11 พฤศจิกายน 2563
เคยถามตัวเองมั้ยครับว่า เราอยากจะบรรลุเป้าหมายในชีวิตตอนอายุเท่าไหร่ 30, 40 หรือ 50 ปี แล้วถ้าคุณเกิดมาพร้อมกับมีต้นทุนที่ด้อยกว่าคนทั่วไปล่ะ เป้าหมายนั้นจะต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะสำเร็จ
แต่ คริส นิคิช เด็กหนุ่มชาวอเมริกัน ทำมันได้ในวัย 21 ปี
ณ ตอนนี้ นิคิช คือผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมคนแรกที่เข้าเส้นชัยในการแข่งขันไตรกีฬา ไอรอนแมน ลบคำสบประมาทจากผู้คนที่เขาได้รับมาตลอดชีวิต
คริสมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และเขามองอะไรเป็นเป้าหมายต่อไปในอนาคต ติดตามได้ที่นี่
จุดเริ่มต้นจากการวิดพื้น 1 ครั้ง
ตั้งแต่ลืมตาดูโลก คริส ต้องเจอแต่คำว่า "ทำไม่ได้" จากคนรอบข้าง เขาต้องทนกับสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นขีดจำกัดของเด็กดาวน์ซินโดรม
จนถึง ณ จุดหนึ่งที่ตัวเขาและครอบครัวตัดสินใจพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่เขาทำได้ และสุดท้ายผลที่ออกมาคือการได้มีชื่ออยู่ใน กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด
คริสวิ่งผ่านเส้นชัยรายการ Ironman ที่ปานามา ซิตี้ บีช ในฟลอริดา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2020 หลังใช้เวลาทั้งหมด 16 ชั่วโมง 46 นาที 9 วินาที จากการว่ายน้ำระยะทาง 2.4 ไมล์, ปั่นจักรยาน 112 ไมล์ และวิ่งมาราธอนอีก 26.2 ไมล์ ซึ่งเร็วกว่าเวลาตัดตัวถึง 14 นาที
ในประวัติศาสตร์การแข่งขัน Ironman กว่า 42 ปี ยังไม่เคยมีนักกีฬาดาวน์ซินโดรมเข้าร่วมการแข่งขันมาก่อน เพราะโรคนี้มีผลต่อกระบวนการเรียนรู้รวมทั้งทำให้การเติบโตช้ากว่าคนปกติ จนกระทั่งคริสลงแข่งและยังเข้าเส้นชัยได้อีกด้วย
จุดเริ่มต้นของการเดินทางสุดมหัศจรรย์นี้ เริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อ นิก นิคิช พบว่า ลูกชายเริ่มจะนั่งนิ่ง ๆ ได้มากขึ้น เขาจึงกระตุ้นให้คริสเพิ่มความแข็งแรงให้ตัวเองอย่างน้อยวันละ 1 เปอร์เซ็นต์ เริ่มต้นจากการวิดพื้น 1 ครั้งเท่านั้น
แนวคิดพัฒนาตัวเองวันละ 1 เปอร์เซ็นต์นั้น พ่อลูกนิคิชได้เอาไปต่อยอดเป็นแคมเปญ "1 percent better challenge" เพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการฝึกซ้อม และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของพวกเขา
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน จึงไม่แปลกอะไรที่นิก จะปลาบปลื้มกับการเข้าเส้นชัยของลูกชายมากกว่าในแง่ของกีฬา
"สำหรับคริสแล้ว การแข่งนี้เป็นมากกว่าแค่การเข้าเส้นชัยและการเฉลิมฉลองชัยชนะ" นิกให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขัน "Ironman ช่วยให้เขาเข้าใกล้เป้าหมายในการใช้ชีวิตไปอีกขั้น และยังเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ และครอบครัวอื่น ๆ ที่เจอปัญหาเดียวกันได้ค้นพบว่า ไม่มีความฝันหรือเป้าหมายใดที่อยู่สูงเกินไป"
"ถ้าคริสแข่งรายการนี้ได้ เขาก็ทำได้ทุกอย่าง"
อ่านบทความสร้างแรงบันดาลใจเพิ่มเติม
รับกำลังใจจากครอบครัว ก่อนส่งต่อให้เพื่อนร่วมโลก
ความจริงแล้วตลอดการแข่งขัน คริสก็ต้องเจออุปสรรคอีกหลายอย่าง กว่าจะสร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นถูกฝูงมดโจมตีในจุดรับอาหาร หรือจักรยานล้ม 2-3 ครั้งจนหัวเข่ามีบาดแผล แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นแข่งขันต่อไปด้วยสปิริตและหัวใจนักกีฬา
ความเชื่อมั่นจากครอบครัวและโค้ชก็มีผลสำคัญเช่นกัน อย่างคลิปที่เผยแพร่ไปทั่วโซเชียล ซึ่งเป็นภาพของนิกสวมรองเท้าวิ่งให้ลูกชายพร้อมกับให้กำลังใจคริสด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า "ลูกทำได้ 2 ใน 3 ส่วนแล้ว ลูกกำลังจะเป็น Ironman แล้ว"
ขณะที่ แดน กรี๊บ โค้ชที่อยู่เคียงข้างตลอดการแข่งขัน ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจในความสำเร็จ เพราะเขารู้ศักยภาพของคริสเป็นอย่างดี
"ผมไม่ประหลาดใจกับสิ่งที่คริสทำได้อีกต่อไป เพราะผมรู้ดีว่าเขาเป็นอย่างไร คริสก็คือคนที่มีเป้าหมายและความฝันเหมือนกับคนอื่น ๆ เขาอยากสร้างเส้นทางที่ง่ายกว่าให้คนที่เป็นเหมือนกันได้ก้าวตาม"
หลังจากประสบความสำเร็จ คริสไม่หยุดอยู่แค่นี้แต่มองไปยังเป้าหมายต่อไปคือการลงแข่งไตรกีฬาใน สเปเชียล โอลิมปิก ปี 2022 พร้อมกับการระดมทุนสำหรับการแข่งขัน, ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม และ RODS(แคมเปญระดมทุนเพื่อเด็กกำพร้าที่มีอาการดาวน์ซินโดรม)
"ผมบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว และตอนนี้ผมอยากจะช่วยเหลือคนอื่นที่เป็นเหมือนกับผม" คริส เปิดเผยทางอินสตาแกรมของตัวเอง
คริส นิคิช ได้ยินแต่คำว่า "ไม่" และ "ทำไม่ได้" มาตลอดระยะเวลา 21 ปี แต่สุดท้ายเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราสามารถเอาชนะคำพูดพวกนั้นได้ ด้วยความมุ่งมั่น การทำงานหนัก และการมีทัศนคติที่ถูกต้อง
นิคิช ไม่ได้เป็น Ironman แค่ร่างกาย แต่จิตใจเขาก็แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
TAG ที่เกี่ยวข้อง