9 พฤศจิกายน 2563
ถึงแม้ยังไม่มีการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และยังมีข้อโต้แย้งอีกหลายจุดจากฝั่ง โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ถึงขณะนี้เรื่อง โจ ไบเดน กำลังจะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็แทบจะยืนยันได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ ย่อมส่งผลกระทบรอบด้าน ไม่เว้นแม้แต่วงการกีฬา ถึงแม้ปัญหาหลาย ๆ อย่างจะเป็นการตัดสินใจของฝ่ายปกครองระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น แต่ทำเนียบขาวก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน
และนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับวงการกีฬาสหรัฐฯ หลัง โจ ไบเดน กำลังจะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46
การรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19
ไบเดนชูมาตรการรับมือ โควิด-19 เป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียง และแม้จะไม่ใช่ปัญหาเฉพาะวงการกีฬา แต่การตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารของไบเด้น ย่อมส่งผลกระทบต่อการแข่งขันทุกระดับโดยเฉพาะลีกอาชีพอย่าง NBA, NHL และ MLB ที่หวังให้แฟน ๆ เข้าชมในสนามได้ในปีหน้า
ไบเดนกระตือรือร้นที่จะจัดการเรื่องนี้มากกว่าทรัมป์ ทั้งในระยะสั้นคือการตรวจหาเชื้อไวรัส หรือระยะยาวอย่างการหยุดการแพร่กระจาย ไบเดนสนับสนุนให้ออกระเบียบข้อบังคับให้ทุกคนสวมหน้ากาก พร้อมกับเปิดเผยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า เขาพร้อมที่จะปิดประเทศ หากได้รับคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์
ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า มาตรการรับมือโควิด-19 ของไบเดน จะส่งผลอย่างไรต่อวงการกีฬา เพราะขณะนี้แต่ละลีกกำลังเฝ้ารอการเปิดให้แฟน ๆ เข้าชมอย่างใจจดใจจ่อ หลังจาก NFL เริ่มคลายล็อกบางส่วนในบางเกม ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์แพร่ระบาดว่าจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิมหรือลดระดับลง
ผลกระทบต่อกฎหมาย Title IX
Title IX คือกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศในสถาบันการศึกษา ซึ่งในขณะที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวนั้น เบตซี่ เดวอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้บัญญัติหรือผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่ส่งผลต่อวงการกีฬา
ยกตัวอย่างเช่น กระทรวงฯ ยกให้สถานศึกษาเป็นผู้ตัดสินใจกับมาตรการรับมือข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ ส่งผลให้โรงเรียนมีช่องว่างในการเลือกได้ว่าบุคลากรอย่างเช่น โค้ช ต้องรายงานเรื่องดังกล่าวต่อทางการหรือไม่ นอกจากนั้นยังมีข้อถกเถียงเรื่องการอนุญาตให้นักกีฬาข้ามเพศเข้าร่วมการแข่งขันกับเด็กหญิงซึ่งละเมิดสิทธิของนักกีฬาตรงเพศ
ไบเดนให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงทั้ง 2 ด้าน และจะอิงกับนโยบายรวมทั้งกระบวนการบริหารในยุคของ บารัค โอบามา ที่มีเขาเป็นรองประธานาธิบดีอย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่นในช่วงการหาเสียง ไบเดนให้สัญญาว่าจะฟื้นฟูการเข้าถึงกีฬาของนักเรียนข้ามเพศให้ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขา เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมของคนต่างสีผิว
การปฏิรูปวงการกีฬาระดับมหาวิทยาลัย
สิทธิของนักกีฬาระดับมหาวิทยาลัย (NCAA) รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาสามารถสร้างรายได้จากชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของตัวเองได้หรือไม่อย่างไร กลายเป็นหัวข้ออภิปรายที่สำคัญในสภาคองเกรส แต่หากจะพูดให้ชัดเจนแล้ว เสียงของ ส.ส. และ ส.ว. มีผลในเรื่องนี้มากกว่าประธานาธิบดี ซึ่งแม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะให้ความสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคเดโมแครตก็เต็มใจที่จะพิจารณาการปฏิรูป NCAA เพื่อให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ขณะที่ พรรครีพับลิกัน ให้ความสนใจแบบเจาะจงในบางส่วนมากกว่า
ดังนั้นชัยชนะของไบเดนจึงหมายถึงพรรคเดโมแครตจะได้เปรียบในเรื่องการปฏิรูป NCAA นอกจากนั้น กมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีก็ยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนสิทธิการสร้างรายได้ของนักกีฬาระดับมหาวิทยาลัย สมัยที่เธอดำรงตำแหน่ง ส.ว. อีกด้วย
การเยือนทำเนียบขาวของแชมป์อเมริกัน เกมส์
แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลสืบเนื่องน้อยที่สุดจากทั้งหมดที่กล่าวว่า แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นภาพง่าย ๆ และชัดเจนที่สุด เพราะการที่ไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีจะทำให้ทีมแชมป์ของแต่ละลีกไปเยืนทำเนียบขาวมากขึ้น โดยเฉพาะบาสเกตบอล และทีมกีฬาหญิง
ถึงแม้การไปเยือนทำเนียบขาวของทีมแชมป์แต่ละชนิดกีฬา จะต้องหยุดชะงักเพราะการแพร่ระบาดของ โควิด-19 แต่ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ก็ยังไม่ได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับทีมแชมป์ NBA หรือ WNBA ที่ทำเนียบขาวแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขาปฏิเสธที่จะขยายกำหนดเวลาของคำเชิญ, สมาชิกของทีมเปิดเผยว่าพวกเขาจะไม่เข้าร่วมพิธี หรือในบางกรณีมีเหตุผลทั้ง 2 ข้อร่วมกัน
ขณะที่นักกีฬาบางคนอาจจะยังเลือกไม่เข้าร่วมพิธีดังกล่าวเพราะไบเดน เหมือนอย่างที่นักกีฬาส่วนน้อยทำในช่วงที่โอบามาอยู่ในตำแหน่ง แต่เรื่องนี้จะกลับไปสู่ภาวะปกติมากกว่าก่อให้เกิดคำถามเหมือนในยุคของทรัมป์อย่างแน่นอน
แถมท้าย : โจ ไบเดน ประธานาธิบดีผู้มีหัวใจนักกีฬา
- เป็นแฟนทีม ฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ลส์ เพราะมาจากเมือง สแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย รวมทั้ง ดร.จิลล์ ไบเดน ภรรยา ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของอีเกิ้ลส์เช่นกัน นอกจากนั้น ไบเดน ยังชื่นชอบ นิวยอร์ก แยงกี้ส์ ทีมเบสบอลใน MLB ตามคุณปู่ของตัวเองอีกด้วย
- ไบเดนจบการศึกษาด้านกฎหมายจาก ซีราคิวส์ และเป็นแฟนเดนตายของ ซีราคิวส์ ออเรนจ์ ทีมบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัย ถึงขั้นเคยพูดว่าเลือดตัวเองเป็นสีส้มเลยทีเดียว
- ไบเดนเคยเล่นเป็นปีกนอกที่มีผลงานโดดเด่นสมัยเรียนไฮสคูล (อาร์ชเมียร์ อคาเดมี่ ในเคลย์มอนต์, เดลาแวร์) โดยพาทีมทำสถิติไร้พ่าย (8-0) รวมทั้งยังเล่นเบสบอลอีกด้วย
- ไบเดนลงเล่นให้ทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ในปีแรก และตั้งเป้าจะเอาจริงเอาจัง ก่อนจะได้พบกับ เนเลีย ฮันเตอร์ อดีตภรรยาผู้ล่วงลับ และเลือกเธอเหนือฟุตบอล อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังกลับไปชมเกมของทีมมาตลอดหลายปี