศึก” ของเราจะได้ก้าวเท้าออกไปโชว์ฝีเท้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เฉกเช่นที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่น และอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ขอเพียงมีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้าและ ให้ลูกฟุตบอลเป็นตัวตัดสินให้เอง