20 พฤศจิกายน 2563
การจะได้รับเลือกให้เป็นดราฟต์อันดับแรกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนักกีฬาต้องพิสูจน์ตัวเองในหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ฝีมือหรือความสามารถ แต่ยังรวมถึงทัศนคติ, การเล่นเป็นทีม, ศักยภาพที่รอการพัฒนา รวมไปถึงมูลค่าทางการตลาด
แอนโธนี่ เอ็ดเวิร์ดส์ พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเขามีสิ่งเหล่านั้น จนได้รับเลือกจาก มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส์ ให้เป็นดราฟต์อันดับ 1 ของปี 2020 ในที่สุด
แต่นอกจากเรื่องที่เขาเป็นดาวเด่นตัวทำสกอร์ของ ม.จอร์เจีย ในฤดูกาลที่ผ่านมาแล้ว ชีวิตของ เอ็ดเวิร์ดส์ มีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ไปติดตามได้ใน 5 เรื่องน่ารู้ของดราฟต์อันดับ 1 เอ็นบีเอปี 2020 กันได้เลยครับ
เริ่มต้นด้วยอเมริกันฟุตบอล ก่อนเบนเข็มเพราะพี่ชาย
ความจริงแล้วในวัยเด็ก เอ็ดเวิร์ดส์ เริ่มต้นเล่นกีฬาจริงจังจากอเมริกันฟุตบอลในตำแหน่งรันนิ่งแบ็ก หรือตัววิ่ง รวมทั้งสามารถเล่นในตำแหน่งควอเตอร์แบ็กและคอร์เนอร์แบ็กหรือตัวคุมปีกได้อีกด้วย และในวัยประมาณ 9 ขวบ เขาก็กลายเป็นตัววิ่งอันดับ 1 ของประเทศ ในรุ่นเดียวกันไปแล้ว แต่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปเล่นบาสเกตบอล เพราะรู้สึกว่าน่าสนุกมากกว่า
"ถ้าเล่นอเมริกันฟุตบอลต่อผมว่าผมเป็นผู้เล่นอาชีพได้เลยนะ เพราะผมเจ๋งจริง ๆ ผมเป็นตัววิ่งเบอร์ 1 ของประเทศตอนอายุ 9 หรือ 10 ขวบ แต่หยุดเล่นเพราะเห็นพี่ชายเล่นบาสแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจมากกว่า"
หลังจากที่หันมาเล่นได้ไม่นาน เอ็ดเวิร์ดส์ก็พบว่ากีฬาชนิดนี้ไม่ง่ายเหมือนกับอเมริกันฟุตบอล เขาไม่ได้เป็นผู้ชนะเหมือนเคย แต่ก็กลายเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้พัฒนาตัวเอง และหลงรักกีฬาชนิดนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
"ผมกับพี่ชายมักจะเล่นบาสกันที่สวนหลังบ้านยาย และในช่วงหน้าร้อนพวกเราก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำนอกจากไปเข้าซัมเมอร์แคมป์ ที่นั่นผมเอาชนะใครไม่ค่อยได้จนเริ่มจะเอือมระอา แล้ววันหนึ่งผมก็ฮึดสู้เพื่อเอาชนะพวกเขา"
ศิษย์ครูเดียวกับดเวย์น เวด
อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาชื่อดังถามเอ็ดเวิร์ดส์ว่า เขาอยากเปรียบเทียบตัวเองกับผู้เล่นคนไหน ซึ่งเจ้าตัวตอบว่า เดย์น เวด ตำนานของ ไมอามี ฮีต ที่เคยถูกโค้ชโดย ทอม ครีน โค้ช ม.จอร์เจีย สมัยที่เวดเรียน ม.มาร์เควตต์
"ผมมองไปที่ทีวีและบอกว่าผมเป็นเหมือนเวดได้ หรืออาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ"
ด้านเวดแชมป์ 3 สมัย, ผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบชิงฯ 1 สมัย และติดทีมออลสตาร์ 13 ครั้ง ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ พร้อมกับทวีตข้อความกล่าวชมว่า เอ็ดเวิร์ด มีแววดีกว่าเขาในอนาคต
แน่นอนว่าการได้คำชมจากตำนานย่อมทำให้เขาภูมิใจ ขณะเดียวกันเขายังเปิดเผยว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกดดัน แถมยังเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีอีกด้วย
"การได้ฟังอะไรแบบนี้จากยอดผู้เล่นทำให้ผมมีความสุข แต่ก็ไม่ได้กดดัน เพราะมันทำให้รู้สึกว่า เพดานของผมสูงขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้อยากฝึกซ้อมหนักขึ้นกว่าเดิม"
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
ไมเคิล จอร์แดน มาดูการซ้อมของเขาถึงที่ก่อนการดราฟต์
ก่อนพิธีดราฟต์ เอ็ดเวิร์ดส์ ได้ลงซ้อมต่อหน้าทีมที่มีสิทธิ์เลือก 3 อันดับแรกคือ มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส์, โกลเดน สเตต วอร์ริเออร์ส และ ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ ที่มีเจ้าของทีมอย่าง ไมเคิล จอร์แดน สุดยอดตำนานเอ็นบีเอมาร่วมชมอยู่ด้วย
เอ็ดเวิร์ดส์ ยอมรับว่า นับเป็นประสบการณ์ที่เหนือจินตนาการที่สุดที่เขาได้รับในช่วงกระบวนการก่อนดราฟต์เลยทีเดียว
"การที่เขามาที่ยิมนั้นมันบ้ามาก ๆ ผมนี่อึ้งและเสียสติไปเลย เพราะว่านั่นคือ ไมเคิล จอร์แดน ตัวเป็น ๆ"
เบอร์ 5 ที่เจือด้วยความเศร้า
เอ็ดเวิร์ดส์เลือกหมายเลข 5 เป็นเบอร์ประจำตัว เพื่อระลึกถึงแม่และยายที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในระยะเวลาห่างกัน 8 เดือน ตอนที่เขาเรียนอยู่เกรด 8 หรือประมาณมัธยมต้นบ้านเรา โดยทั้งคู่เสียชีวิตในวันที่ 5 ของเดือนเหมือนกัน
"การสูญเสียแม่เป็นเรื่องที่ยากสำหรับผม เพราะผมมักจะเข้าไปนอนกับเธอ ดังนั้นจึงไม่มีใครมานอนเคียงข้างผมอีกแล้ว ส่วนคุณยายเหมือนเป็นกระดูกสันหลังของครอบครัวเรา เธอทำทุกอย่างให้เรามาตลอด" เอ็ดเวิร์ดส์ ให้สัมภาษณ์กับ The Undefeated
นับตั้งแต่นั้น เอ็ดเวิร์ดก็เติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูของพี่ชายและพี่สาว (เอ็ดเวิร์ดส์เปิดเผยว่าพ่อแท้ ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในชีวิตของเขา) ดังนั้นเขาจึงผูกพันกับครอบครัวอย่างมาก ทำให้ตัดสินใจเลือก ม.จอร์เจีย ที่อยู่ห่างจากบ้านเพียง 90 นาที แทนที่จะเลือกมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง ฟลอริดา สเตต, นอร์ธ แคโรไลนา, แคนซัส และ เคนตักกี
เด็กปี 1 ที่เก่งที่สุดของ เซาธ์อีสเทิร์น คอนเฟอเรนซ์
เอ็ดเวิร์ดคว้ารางวัลผู้เล่นปี 1 ยอดเยี่ยมแห่งปีของ เซาธ์อีสเทิร์น คอนเฟอเรนซ์ (SEC)จากการโหวตโดยโค้ชในโซนเดียวกัน รวมทั้งยังได้รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปีของSEC จาก AP พี สำนักข่าวชื่อดัง ทำให้กลายเป็นผู้เล่นจากม.จอร์เจียคนแรกที่ได้รับเลือกจากโค้ชให้เป็นผู้เล่นปี 1 ยอดเยี่ยม นับตั้งแต่เริ่มมีรางวัลนี้ในปี 2001 และเป็นคนแรกของมหาวิทยาลัยที่ได้รางวัลของ AP นับตั้งแต่ จาร์วิส เฮย์ส ในปี 2002
เอ็ดเวิร์ดส์เป็นผู้นำในการทำแต้มของผู้เล่นชั้นปีเดียวกัน และเป็นอันดับ 3 ของ SEC จากค่าเฉลี่ย 19.1 แต้มต่อเกม และทำแต้มเลขสองหลักได้ถึง 27 จาก 32 เกม โดยแต้มรวม 610 คะแนนของเขายังมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ผู้เล่นปี 1 ของจอร์เจีย ถัดจาก 646 คะแนน ที่ แจ็คกี้ ดอร์ซีย์ ทำเอาไว้ช่วงปี 1974-75
นอกจากนั้น เอ็ดเวิร์ดส์ ยังเป็นผู้นำทีมจากการทำ 43 สตีล และเป็นอันดับ 2 ของทีมในการรีบาวด์ 5.2 ครั้งต่อเกม รวมทั้งแอสซิสต์รวม 91 ครั้ง
TAG ที่เกี่ยวข้อง