โอลิมปิกเลื่อนส่งผลดีกับนักกีฬาไทยชนิดใดบ้าง?

ปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้โอลิมปิก 2020 ที่เดิมทีจะจัดกันในช่วงกลางเดือนนี้ ต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป 1 ปี ในขณะเดียวกันคณะกรรมการโอลิมปิคสากลก็ได้ขยายกรอบเวลาคัดเลือกโอลิมปิกไปถึง 29 มิถุนายน 2021 แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเป็นจำนวนมหาศาล แต่ทว่านี่คือทางเลือกที่ดีสุดท่ามกลางสถานการณืแบบนี้

อย่างไรก็ตามในวิกฤตยังมีโอกาสเสมอ สำหรับนักกีฬาไทย ก็ส่งผลดีอยู่หลายชนิดกีฬาอยู่เหมืนกัน เพราะจะทำให้มีเวลามากขึ้นในการเตรียมความพร้อม ซึ่งจะมีอะไรบ้างเราได้สรุปมาไว้หมดแล้ว

ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ

เมื่อไวรัสเริ่มระบาดหนักเข้า ทำให้แต่ละชนิดกีฬาทยอยเลื่อนการแข่งขันออกไป ก่อนจะได้ข้อสรุปตรงกันว่า ณ เวลานี้ให้ฟรีซทุกอย่างไว้ แล้วจับตาดูสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด สำหรับนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บหนักอย่าง "มิ้นต์ " อารีย์ณัฏฐา ชวตานนท์ 1 ใน 3 ทีมขี่ม้าประเภททีมอีเว้นท์ติ้งที่ควอลิฟายผ่านโอลิมปิกแล้ว จากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อต้นปี 

เธอได้มีอาการบาดเจ็บหนัก สะบ้าเข่าซ้ายแตกละเอียด เอ็นฉีก ข้อเท้าขวาหัก ต้องพักฟื้นอย่างน้อยร่วม 6 ดือน แถมยังหมดสิทธิ์ควอลิฟายม้าสำรอง และที่เลวร้ายสุดในกรณีที่เธอไปแข่งไม่ได้ เพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนก็จะโดนตัดสิทธิ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาเธอพยายามรีบทำกาภาพบำบัดเพื่อให้ตัวเองหายเจ็บไวที่สุด ทำให้อาการไม่ดีขึ้น การที่โอลิมปิกเลื่อนออกไปทำให้เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันมากนัก

“เลื่อนออกไปก็ส่งผลดีต่อมิ้นต์ที่จะได้เวลารักษาตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงนักกีฬาจากทุกชาติก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นด้วย”

ขณะเดียวกันผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโดมือ 1 ของโลกรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ซึ่งเป็นความหวังเหรียญทองของไทย เธอบอกกับผมว่าเธอจะมีเวลาในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บตามเอ็นร้อยหวาย และตามจุดต่างบริเวณช่วงขาให้หายขาดเสียที เพราะเทควันโดเป็นกีฬาต้องปะทะ ทุกครั้งที่ลงแข่งก็มักจะเจ็บตัวกลับมาตลอด แค่ไม่แสดงอาการหนักมาก แต่มันเรื้อรัง เจ็บแปลบๆเสมอเวลาแข่ง อาจส่งผลเสียเมื่อถึงเวลาแข่งโอลิมปิกได้เช่นกัน

ขณะที่ โทนี่ เพย์น นักวิ่งมาราธอน เจ้าของสถิตประเทศไทยและสถิติซีเกมส์ เป็นนักวิ่งปอดเหล้กไทยที่สถิติใกล้เคียงจะผ่านควอลิฟายโอลิมปิกมากที่สุด แต่มาได้รับบาดเจ็บหนักในปลายปี 2019 แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลับมาลงวิ่งได้อีกครั้งแล้ว แต่ก็ยังยืนระยะจนจบ 42.195 กิโลเมตรไม่ไหว ทำให้โอกาสของเขาก่อนหน้านี้ดูจะจบลงไปแล้ว แต่การที่โอลิมปิกเลื่อนทำให้เขามีเวลาเรียกความฟิตมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายแรกคือต้องพาตัวเองให้วิ่งจบมาราธอนให้ได้ก่อน ซึ่งของแบบนี้มีขั้นตอนได้แต่หวังว่าโชคจะเข้าข้างเขาบ้าง

ปรับตัวเพื่อคืนฟอร์มเก่ง

เป็นปกติที่ฟอร์มนักกีฬาทุกคนจะมีขึ้นมีลง บางคนก็ปรับเปลี่ยนโปรแกรมการซ้อม ทำให้ฟอร์มการเล่นหายไปด้วย อย่างเช่น วุฒิชัย มาสุข นักชกมวยสากล ซึ่งแจ้งเกิดจากรุ่น 64 กิโลกรัม ผลงานเด่นๆทั้งแชมป์เอเชียนเกมส์ 2014 แชมป์ทวีปเอเชีย 2015 เหรียญทองแดงชิงแชมป์โลกในปีเดียว แถมยังเคยขึ้นไปถึงอันดับ 2 ของโลกมาแล้ว

แต่พอ ไอบา มีการปรับรุ่นน้ำหนักใหม่เมื่อปี 2019 ทำให้เขาต้องแบกน้ำหนักขึ้นไปต่อยในรุ่น 69 กิโลกรัมแทน เพราะรุ่นนี้เราขาดแคลนนักชกฝีมือดี แต่ปัญหาของ เจ้าเอ็ม เดิมทีร่างกายเขาเองก็ไม่ทนหมัดเท่าไหร่ เมื่อข้ามรุ่นไปแล้วยิ่งเสียเปรียบเรื่องน้ำหนักหมัดที่เบากว่าเป็นทุนเดิม และยังต้องเจอกับแรงปะทะที่หนักขึ้น นอกจากนั้นสิ่งที่เขาสูญเสียไปก็คือความเร็ว ฟุตเวิร์ค จากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

แม้ว่าจะได้แชมป์ซีเกมส์ 2019 ในรุ่นนี้ แต่เมื่อขยับขึ้นรายการที่ความเข้มข้นสูงกว่าอย่างแมตช์ชิงแชมป์โลก 2019 และคัดโอลิมปิก เลกแรก ไปได้ไกลสุดเพียงแค่รอบสองเท่านั้น เห็นชัดว่าเขายังต้องการเวลาปรับตัว 

“สำหรับผมถือเป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะเพิ่งขึ้นมาชกรุ่น 69 กิโลกรัม ได้เพียงแค่ 6 เดือน ยังการเวลาปรับตัวอยู่ การที่คัดโอลิมปิกเลื่อนทำให้ผมมีเวลามากพอที่จะปรับตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม”

เช่นเดียวกับโปรเม เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟยอดเยี่ยม LPGA 2 สมัย อดีตมือ 1 ของโลก ปัจจุบันรั้งอันดับที่ 13 ของโลก ในปี 2019 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่เธอไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆติดมือได้เลย อย่างไรก็ตามการจบท็อป 10 ได้ถึง 10 รายการไม่ผ่านการตัดตัวรายการเดียวยังถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจ

แต่หากใครที่ติดตาม โปรเม มาตลอด จะสังเกตุเห็นได้ว่าเธอมีรูปร่างที่ดีขึ้น ซึ่งเกิดจากการควบคุมการบริโภคของหวาน ทำให้น้ำหนักตัวลดลง จึงส่งผลต่อวงสวิง การควบคุมน้ำหนักและทิศทางของลูกไปด้วย

ปรับจูนทีมเวิร์ค

การขยายกรอบเวลาของโอลิมปิก ทำให้กีฬาที่เล่นกันเป็นทีม ได้มีเวลาสร้างทีมเวิร์คมากขึ้น โดยเฉพาะวิ่งผลัด 4x100 เมตรชาย ที่ไม่ได้ดวลความเร็วกันอย่างเดียว เพราะหัวใจสำคัญอยู่ที่จังหวะในการรับส่งไม้ที่จะต้องรู้ใจกันพอสมควร 

แต่ปัญหามีการเปลี่ยนแปลงทีมเมื่อ “มิ้ว” จิระพงศ์ มีนาพระ ได้อำลาทีมชาติไปหลังจบซีเกมส์ 2019 ส่งผลต่อทีมไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา มิ้ว ถือเป็นตัววิ่งไม้ 3 ที่ดีที่สุดในประเทศ นอกจากจะเป็นเสาหลักของทีมแล้ว เขายังเป็นไอดอลของน้องๆในทีมอีก 3 คน

อย่างไรก็ตามสมาคมกรีฑาฯ ได้เลือก ชยุตม์ คงประสิทธิ์ แชมป์วิ่ง 200 เมตรซีเกมส์ เข้ามาแทน ทำให้หน้าตาของทีมผลัดสายเลือดใหม่ประกอบด้วย (ไม้ 1) รัตนพล โสวัน, (ไม้ 2) บัณฑิต ช่วงไชย, (ไม้ 3) ชยุตม์ คงประสิทธิ์ และ (ไม้ 4) ศิริพล พันธ์แพ โดยมี รวมโชค เสมาทอง อีกหนึ่งดาวรุ่งเป็นตัวสำรอง และจากการเปลี่ยนอดีตทุกครั้งที่มีการปรับทีมใหม่ มักจะใช้เวลานานเป็นปีกว่าจะลงตัว

ดาวรุ่งได้เก็บประสบการณ์

นอกจากทีมผลัด 4x100 ที่เป็นสายเลือดใหม่แล้ว ทีมมวยสากลเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่กำลังเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่ โดยมีถึง 5 คนจาก 11 รุ่นที่ส่งแข่งคัดโอลิมปิก มีอายุไม่ถึง 20 ปี ขึ้นมาจากระดับเยาวชนเป็นครั้งแรก ใบสน มณีก้อน , ฐิติสรรค์ ปั้นโหมด , วีระพล จงจอหอ , อธิชัย เพิ่มทรัพย์ และพรนิภา ชูตรี  โดยมีเพียง 2 คนแรกเท่านั้นที่ได้โควตาโอลิมปิกเกมส์ไปแล้วอย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งหมดต่างพิสูจน์ตัวเองในเวทีเยาวชนมาหมดแล้ว ฐิติสรรค์ กับ อธิชัย ได้แชมป์เยาวชนโลก ส่วน ใบสน ได้แชมป์เยาวชนเอเชีย ส่วน วีระพงษ์ ได้เหรียญทองแดงยูธโอลิมปิก

แถมยังได้ชิมลางในรุ่นประชาชนกันแล้วด้วย น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้น โดยเฉพาะ ฐิติสรรค์ ปั้นโหมด ถึงขั้นเอาชนะแชมป์โลก แชมป์โอลิมปิก 2016 มาได้ด้วยเรียกได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ซึ่งระยะเวลา 1 ปี จากนี้ถือเป็นโอกาสทองที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเพิ่มความแข็งแรงให้ได้

ได้พัฒนาสถิติ

ว่ายน้ำ กรีฑา เป็นสองกีฬาหลักๆที่ใช้สถิติเป็นเกณฑ์ชี้วัดว่าคุณจะผ่านหรือไม่ผ่านควอลิฟายโอลิมปิก ซึ่งเดิมทีระยะเวลาในการควอลิฟายทั้ง 2 กีฬานี้จะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน แต่เมื่อทาง ไอโอซี ได้ขยายกรอบเวลาออกไป 1 ปี เท่ากับว่า นักกีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีโอกาสในการลงแข่งมากขึ้น

ในส่วนของว่ายน้ำ ขณะนี้มีนักกีฬาชาย 2 หญิง 2 ที่กำลังขับเคี่ยวกันทำสถิติให้ผ่านเกณฑ์บีเป็นอย่างน้อยเพื่อแย่งโควตาไวล์ดการ์ด ที่สหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติมอบให้เพียง 2 ที่นั่ง แบ่งเป็น ชายหญิงอย่างละ 1 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตามหากมองถึงโอกาสผ่านเกณฑ์เอ ซึ่งไม่มีนักกีฬาไทยควอลิฟายผ่านมานานเป็น 10 ปีแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ เจนจิรา ศรีสะอาด ดูจะใกล้เคียงมากที่สุดเพราะสถิติดีสุดของเธอ ห่างจากเกณฑ์เอที่กำหนดไว้เพียง 0.55 วินาที ระยะเวลาอีก 1 ปีกว่าน่าลุ้นเหมือนกันว่าเธอจะพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่

ด้าน กรีฑา ประเภทลาน เรายังคงมีลุ้นจาก สุเบญรัตน์ อินแสง เจ้าของสถิติประเทศไทย ขว้างจักรหญิง มีประสบการณ์ในโอลิมปิก 2016 มาแล้ว ครั้งนี้เธอก็ยังมีโอกาสดีที่จะทำสถิติให้ผ่านเกณฑ์ได้เช่นกัน