สถิติที่ชี้ว่า บอสตัน เซลติกส์ มีโอกาสคว้าแชมป์น้อยที่สุด

หลังจากกรุยทางผ่านเข้ามาสู่รอบชิงแชมป์สายตะวันออกได้อย่างสุดมันส์ ด้วยการปราบแชมป์เก่าอย่าง โตรอนโต้ แรปเตอร์ส ในรอบที่ 2 ทำให้ บอสตัน เซลติกส์ กลายเป็น 1 ใน 4 ทีม (ซึ่งล่าสุดได้มาแล้ว 3 ทีม ร่วมกับ ไมอามี่ ฮีต และ แอล เอ เลเกอร์ส) ที่ผ่านเข้ามาสู่รอบชิงแชมป์สาย ซึ่งหากมองถึงฟอร์มการเล่นโดยรวมตั้งแต่ช่วงฤดูกาลปกติ บอสตัน เซลติกส์ อาจเหนือกว่าเล็กน้อย และทั้งสองทีมเคยเจอกันมา 3 หน ปรากฏว่า เซลติกส์ เอาชนะได้ 2 ครั้ง และ ฮีต ชนะไป 1 ครั้ง … ซึ่งถือว่าไม่ได้ผูกขาดไปซะทีเดียว

อย่างไรก็ตามเมื่อมองเฉพาะผลงานในช่วงเพลย์ออฟ … ฮีต กลายเป็นทีมที่ยกระดับการเล่นขึ้นมาน่ากลัว ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างผู้เล่นเก๋า กับ ตัวดาวรุ่ง ภายใต้ระบบการเล่นที่มั่นคง และ มีตัวโกทูกายที่ดี อย่าง จิมมี่ บัตเลอร์ ซึ่งต้องยอมรับว่า พวกเขาเหนือกว่า เซลติกส์ หน่อยๆ … อีกทั้งยังมีเวลาพักนานกว่า หลังจากโค่นคู่แข่งทั้ง 2 รอบ ด้วยการเสียไปเพียงแค่เกมส์เดียวเท่านั้น

แม้โดยรวมจะดูสูสี แต่มีอยู่ 1 สถิติที่ท้าทายและอาจกลายเป็นอาถรรพ์สำหรับบอสตัน เซลติกส์ ได้เช่นกัน ที่จะทำให้พวกเขาไปไม่ถึงดวงดาวในปี 2020 นี้ … และ เหตุที่ว่าคือเรื่องของ “อายุ” นั่นเอง

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและคุณอาจสนใจ

•  7 เรื่องโจ๊กของ นิโคล่า โยคิช ที่คุณอาจไม่เคยรู้
• “ปิดทองหลังพระ” บทบาททรงคุณค่าที่หาคนเต็มใจทำได้ยาก
• ลูกชู้ต 4 แสน Views จากชายร่างอ้วนที่ เควิน ดูแรนท์ ซูฮก
• Glory Road l ภาพยนตร์บาสที่สอนให้รู้จักคำว่า ผู้นำที่ดี
• พรจากแม่ : การขาดเรียน 7 วัน สู่ 9 ปีใน NBA ของ รูบิโอ้

พลิกสถิติเก่า มีทีมเดียวในลีกที่เคยคว้าแชมป์ด้วยอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 25 ปี

บอสตัน เซลติกส์ ชุดนี้มีแกนหลักของทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นอายุน้อย ทั้ง เจสัน เททั่ม, จาเลน บราวน์ และ มาร์คัส สมาร์ท รวมถึงกลุ่มไลน์อัพ 2 ที่สลับลงมาเล่นทั้ง แกรนท์ – โรเบิร์ท วิลเลี่ยมส์ และ เซมี่ โอเจเลเย่ นั่นทำให้ค่าเฉลี่ยอายุของทีม เซลติกส์ อยู่ที่เพียง 24.3 ปีเท่านั้น (อ้างอิงจาก basketball.realgm.com)

โดยเฉพาะเมื่อลองเทียบกับอีก 3 ทีมที่เหลือ ทั้ง แอลเอ เลเกอร์ส (28.3 ปี), เดนเวอร์ นักเก็ตส์ (25.0 ปี) รวมทั้ง ไมอามี่ ฮีต (26.6 ปี) พวกเขาคือทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุน้อยที่สุดเลยทีเดียว และถ้านับรวมทั้งลีก 30 ทีมในซีซั่น 2020 จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 25.2 ปี

ขณะเดียวกันเมื่อลองเปิดประวัติดูย้อนหลังทีมอายุน้อยที่เคยคว้าแชมป์ NBA จะพบสถิติสำคัญคือ มีเพียงทีมเดียวในประวัติศาสตร์ นั่นคือ พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ปี 1977 หรือ สมัยที่ บิลล์ วอลตัน (พ่อของ ลุค วอลตันอดีตโค้ชและผู้เล่นของ แอลเอ เลเกอร์ส) นำทีม โดยชุดนั้นมีอายุเฉลี่ย 24.2 ปีเท่านั้น ซึ่งนับเป็นทีมเดียวจาก 10 ทีมอายุน้อยแต่คว้าแชมป์ NBA ได้ในประวัติศาสตร์ ที่มีเลขเฉลี่ยต่ำกว่า 25 ปี

ย้อนรอย 10 ปีหลัง ทีมดาวรุ่งไปไม่ถึงฝันในรอบเพลย์ออฟ

ถ้าหากมองในภาพรวมมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2010 มีเพียงแค่ฤดูกาล 2016-2017 ปีเดียวเท่านั้น ที่มีทีมอายุเฉลี่ยมากกว่า 25 ปี ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟเกิน 2 ทีม นั่นคือ พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส และ โอคลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์ส และ บทสรุปของทั้งสองทีมคือจบเส้นทางแค่เพียงรอบแรกเท่านั้น เช่นเดียวกับทีมอื่นๆ ที่นำเอาผู้เล่นประสบการณ์น้อยผ่านเข้ามาเพลย์ออฟได้ แต่ก็ต้องตกรอบไปอย่างรวดเร็วทั้ง บัคส์ ในปี 2015, ร็อคเก็ตส์ ปี 2012 หรือ แม้กระทั่ง โอเคซี ปี 2010 ที่มี 3 ประสานแห่งยุคอย่างเควิน ดูแรนท์ รัสเซลล์ เวสต์บรูค และ เจมส์ ฮาร์เด้น ก็โดน เลเกอร์ส กวาดซีรี่ส์ใส่ 4-0 เกมส์ ในรอบแรก

ทีมที่อายุน้อยกว่า 25 ปี และไปได้ไกลที่สุดในเพลย์ออฟของรอบ 10 ปีหลังสุด คือ บอสตัน เซลติกส์ ปี 2018 ตอนนั้นพวกเขาพ่ายให้กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส 3-4 เกมส์ … และ ครั้งนี้พวกเขาจะได้รับโอกาสอีกหน สำหรับการพิสูจน์ว่า พวกเขานิ่งพอหรือไม่ กับ ไมอามี่ ฮีตซึ่งจะทำให้เส้นทางพวกเขาไปได้ไกลกว่าเดิม

โดยสรุปแล้ว มีราวๆ 10 ครั้ง ที่ทีมอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 25 ปี ที่สามารถผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟได้ แต่กลับมีเพียง “2 ทีม ใน 1 นาม”(เซลติกส์ 2018 และ เซลติกส์ 2020) ที่มาได้ไกลถึงรอบชิงแชมป์สาย

2.73… อีกหนึ่งตัวเลขที่น่ากลัวสำหรับ เซลติกส์ 

ตัวเลขดังกล่าวคือ ค่าเฉลี่ยประสบการณ์ในลีกของผู้เล่นทีมเซลติกส์ ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในบรรดา 30 ทีม นั่นสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขามีตัวผู้เล่นกลุ่มรุกกี้ หรือ ประสบการณ์ไม่ถึง 2 ปี ค่อนข้างเยอะ และอาจส่งผล กับความนิ่งในเกมส์สำคัญ โดยเฉพาะรอบชิงแชมป์สายตะวันออก หรือแม้แต่รอบชิงชนะเลิศที่พวกเขายังคงมีโอกาสฝ่าเข้าไปได้ 

เสาหลักที่มีประสบการณ์อย่าง เคมบ้า วอล์คเกอร์ เอาเข้าจริงก็ถือว่ามีประสบการณ์ในเพลย์ออฟน้อยมาก เพราะเจ้าตัวเคยลงเล่นในรอบเพลย์ออฟแค่ 11 เกมส์เท่านั้น คือ 4 เกมส์ ในปี 2014 และอีก 7 เกมส์ในปี 2016 ส่วน กอร์ดอน เฮย์วาร์ด ที่มีประสบการณ์เพลย์ออฟมากกว่าและมีไอคิวที่สูงนั้น ดันมีอาการบาดเจ็บอีก ดังนั้นจังหวะชี้เป็นชี้ตาย หรือ จังหวะที่ต้องการ Go to Guy Player ของเซลติกส์ มีโอกาสที่ต้องพึ่งเด็กๆที่ ประสบการณ์และความนิ่งยังไม่มากพอ

เพราะต่อให้ทีมดาวรุ่งจะมีความหวือหวา ไม่ว่าจะเป็นทีมอย่าง เซลติกส์ หรือ จะเป็นทีมใดก็ตาม แต่เมื่อเข้ามาเล่นรอบเพลย์ออฟแล้ว ยิ่งรอบลึก ซีรี่ย์ยืดเยื้อ หรือ เจอแมตช์ที่บีบคั้นหัวใจ แฟนบาสคงเข้าใจดีว่า ผู้เล่นตัวเก๋า ซึ่งทำหน้าที่คุมเกม หรือ ชู้ตลูกชี้ชะตานั้นมีบทบาทและความสำคัญมากแค่ไหน โดยเฉพาะในปีที่ปราศจากความฮึกเหิมจากเสียงเชียร์ของแฟนในสนาม และ การลงเล่นโดยไม่มีความเป็นเจ้าบ้านแล้วด้วยนั้น … ประสบการณ์และความนิ่ง อาจเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นและมีประโยชน์กว่าปีไหนๆ

ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การเอาสถิติ มาผนวกรวมกับเหตุผลสนับสนุน เพื่อนำมาสู่การแสดงความคิดเห็นในเชิงความน่าจะเป็นเท่านั้น

แต่ถ้าหาก เซลติกส์ ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และ คว้าแชมป์ได้ ก็จะกลายเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ สำหรับทีมเลือดหนุ่ม ที่น่าภาคภูมิใจและคงเป็นกระแสไม่น้อยทีเดียว