stadium

ทำความรู้จัก 5 แชมป์โลกชาวไทย ในศึก One Championship

5 พฤษภาคม 2563

เกือบ 10 ปี แล้วที่คนไทยได้รู้จัก “มวยกรง” หรือที่เรียกกันว่า ศิลปะศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานที่เรียกว่า มิกซ์ มาร์เชียล อาร์ต (MMA) ในรายการ ONE CHAMPIONSHIP ซึ่งเป็นการต่อสู้บนเวทีที่มีลูกกรงล้อมรอบเวที เสน่ห์ของ MMA เป็นการนำศิลปะป้องการตัวประจำชาติหลายชนิดมาต่อสู้กัน อาทิ มวยไทย ยิวยิตสู คาราเต้ ไอคิโด้ ยูโด มวยปล้ำ โดยนักกีฬาจะต่อสู้กันบนเวทีอย่างดุเดือด เลือดตกยางออกกันแบบสดๆ ซึ่งเร้าอารมณ์คนดูจนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยโดยเฉพาะในแถบเอเชีย มีการถ่ายทอดสดมากกว่า 118 ประเทศทั่วโลก

 

จากความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้น เงินรางวัลก็สูงมากเช่นกัน ทำให้นักมวยไทยหลายคนหันมาชกในรายการนี้แทน เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในระดับโลกมากยิ่ง ปัจจุบันเรามีนักมวยไทย 5 คน ที่ครองเข็มขัดแชมป์โลก รายการ One Championship ซึ่งในวันนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับพวกเขาทั้ง 5 คนว่าเป็นใครมาจากไหนกันบ้าง

 

 

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์

เจ้าของฉายา “ปากไม่แดง ไม่มีแรงชก” เริ่มฝึกฝนมวยไทยตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ในค่ายมวยของครอบครัวตัวเอง ที่บ้านเกิดจึงหวัดระยอง  โดยเหตุผลที่ครอบครัวให้เธอเรียนมวยไทย ก็เพราะว่าอยากให้ลูกสาวคนนี้มีวิชาไว้ป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกใครรังแกได้ หลังฝึกฝนได้เพียงแค่ 1 ปี เธอมีโอกาสได้ขึ้นสังเวียนจริง และฉายแววความยอดมวยให้เห็นตั้งแต่ไฟต์แรก โดยเธอสามารถเอาชนะน็อกคู่แข่งด้วยเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้น!! 

 

เส้นทางของเธอหลังจากนั้นผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ขึ้นชกไม่ต่ำกว่า 80 ไฟต์ เป็นแชมป์เวทีมวยในท้องถิ่น แชมป์ภาคอีสาน เป็นมวยฝีมือดีที่ไม่มีนักมวยหญิงคนไหนสู้เธอได้เลยในช่วงเวลานั้น ทำให้เธอตัดสินใจย้ายถิ่นฐาน ออกจากบ้านเกิดมายังพัทยา แม้ว่าในยุคนั้นมวยหญิงจะไม่เป็นที่นิยม แต่เธอก็ยังเลือกที่ทำตามความฝันโดยการเป็นนักสู้บนสังเวียน

 

ปัจจุบัน แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ครองเข็มขัดแชมป์โลกหนึ่งเส้น มวยไทย รุ่นอะตอมเวต แต่ก่อนหน้านี้เธอเคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักมวยหญิงคนแรกที่ครองแชมป์โลก  2 ประเภทกีฬา จาก คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต และมวยไทย รุ่นอะตอมเวต ขณะเดียวกันด้วยสไตล์การบู๊ดุดัน ต่อสู้สนุกสนานเอาใจคนดู มีความเอนเตอร์เทรนค่อนข้างสูง ทำให้สื่อเมืองนอกยกให้เธอเป็นหนึ่งในนักสู้ที่น่าติดตามมากที่สุด พร้อมกับฉายา The Greatest Show-Woman

 

 

รถถัง จิตรเมืองนนท์

เจ้าของสถิติชกชนะมากกว่า 250 ไฟต์ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 21 ปี ผ่านเวทีมวยใหญ่ในประเทศมาหมดแล้ว แถมยังเป็นแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อยถึงสองสมัย จากเด็กหนุ่มธรรมดา เป็นคนเงียบๆชอบเก็บตัวไม่ชอบสุงสิง เขาเริ่มเรียนมวยไทยตั้งแต่อายุ 7 ขวบที่ค่ายมวยเล็กๆที่บานเกิดจังหวัดพัทลุง 

 

แม้ว่าตัวเขาจะไม่ชอบต่อยมวย พยายามหลีกหนีการมีเรื่องชกต่อย แต่บางครั้งพรสวรรค์ของคนเราก็มาจากสิ่งที่ไม่ได้ชอบ หลังจากฝึกฝนมวยไทยได้ 3 ปี รถถัง อายุได้ 10 ขวบ เริ่มเก่งขึ้นแข็งแกร่งพอจะขึ้นต่อยบนเวทีได้แล้ว ในช่วงนั้นเขาชกชนะมาเรื่อยๆ มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการต่อยมวย จนสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะเป็นนักมวยอาชีพ

 

จากนั้นไม่นาน รถถัง ได้มีโอกาสย้ายไปอยู่กับค่ายจิตรเมืองนนท์ ค่ายมวยชื่อดังที่ใครๆก็รู้จักหรือคุ้นเคย เมื่อได้มาอยู่ค่ายใหญ่ยิ่งทำให้เขาอยากพัฒนาฝีมือมากขึ้น เพราะรู้แล้วว่าโอกาสเห็นเงินแสนจับเงินล้านมาถึงแล้ว รถถัง ขยันซ้อม ทุ่มเททุกวินาที จนประสบความสำเร็จในการเป็นนักมวยไทย 

 

ปัจจุบัน รถถัง ได้หันมาต่อยมวย One Championship และครองเข็มขัดแชมป์โลก มวยไทย รุ่นฟลายเวต ด้วยการเอาชนะ “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” เมื่อปลายปี 2019

 

 

เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี

จุดเริ่มต้นเส้นทางมวยไทยของเขาไม่ได้แตกต่างจากคนมวยส่วนใหญ่ เด็กหนุ่มจากอุบลราชธานีคนนี้ เริ่มรู้จักกับมวยไทยครั้งแรกตอน 9 ขวบ ย้ายเข้ามาตามหาความฝันที่เมืองหลวงในปี 2012 

 

เพชรมรกต ถือเป็นนักมวยไทยที่ได้รับการยอมรับมาจากคนวงการมวย เป็นอีกคนที่เคยถูกยกย่องให้เป็นนักมวยไทยที่ดีที่สุดหากเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ผ่านการขึ้นชกไม่น้อยกว่า 200 ไฟต์ เป็นแชมป์มาแล้วหลายเวที หลายรุ่นน้ำหนัก อาทิ แชมป์มวยเวทีลุมพินี 2 รุ่น และแชมป์ WMC มวยไทย เอาชนะนักมวยไทยชื่อดังมาแล้วหลายราย และยังถูกจับเป็นคู่เอกนำรายการอีกนับครั้งไม่ถ้วน

 

ในวัย 26 เขาจึงเลือกที่จะหาความท้าทายใหม่กับ One Championship เพื่อพิสูจน์ตัวเองในฐานะยอดมวยอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันเขาได้ครองเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดเวลา 15 ปี ของการเป็นนักมวย

 

 

น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว”

อดีตยอดมวยไทยจากสกลนคร รุ่นใหญ่คนนี้ เชื่อว่าแฟนมวยไทยคงรู้จักมักคุ้นเขาเป็นอย่างดี ในวัยเด็ก น้องโอ๋ เกิดและเติบโตในครอบครัวยากจน พ่อแม่เป็นชาวนา สิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้คือการเป็นนักมวยนั่งเอง น้องโอ๋ เริ่มชกมวยตอน 9 ขวบ เพราะเห็นเพื่อนเตะกระสอบทรายในค่ายมวยแถวบ้านอยู่เป็นประจำ ทำให้ตัดสินใจไปเรียนด้วย และเพียงแค่เดือนเดียวเขาก็มีโอกาสได้ขึ้นต่อยบนเวทีจริงครั้งแรก

 

ด้วยพรวรรค์ด้านหมัดมวยที่เหนือกว่าเด็กทั่วไป หลังจากนั้นไม่นานได้ย้ายเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อเป็นนักมวยไทยชื่อดัง ในวัย 15 ปี ได้ขึ้นไปต่อยบนเวทีราชดำเนินเป็นครั้งแรก มีประสบการณ๋โชกโชน ผ่านการขึ้นชกไม่ต่ำกว่า 300 ไฟต์ คว้าแชมป์ประเทศไทย 2 รุ่น แชมป์โลกเวทีมวยลุมพินี เวทีมวยราชดำเนินอีกหลายรุ่น เป็นนักมวยไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ ก่อนจะปิดฉากไฟต์สุดท้ายบนสังเวียนมวยไทย ด้วยการแพ้คะแนน ฉมวกทอง ส.ยุพินดา ที่เวทีราชดำเนิน เมื่อปี 2015

 

หลังจากนั้นเขาหายหน้าหายตาจากวงการมวยไปนานถึง 3 ปี ก่อนจะกลับมาอีกครั้งใน ONE Championship ปัจจุบันในวัย 33 ปีเขาครองเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย รุ่นแบนตั้มเวต ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็นของจริง 

 

 

สามเอ ไก่ย่างห้าดาว 

อีกหนึ่งนักมวยไทยมากประสบการณ์ ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องให้เป็นนักมวยไทยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ เป็นเพชรเม็ดงามของวงการมวยไทย ที่ไม่มีประวัติด่างพร้อย สามเอ ไก่ย่างห้าด้าวยิม เป็นคนจังหวัดบุรัมย์ เกิดและโตในครอบครัวยากจน เริ่มฝึกฝนมวยไทยตอนอายุ 9 ขวบ เนื่องจากโปรโมเตอร์มวยในงานวัดแถวบ้านมาประกาศหานักมวยไทยรุ่นจิ๋ว ซึ่งเขาสนใจจึงไปขอพ่อกับแม่ก่อนจะได้รับอนุญาต และด้วยความมุ่งมั่นทำให้กระดูกมวยของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้ขึ้นชกทุกสัปดาห์

 

พออายุ 15 มีโอกาสได้ย้ายมาอยู่กับค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี่ อีกหนึ่งค่ายมวยไทยชื่อดัง หลังจากนั้นมีโอกาสได้ขึ้นชกบนเวทีมวยหลักอย่างลุมพินีและราชดำเนิน ก่อนจะประสบความสำเร็จจนถึงขั้นถูกยกยกให้เป็นตำนานของวงการมวยไทย ตลอดเวลา 28 ปี บนสังเวียนผ้าใบ มีประสบการณ์การชกไม่ต่ำกว่า 400 ไฟต์ ครองแชมป์ทั้งหมด 4 เส้น ก่อนจะแขวนนวมในปี 2015

 

ปัจจุบันในวัย 36 ปี น้องโอ๋ ติดสินใจฃกลับมาขึ้นชกบันสังเวียนอีกครั้ง และเป็นนักมวยไทยเพียงคนเดียวที่ครองเข็มขัดแชมป์โลกในรายการ ONE Championship ถึง 2 รุ่น ในแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต และแชมป์โลกมวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ซึ่งในช่วงท้ายของอาชีพแบบนี้เจ้าตัวยังคงมีไฟที่จะไล่ล่าความสำเร็จต่อไป


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator

โฆษณา