stadium

ปีที่ต้องจดจำ…. NBA 2020 ใครจะได้เข้าชิง??

12 กันยายน 2563

อีกไม่นานแฟนๆ NBA ก็จะได้เห็นบทสรุปของฤดูกาลที่ยืดยาวและแปลกประหลาดที่สุดตั้งแต่การก่อตั้งของลีก ไม่น่าเชื่อว่าการเล่นในระบบบับเบิ้ล แบบไร้คนดูจะยังสามารถสร้างกระแสและประเด็นต่างๆ ให้ทุกคนได้เก็บมาพูดคุยกันได้ ทำให้พอดูรวมๆแล้วเหมือนว่ารอบเพลย์ออฟของปีนี้จะมีกลิ่นอายที่มีเสน่ห์มากกว่าปีก่อนๆด้วยซ้ำ

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความไม่ได้เปรียบในการเล่นเป็นทีม ‘เจ้าบ้าน’ ของระบบเพลย์ออฟปีนี้ หรือการคาดเดาว่าใครจะเดินออกจาก ORLANDO, FLORIDA ในฐานะแชมป์ วันนี้เราลองมาวิเคราะห์กันว่าทำไมปีนี้ถึงมีความพิเศษที่ไม่เหมือนปีไหนมาก่อน

โดยประเด็นของการเล่นแบบไร้คนดูเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีบางทีมฟอร์มตกจนต้องเก็บของเดินทางออกจาก DISNEY RESORT ไปอย่างน่าเสียดาย อย่างเช่น SEED #1 กับ SEED #2 ของ EASTERN CONFERENCE อย่าง MILWAUKEE BUCKS และ TORONTO RAPTORS

 

เมื่อเปิดสถิติจากปีก่อนๆมาดู NBA เป็นลีกที่มี โฮม คอร์ท แอดแวนเทจ  หรือความได้เปรียบในการได้เล่นเป็นเจ้าบ้าน ที่เห็นได้ชัดที่สุดเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับกีฬาประเภทอื่นๆในอเมริกา เช่น NFL, MLB หรือ MLS

สื่อดังอย่าง BLEACHER REPORT ได้มีการยกสถิติหรือค่าคำนวนจากเกมในปีก่อนๆ มาเพื่อหาเลขที่บอก % ของโอกาสที่เจ้าบ้านเป็นฝ่ายชนะ โดยเมื่อคำนวนออกมาแล้ว การเล่นในบ้านนั้น ส่งผลให้ทีมเจ้าบ้านชนะประมาณ 56-58% ของทุกครั้งที่ลงแข่งขันตั้งแต่ลีกได้ก่อตั้ง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรามานับกันตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา ทีมที่เล่นในบ้านชนะมากถึง 65% เลยทีเดียว

 

จากสถิติที่แสดงให้เห็น การเล่นเป็น SEED ที่สูงกว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ทีมสามารถเข้ารอบลึกๆ แล้วไปลุ้นแชมป์ได้ เพราะการเล่นแบบ BEST OF SEVEN SERIES ทีมที่มี SEED สูงกว่าจะมีเกมในบ้านมากกว่า

 

แต่พอมาปีนี้ การเล่นในบับเบิ้ลที่ทุกเกมแข่งที่สนามกลาง ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบไปกว่ากัน โฮม คอร์ท แอดแวนเทจ จึงสูญพันธุ์ไป

แฟนๆ เลยอาจจะเกิดคำถามในใจว่า “นอกจากเสียงเชียร์จากแฟนๆที่อยู่ในสนาม การเล่นในบ้านมันได้เปรียบอย่างไรบ้าง?” 

เราเลยยกสามข้อหลักๆ มาวิเคราะห์กันครับ

การไม่ต้องเดินทาง

 

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีเพลย์ออฟมีการเล่นแบบเหย้า-เยือน ซึ่งหมายความว่าเมื่อทีมต้องออกไปเยือน พวกเขาก็ต้องเดินทางไปล่วงหน้าเพื่อเก็บตัวและเตรียมความพร้อม โดยการต้องนั่งเครื่องนานๆและบินข้ามประเทศก็เป็นปัจจัยที่ทำให้อาการล้าเกิดขึ้นได้ 

 

โดยเฉลี่ยแล้ว ข้อมูลจาก NBA ได้แสดงให้เห็นว่าแต่ละทีมในลีกต้องเดินทางอย่างน้อย 64,000 กิโลเมตรต่อฤดูกาล

 

ลองนึกดู ถ้าทีมของคุณอยู่รัฐ TEXAS (DALLAS MAVERICKS หรือ SAN ANTONIO SPURS) แล้วต้องเดินทางไปแข่งที่ OREGON เพื่อที่จะเจอกับ PORTLAND TRAIL BLAZERS คุณต้องใช้เวลาบินเกือบ สี่ชั่วโมง แค่นั้นยังไม่พอ ยังจะต้องปรับตัวให้เข้ากับ WESTERN TIMEZONE จาก CENTRAL TIMEZONE ที่คุณได้เดินทางมาอีกด้วย

ความคุ้นชินกับสนาม

 

การได้เล่นเป็นทีมเยือนนอกจากต้องเจอกับการเดินทางที่อาจจะเหนื่อยล้าแล้ว ยังต้องปรับการเล่นให้เข้ากับสภาพคอร์ทที่แตกต่าง บางที่ใช้สีที่มีเงาสะท้อนอย่างเช่น BARCLAYS CENTER ของ BROOKLYN NETS ส่วนบางที่ใช้สีธรรมดาบนคอร์ทเห็นได้จากทีม INDIANA PACERS

 

นอกจากสไตล์ของคอร์ทที่แตกต่างกัน บ้างที่มีการปรับความสว่างไฟข้างหลังห่วงเพื่อลดแสงจากแฟนๆบนอัฒจันทร์ ทีมที่ทำเช่นนี้ก็มี LA LAKERS กับ NEW YORK KNICKS ที่ STAPLES CENTER และ MADISON SQUARE GARDEN

 

เมื่อเอาสถิติมาดูแล้วปี 2019/2020 กว่า 70% ของทีมในลีกมี % การชู้ตลงที่สูงกว่าพอเล่นเป็นเจ้าบ้านเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับ % การชู้ตลงเมื่อต้องออกไปเป็นทีมเยือน

 

การต้องปรับนิดปรับหน่อยในการไปเยือนก็ส่งผลให้นักกีฬาไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดได้เหมือนกัน เพราะเหตุนี้ โฮม คอร์ท แอดแวนเทจ เลยเกิดขึ้นได้ 

กรรมการเป่าเข้าข้าง

 

ปัจจัยสุดท้าย ที่ส่งผลให้ทีมเจ้าบ้านได้เปรียบก็คือการที่กรรมการมักจะเป่าเข้าข้างทีมที่เล่นในบ้านมากกว่า โดยประเด็นนี้อาจจะไม่ได้เห็นชัดเหมือนข้อที่ผ่านมา แต่เสียงเชียร์จากแฟนๆ และสถานการณ์ที่กดดันมักจะทำให้กรรมการตัดสินใจเป่าเข้าข้างทีมที่เป็นเจ้าบ้าน

 

เห็นได้จากเกมลึกๆในรอบเพลย์ออฟของปีก่อนๆ ว่าช่วงท้ายเกม % ของการได้ฟาว์ล และไปยิงลูกโทษของทีมที่เล่นในบ้านจะสูงกว่าทีมเยือน การได้โอกาสเข้าไปชู้ตลูกโทษเยอะๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมเป็นฝ่ายชนะในเกมที่คู่คี่สูสีได้

 

พอเรากลับมามองรอบเพลย์ออฟในบับเบิ้ลของปีนี้ ต้องยอมรับว่าความได้เปรียบแต่ละข้อที่กล่าวมาข้างบนนี้ถูกลบออกไปหมด

โดยสตาร์ดังของ HOUSTON ROCKETS อย่าง JAMES HARDEN ออกมายอมรับว่า“ปีนี้ไม่มีความแตกต่างในเรื่องการเล่นในบ้านหรือนอกบ้านเลย” 

 

แม้ว่า NBA จะอนุญาตให้ทีมที่เล่นในบ้านได้เลือกเพลงที่จะใช้ รวมถึงมีการแสดงโลโก้ ทีมบน LED SCREEN ก็ไม่สามารถมาช่วยให้นักกีฬารู้สึกว่าตัวเองได้เปรียบกับการเป็นทีมที่มี โฮม คอร์ท แอดแวนเทจ

 

ปีนี้ทุกเกมที่แต่ละทีมลงไปแข่งต้องวัดกันด้วยความสามารถล้วนๆ เราจึงได้เห็นปรากฏการณ์กลับมาจากการถูกนำ 3-1 เกม

 

การตามหลัง 3-1 เกม นอกจากจะไม่มีใครทำได้มาเป็นเวลากว่าสามปีแล้วก่อนหน้านี้ยังมีแค่  11 ครั้งในประวัติศาสตร์ของ NBA ที่มีทีมทำได้

โดยปีนี้มีทีมที่สามารถกลับมาจากการถูกนำ 3-1 ได้สำเร็จก็คือ DENVER NUGGETS ที่พลิกสถานการณ์จากฟอร์มที่ร้อนแรงของ JAMAL MURRAY กับ NIKOLA JOKIC ส่ง DONOVAN MITCHELL และ UTAH JAZZ ของเขาต้องเก็บของออกจากบับเบิ้ลไปอย่างน่าเสียดาย 

 

ท้ายที่สุดแล้วถึงเวลาที่เราจะให้คำทำนายว่าใครจะเป็นแชมป์ของฤดูกาลสุดพิสดารที่สุดในการแข่ง NBA 

 

โดยปีนี้เราไม่สามารถไปอ้างอิงสถิติเก่าๆ ที่ใช้ในฤดูกาลก่อนๆ มาช่วยวิเคราะห์ได้ จึงต้องเอาตัวเลขจากฟอร์มการเล่นในบับเบิ้ลมาเป็นตัวชี้วัดแทน 

 

ถ้าเรามองไปที่ทีมจาก EASTERN CONFERENCE ที่ผลงานร้อนแรงสมกับชื่อก็ต้องไม่พ้น SEED #5 MIAMI HEAT ที่ในรอบเพลย์ออฟคว้าชัยไปแล้ว 8 เกมและแพ้แค่เกมเดียวเท่านั้น เป็นทีมแรกที่ทะลุเข้าสู่รอบชิงสายตะวันออกได้สำเร็จ 

การที่มีผู้นำอย่าง JIMMY BUTLER และคู่หู GORAN DRAGIC ที่มีเฉลี่ยการทำ 20 แต้มต่อเกมหลังลีกกลับมาแข่งขัน ก็เป็นสาเหตุที่หลายคนมอง HEAT เป็นม้ามืดที่จะทะลุเข้าไปชิงในฐานะแชมป์สายตะวันออกแต่เมื่อมาเทียบกับคู่ชิงสายอย่าง BOSTON CELTICS อาจจะเป็นงานยากสำหรับพวกเขา 

SEED #3 อย่าง BOSTON CELTICS ชนะทั้ง PHILADELPHIA 76ERS และ แชมป์เก่า TORONTO RAPTORS ได้สำเร็จก่อนที่จะเข้ามาถึงรอบนี้ได้ เมื่อดูกันที่ตัวต่อตัวแล้ว CELTICS มีสามประสานอย่าง JAYSON TATUM, JAYLEN BROWN และ KEMBA WALKER ที่เฉลี่ยแล้วมีการทำแต้มเกิน 20 ต่อเกมทุกคน นอกจากนี้ยังมี GORDON HAYWARD ที่หายจากอาการบาดเจ็บแล้วพร้อมที่จะกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง 

 

การที่มีทีมที่ช่วยกันทำแต้มและมีสตาร์ดังมากกว่าที่คอยแบกรับความกดดันให้กันและกัน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ BOSTON CELTICS เข้าไปเล่นในรอบชิง NBA เพลย์ออฟของปีนี้ได้ครับ 

ส่วนในสายตะวันตก ปีนี้คู่ชิงคงหนีไม่พ้นสองทีมจาก LOS ANGELES อย่าง LAKERS กับ CLIPPERS นั่นเองครับ ถึงแม้ทั้งสองทีมยังไม่ได้ผ่านคู่ต่อสู้ในรอบรองของสาย แต่มั่นใจเหลือเกินว่าเมื่อถึงเวลาชี้เป็นชี้ตายแล้ว เราจะได้เห็นสองทีมนี้มาแข่งกันเพื่อตั๋วใบสุดท้ายในการไปเล่น NBA FINALS 

 

สำหรับคู่นี้ การจะทำนายผู้ชนะถือว่าเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน คาดเดาว่าการมาเจอกันของสองมหาอำนาจของวงการบาสจะต้องเล่นกันถึง 7 เกมอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีสถิติที่สูสีกันมากแล้ว แต่ละทีมยังมีสตาร์ดังกันล้นทีม 

 

ทาง SEED #1 อย่าง LAKERS มี LEBRON JAMES กับ ANTHONY DAVIS ที่ถือว่าเป็น 2 ใน 5 ของนักบาสที่เก่งที่สุดในโลกตอนนี้ ส่วน SEED #2 อย่าง CLIPPERS นำมาโดย MVP ของรอบ FINALS ปีที่แล้วอย่าง KAWHI LEONARD กับ คู่หูมากประสบการณ์ PAUL GEORGE 

 

คู่นี้แค่คิดก็สนุกแล้วครับ ปีนี้เจอกันสี่ครั้ง ผลัดกันชนะทีมละสองครั้ง มั่นใจเหลือเกินว่าทีมที่ชนะคู่นี้ นอกจากจะเป็นแชมป์ WESTERN CONFERENCE แล้ว ยังมีโอกาสสูงที่สุดที่จะเป็นแชมป์ NBA FINALS ด้วย 

 

เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ขอเลือก LA CLIPPERS เป็นฝ่ายชนะครับ แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นการชนะแบบเฉียดฉิวด้วยเหตุผลต่อไปนี้ครับ 

การมี KAWHI LEONARD 

 

ถึงแม้ LAKERS จะมีหนึ่งในนักบาสที่เก่งที่สุดตลอดกาลอย่าง LEBRON JAMES แต่การที่ CLIPPERS มีนักบาสที่เลือดเย็นและมีความสามารถปิดเกมทั้งฝั่งรุกและรับอย่าง ‘THE CLAW’ KAWHI LEONARD ในทีมก็ทำให้อุ่นใจได้ว่าในสถานการณ์ที่ต้องปิดเกม CLIPPERS มีนักบาสที่น่าใว้ใจที่สุดในสนาม 

 

ถ้ายังจำกันได้ดี เขาเป็นคนแรกที่ยิงเข้าในวินาทีสุดท้ายของเกม 7 เมื่อปีที่แล้ว ในเกมชนะ PHILADELPHIA 76ERS ซึ่งทำให้ TORONTO RAPTORS เข้าไปเล่นในรอบชิงและคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ปีนี้ก็เช่นกัน ถ้าเกิดอยู่ในสถานการณ์ท้ายเกม บอลจะอยู่ในมือของเขาเพราะเขาเป็นตัวปิดที่ดีที่สุดในลีกตอนนี้แบบไม่ต้องมาถกเถียงกันครับ 

ตัวสำรองที่เหนือกว่า

 

อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ CLIPPERS มีโอกาสชนะเหนือ LAKERS คือการจัดตัวของคู่นี้ เข้าทาง CLIPPERS ครับ ถ้า KAWHI สามารถกัน LEBRON ได้ แล้วในวงใน ANTHONY DAVIS ไม่สามารถทำแต้มได้ง่าย ใครจะเป็นตัวเลือก ที่สามที่จะช่วย LAKERS

 

หลายคนคงมองไปที่ RAJON RONDO หรือ KYLE KUZMA แต่เชื่อเหลือเกินว่าตัวเลือกของ CLIPPERS ที่มี MARCUS MORRIS กับ LOU WILLIAMS ซึ่งทำแต้มเฉลี่ยได้มากกว่า จะเพิ่มการทำคะแนนและนำประสบการณ์มาช่วยพัฒนาฟอร์มการเล่นของทีมครับ 

 

การมีตัวสำรองที่ช่วยแบ่งเบาภาระของสองคู่หูตัวหลักของ CLIPPERS เลยเป็นข้อสำคัญที่น่าจะช่วยให้ทีมคว้าชัยเหนือ LAKERS ได้ 

 

แฟนๆ ก็อย่าลืมติดตามบทสรุปของฤดูกาลที่เต็มไปความแปลกประหลาดและน่าสนใจด้วยนะครับ มาลุ้นกันว่าการเล่นในรอบลึกๆแบบไร้คนดูจะมีอะไรที่หยิบมาเป็นประเด็นได้อีก 

 

คำทำนายจะเป็นจริงหรือไม่ ต้องลุ้นกันต่อไปครับ 


stadium

author

Ta Lao

StadiumTH Content Creator

MAR 2024 KV